กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว แฝดสยาม (12) แฝดสยาม อิน-จัน กล้าบอกเลิกสัญญา

ม้าเทียมเกวียนที่มีหลังคา ตระเวนลากทีมงานแฝดสยาม อิน-จัน ไปทุกที่ในอเมริกาตามแผนงานการแสดง เมืองเล็กเมืองใหญ่ที่ไหนไปหมด งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข ช่วงการเดินทางในอเมริกาเป็นรอบที่ 2 นี้ ฝรั่งที่เป็นผู้จัดการส่วนตัว บันทึกไว้ในหนังสือแบบไม่ละเอียดนัก

หลังจาก อิน-จัน ต่อรองทางจดหมายแบบฝืดสุดสุด กับเถ้าแก่เนี้ย ที่ชื่อนางซูซาน (ที่มิได้ร่วมเดินทางกับคณะด้วย) เรื่องเงินจนได้เพิ่มมาอีกเป็น 3 เหรียญต่อเดือน ก็นับว่าการเงินของคณะการแสดงยังขัดสนไม่ไหลลื่น สภาพอากาศที่หนาวจัดไม่เกื้อกูลต่อการแสดง ซ้ำเติมให้คณะละครเร่หายใจไม่ทั่วท้อง

สิ่งที่แฝดหนุ่มมีความหวังในอนาคตของตน แอบคิดแบบเงียบมาตลอดในอเมริกาคือ การสิ้นสุดของสัญญาเช่าตัวมาแสดงในยุโรปและอเมริกาที่กำลังจะมีผล สัญญาที่ทำไว้กำหนดเวลา 2 ปี 6 เดือน
แฝดหนุ่มที่กำลังจะมีอายุ 21 ปีบริบูรณ์ในวันที่ 11 พฤษภาคม 2375 มีอารมณ์ขุ่นมัวมานาน มีการฉ้อฉลเรื่องส่วนแบ่งรายได้มาตลอด ก่อตัวเพิ่มระดับอุณหภูมิแห่งการแตกหัก

นางซูซาน คอฟฟิน บ่ายเบี่ยงตลอดมา ที่จะพบเพื่อเจรจากับแฝดหนุ่ม เพราะทราบดีว่าแฝดจากปากน้ำแม่กลองจะต่อรองเรื่องค่าใช้จ่ายของคณะแสดง ประการสำคัญคือ แฝดหนุ่มที่สามีเธอไปเช่าตัวมาจากเมืองแม่กลอง สยามประเทศนั้น สัญญาเช่าตัวกำลังจะหมดอายุลง คนประหลาดตัวติดกันที่เป็นตัวทำเงินกำลังจะโบยบิน ไม่อยู่ในสังกัดของเธออีกต่อไป

Advertisement

ก็เฉกเช่นกับดารา นักร้อง นักแสดง ศิลปิน ทั้งหลายที่ส่วนใหญ่มีบริษัทที่เป็นมืออาชีพจัดการงานแสดงให้โดยมีกรอบเวลา ถ้ายังเป็นซุปตาร์ดารายอดนิยมของผู้คน บริษัทก็จะยังคงต้องการให้ทำงานด้วยกันต่อไป แต่ถ้าไม่ร้อนไม่แรง ความประพฤติเสื่อมเสีย ติดเหล้าเมายา ไม่หล่อ ไม่สวย หน้าตาไม่ทันสมัย ทำยอดขายตกวูบ คงเป็นการเปลืองข้าวสุก คนไทยโบราณเค้าเรียกว่า ให้ตัดหางปล่อยวัดไป

งานนี้ ศิลปินอิน-จัน คิดจะตัดหางเถ้าแก่แล้วเอาไปปล่อยวัดครับ

นางซูซาน พยายามอิดออด โอ้เอ้ ที่จะคุยเรื่องนี้ โดยเขียนจดหมายไปบอกอิน-จัน ว่าให้รอกัปตันคอฟฟิน ผู้เป็นสามีที่ไปเดินเรือแถบเอเชียกลับมาถึงอเมริกาก่อน อิน-จัน รับทราบด้วยความพะอืดพะอม อดทนรอคอยการนัดหมายที่จะต้องพูดกันให้เห็นขาวเห็นดำอย่างกระวนกระวาย โดยมีนายแฮริส เป็นพี่เลี้ยงในระหว่างการเดินทางที่รายได้ตกต่ำ

Advertisement

 

ลองหันมาดู เรื่องราวแบบกระจุ๋มกระจิ๋ม ของแฝดหนุ่มสยามที่ร่ำรวยความรักกับหญิงสาวมะริกัน ที่พอนำมาเล่าสู่กันฟังได้บ้างครับ
ในช่วงที่รอคอยคำตอบเรื่องเงินสนับสนุนและตระเวนแสดงแบบกระท่อนกระแท่นในอเมริกา แฝดอิน-จัน พอมีเวลาเขียนจดหมายตอบโต้กับสาวๆ ที่มารุมกรี๊ดด้วยหลายราย หนุ่มตุ๊กตาคู่รวยเสน่ห์ได้รับจดหมายจากสาวๆ แบบหัวกระไดไม่แห้ง

อิน-จัน จากสยาม สวมบทเจ้าบุญทุ่มสั่งซื้อของขวัญมอบให้สาวคนนั้น คนนี้ ส่งทางไปรษณีย์ไม่ขาด โดยนายแฮริส จะเป็นผู้อำนวยความสะดวกให้แบบรู้เห็นเป็นใจ เชียร์ให้ลองมีแฟนฝรั่ง นับเป็นยาวิเศษที่ชโลมใจให้ทั้งสองกระชุ่มกระชวย กระฉับกระเฉง มองท้องฟ้าอเมริกาเป็นสีชมพูได้บ้าง

แน่นอนครับ เป็นดาราหนุ่มคนดัง อายุอานามย่างสู่ 21 ขวบ คงต้องรักใครบ้าง หรือคงต้องมีใครมารักบ้างเป็นธรรมดา อิน-จัน คงต้องการใช้ของต่างประเทศกะเค้าบ้าง

ในระหว่างนี้ อิน-จัน พอเปิดการแสดงแบบพอเลี้ยงตัวเองไปวันๆ แต่ก็เร่งรัด มอบให้นายแฮริส หมั่นเขียนจดหมาย ขอนัดพบนางซูซาน อีกหลายครั้งและคำตอบที่ได้รับทุกครั้งคือ นางปฏิเสธที่จะพบ

จดหมายฉบับที่เจ็บปวดบาดใจที่สุด ที่มาถึง นายแฮริสระบุว่า กัปตันคอฟฟิน ยังเดินเรืออยู่แถวชวา (อินโดนีเซีย) โน่น คงต้องอีกราว 4 เดือน จึงจะมาถึงอเมริกาเพื่อพูดคุย

นี่ถือได้ว่า เป็นฟางเส้นสุดท้ายที่วางบนหลังลา

 

ทันทีที่คณะของแฝดสยามเดินทางมาถึงพิตต์สเบิร์ก (Pittsburgh) รัฐเพนซิลเวเนีย (Pennsylvania) แฝดสยามผู้ทระนง จึงขอให้นายแฮริสเขียนจดหมายไปบอกกับนางซูซานว่า

นับแต่นี้ไป แฝดหนุ่มจากสยามจะขอเป็นอิสระ จะไม่อยู่ในการควบคุมของกัปตันคอฟฟินอีกต่อไป แฝดอิน-จัน จะดำเนินธุรกิจการแสดงด้วยตัวเอง และวันนั้นคือ วันที่ 11 พฤษภาคม 2375 ซึ่งเป็นวันครบรอบวันเกิด อิน-จัน อายุครบ 21 ปี

นี่เป็นการประกาศอิสรภาพของแฝดสยามในอเมริกา

le4pqvdqgvb6ynmc1rmy

นางซูซาน เมื่อเธอได้รับจดหมายตัดสัมพันธ์ทางธุรกิจฉบับนี้ เปรียบได้กับโดนงูจงอางฉก พ่นพิษวิ่งเข้าสู่ขั้วหัวใจ เธอทราบดีว่า ชีวิตของ อิน-จัน ที่สามีเธอลงทุนไปเช่าตัวมาจากนางนาก สมุทรสงครามในราคา 1,600 บาท กำลังหลุดลอยพ้นจากเอื้อมแขนของเธอและสามีไป

อิน-จัน กำลังจะบินเดี่ยว ทำธุรกิจหาเงินในอเมริกาด้วยตัวเอง หลังจากซึมซับประสบการณ์ทุกอย่างมาแล้วเกือบ 3 ปี

นางซูซาน คอฟฟิน ยังคงอาลัยอาวรณ์กับธุรกิจ ที่เรียกว่า Freak Show (โชว์ประหลาด) ที่ทำเงินให้กับเธอเองได้พอสมควร รายได้ก้อนนี้กำลังหลุดลอยไปทั้งๆ ที่ควบคุมอย่างใกล้ชิด แม้กระนั้นเธอยังให้นายเดวิส (เลขานุการ) เขียนจดหมายไปตัดพ้อต่อว่า ผสมกับอ้อนวอนทำนองว่า ควรให้กัปตันคอฟฟิน กลับมาถึงบอสตันเสียก่อน

แต่ทั้งหมดนี้ไม่เป็นผลแต่ประการใด เพราะแฝดสยามทราบดีว่านี่คือลูกเล่นที่นางซูซานมีคุณสมบัติแพรวพราว และที่ผ่านมา สำหรับนางซูซานแล้ว เกลือยังเรียกเธอว่าพี่

อิน-จัน ถูกเอาเปรียบ โดนฉ้อฉลเงินรายได้ก้อนโตมานานเกินที่จะเก็บกด ขอระเบิดมันออกมา และวันนี้ เขาทั้งสองแข็งแกร่ง กระดูกเบอร์ใหญ่ห้าวหาญพอที่จะดูแลตัวเอง ทำธุรกิจในสังคมอเมริกาได้แล้ว

ข้อมูลที่เรียบเรียงมานำเสนอท่านผู้อ่านที่เคารพทั้งหมดนี้ เป็นข้อมูลบางส่วนจากเอกสารของ โจเซฟ แอนดรูว์ ออร์เซอร์ (Joseph Andrew Orser) ซึ่งเป็นชาวต่างชาติที่เขียนไว้ ตรงไปตรงมาแบบนักเลงดี ไม่ดัดจริตลำเอียงเหยียดผิว เหยียดเชื้อชาติแต่ประการใด

ผู้เขียนขอนำพาท่านผู้อ่านที่เคารพ ไปสัมผัสกับความรู้สึกของ สังคมตะวันตก เพื่อตอบโจทย์ว่าสังคมในอเมริกาที่เพิ่งแจ้งเกิดขึ้นใหม่บนโลกใบนี้ พยามหาความแตกต่างระหว่าง ตะวันตก-ตะวันออก และมองแฝดสยามในมุมไหน ทำไมร่างกาย อิน-จัน จึงขายได้ ?

act04220159p3ในช่วงเวลานั้น แอนดรูว์ แจ๊กสัน เป็นประธานาธิบดีของสหรัฐ (ในสยามตรงกับรัชสมัยในหลวง ร.3) ผู้คนในอเมริกาที่เรียกว่า ร้อยพ่อพันแม่ ส่วนใหญ่เป็นพวกผิวขาวจากทวีปยุโรป อพยพทางเรือเข้ามาอเมริกาแบบมืดฟ้ามัวดิน คนพวกนี้เรียกตัวเองว่าเป็นชาวตะวันตก จึงเพ่งมองอิน-จัน ไอ้พวกชาวตะวันออก ผิวซีดเหลือง ผมดำ ตาหยี ทั้งหลาย (คือพวกที่อยู่ในทวีปเอเชีย) รูปร่าง หน้าตา มันกินอยู่กัน มีวัฒนธรรมแบบไหน? อย่างไร?

พวกชาวตะวันตกเคลื่อนไหวถ่ายเท คุ้นเคยกับเผ่าพันธุ์ตนเอง เฉพาะชาวยุโรป ที่มีผิวขาว ผมทอง ผมสีดำ ตาสีฟ้า ตาสีเขียว ตัวสูงใหญ่ มีขนรุงรังเต็มหน้า มีหนวดเคราหนา มีขนเต็มตัว

ชาวยุโรปไม่ค่อยชินตากับมนุษย์เผ่าพันธุ์ สีผิวอื่นๆ นักโดยเฉพาะชาวเอเชีย ที่เพิ่งเข้าไปตั้งรกรากในอเมริกา

ย้อนเวลากลับไป เมื่ออิน-จัน เดินทางด้วยเรือสินค้า 138 วัน จากบางกอกไปถึงบอสตัน เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2372 มีการโหมโฆษณา โดยใช้ชื่อเบื้องต้นเรียกแฝดจากสยามคู่นี้ว่า Siamese Youths บางทีก็เรียกว่า Siamese Boys หรือ Siamese Twins ชื่อเหล่านี้สร้างความตื่นเต้น อยากรู้อยากเห็นให้กับมะริกันชนทั้งหลาย เพราะแทบไม่มีใครรู้จักสยามประเทศว่าอยู่ส่วนไหนของโลก รู้เพียงคร่าวๆ ว่า สยามเป็นดินแดนอยู่ระหว่างอินเดียกับจีน

 

ในอดีต สยามเคยปิดประเทศขับไล่ชาวต่างชาติออกไปในปลายสมัยอยุธยา ไม่ขอติดต่อค้าขายกับชาติตะวันตก เกลียดและไม่ไว้ใจฝรั่ง สยามคบหาค้าขายกับจีนเป็นหลัก ต่อมากรุงศรีอยุธยาแตกเมื่อ พ.ศ.2310 พระเจ้าตากสินมหาราชกอบกู้บ้านเมือง ทำศึกขับไล่พม่าออกไปสำเร็จ ตั้งกรุงธนบุรีเป็นเมืองหลวงของสยามได้ราว 15 ปี

รัชกาลที่ 1 ปราบดาภิเษก ตั้งเมืองกรุงเทพเป็นราชธานี สยามยังต้องรบกับพม่าอีก พออังกฤษเข้ายึดพม่า พี่หม่องมัวไปทำศึกกับฝรั่งอังกฤษ สยามไม่ต้องรบกับพม่า จึงมีเวลาดูแล สร้างบ้านสร้างเมืองกันอุตลุด

สยามเริ่มเปิดประตูบ้าน ค้าขายกับประเทศตะวันตกอีกครั้งในสมัยในหลวง ร.3 กระแสคนจีนนับหมื่น นับแสนอพยพหนีความอดอยาก หนีความขัดแย้งจากจีนแผ่นดินใหญ่ ลงเรือสำเภาเสี่ยงตายฝ่าคลื่นลมมรสุม เข้ามาตั้งรกรากในสยามไม่ขาดสาย ในสภาพเสื่อผืนหมอนใบ มาตั้งรกรากในเมืองบางกอก ตามเมืองชายฝั่งทะเลของสยาม รวมทั้งปู่และพ่อของอิน-จัน ที่มาตั้งรกรากที่เมืองแม่กลอง สมุทรสงคราม

ชาวจีนทำมาค้าขายเก่ง อดทน ทำงานหนัก รักพวกพ้อง ในเวลาไม่นานนัก ชาวจีนผงาดขึ้นเป็นเจ้าของกิจการแทบทุกสาขาอาชีพในแผ่นดินสยาม

ตลอดรัชสมัยในหลวง ร.3 ชาติตะวันตกทยอยเข้ามาสร้างไมตรี จับคู่ค้าขายกับสยาม เรือสำเภา เรือกลไฟของต่างชาติเอาสินค้าจากยุโรปเข้ามา และขนสินค้าจากสยามออกไป อเมริกาแอบชำเลืองมองว่า พ่อค้าอังกฤษประสบความสำเร็จ ในการปูทาง ร้อยเรียงสายต่อท่อสานสัมพันธ์ครั้งใหม่กับสยาม จึงขอตามก้นอังกฤษมาติดๆ

รัฐบาลอเมริกาสืบทราบว่า นายจอห์น ครอเฝิด (John Crawfurd) ของอังกฤษกำลังเดินเจรจาทำสัญญาการค้าอย่างได้ผลกับสยาม สิ่งที่ชาวยุโรปและมะริกันต้องการมากจากสยามคือ เครื่องเทศ เขาควาย หนังเสือดาว ดีบุก และน้ำตาลทราย

ผู้เขียนไม่ทราบมาก่อนเลยครับว่า น้ำตาลทราย คือสินค้าตัวเก่งของสยาม

 

อิน-จัน คือ ตัวแทนทุกสิ่งทุกอย่าง รูปร่าง หน้าตา ลักษณะนิสัย การกินอยู่หลับนอน การได้เห็นอิน-จัน เป็นเสมือนการตอบโจทย์ที่หลายคนอยากทราบ แถมเป็นฝาแฝดที่ตัวติดกัน (Conjoined Twins) แสนประหลาดที่เย้ายวนสุดจะห้ามใจไหว

แฝดสยามที่ อเมริกันเรียกว่า Eng-Chang ได้สร้างการรับรู้ให้กับชาวตะวันตก ทั้งอังกฤษและอเมริกาอย่างอเนกอนันต์ ข้อมูลที่แพทย์ในอังกฤษเข้ามาตรวจร่างกายระบุว่า อิน สูง 5 ฟุต 3 นิ้วครึ่ง ส่วนจัน เตี้ยกว่า 1 นิ้ว ระบุสีผิว รูปโฉมโนมพรรณ ยิ่งกระพือให้คนในอเมริกา กระเหี้ยนกระหือรือที่จะศึกษาว่า มนุษย์จากซีกโลกตะวันออก มีรูปใบหน้า ลักษณะหัวกะโหลก สีผิว สีผม ความกว้างของหน้าผาก กินอาหารอะไร แต่งตัวยังไง

นายเจมส์ เฮล (James Hales) ที่เคยทำหน้าที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวของแฝดอิน-จัน ในช่วงแรก คือคนที่เอาเรื่องของ แฝดสยาม ไปเขียนเป็นหนังสือภาษาอังกฤษเล่มแรกในอเมริกา ชื่อว่า “An Historical Account of the Siamese Twins Brothers” บรรยายเรื่องเร้นลับสรรพคุณ ของแฝดหนุ่ม วางขายที่หน้างานที่โชว์ตัวทุกโอกาส เพื่อให้ผู้ชมรู้จัก แฝดสยาม แบบละเอียด หนังสือที่แกพิมพ์ขายเป็นเจ้าแรกนี่แหละ เลยทำให้คำว่า Siamese Twins ที่กำหนดไว้เมื่อเกือบ 200 ปีที่แล้ว เป็นคำที่ได้รับการยอมรับมาถึงทุกวันนี้

โชคดีนะครับ ที่สังคมอเมริกัน ยอมรับกติกาหลักการเรื่องดินแดนที่อิน-จันเกิด คือ ประเทศสยาม เพราะถ้าโดนเรียกว่า แฝดจีน หรือ Chinese Twins ผู้เขียนคงไม่ทราบว่าจะเขียนไปทำไม และที่เมืองสมุทรสงครามคงไม่ทำอนุสาวรีย์ให้แน่นอน

 

บันทึกของชาติตะวันตกที่เข้ามาค้าขายกับสยาม จะพูดตรงกันว่า การติดต่อค้าขายในสยามต้องติดต่อกับพ่อค้าชาวจีนที่เป็นเจ้าของกิจการเกือบทั้งหมด พ่อค้าชาวจีน มีทักษะทางการค้า การทำบัญชี ขยันขันแข็ง หนักเอาเบาสู้ ข้อมูลตรงนี้ถูกถ่ายทอดไปยังประเทศของตน ทำให้ไปโยงกับ อิน-จัน ว่า การที่ อิน-จัน อดทนเรียนรู้สู้งานหนัก มาทำงานหาเงินในอเมริกา เพราะมีเชื้อสายความเป็นคนจีนนั้นเอง

ผู้เขียนมองย้อนอดีตไป เห็นว่าพวกฝรั่งนี่ช่างคิด ชอบศึกษา ชอบบันทึก ชอบทดลอง ค้นคว้าแลกเปลี่ยนเรียนรู้ตลอดเวลา ทำให้เป็นชนชาติที่มีความเจริญ ก้าวหน้ามาตลอด

ท่านผู้อ่านเชื่อมั้ยครับว่า บรรดาจดหมายที่อิน-จัน เขียนเรียกร้องเงินค่าจ้าง จดหมายที่ทำธุรกิจแสดงตัวหาเงิน จดหมายของกัปตันคอฟฟิน ที่แล่นเรือค้าขายในเอเชีย ที่เขียนกันไป-มาบันทึกทั้งหลายของเจ้านายอิน-จันที่เขียนด้วยลายมือ บัญชีรายรับ รายจ่ายแสดงตัวเมื่อเกือบ 200 ปีที่แล้วยังมีอยู่ครบ ถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีในอเมริกา บันทึกของลูก หลาน เหลน โหลน ในอเมริกา ทำให้เรามีเรื่องอิน-จัน มาเล่าให้คนไทยรุ่นหลังได้ทราบ

 

กลับมาที่อิน-จัน ที่กำลังปีกกล้า ขาแข็งขอบินเดี่ยวในอเมริกา

อิน-จัน เมื่อประกาศตัดความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับ นางซูซาน คอฟฟิน ภรรยาของกัปตันเอเบล คอฟฟิน แล้ว ก็ต้องเดินหน้าต่อแบบไม่มีเกียร์ถอยหลัง

ความเป็นคนซื่อตรง และการเป็นเพื่อนในยามยาก ทำให้แฝดสยามตัดสินใจเลือก นายแฮริส มาเป็นหุ้นส่วน เป็นผู้จัดการส่วนตัว มาร่วมงานกับแฝดสยาม อีกครั้ง

ลูกผู้ชายตัวจริง คนคู่ตัวติดกันจากเมืองแม่กลอง จะทำธุรกิจต่อไปในอเมริกาด้วยตัวเอง เสมือนนกน้อยที่เพิ่งโบยบินออกจากรัง

อิน-จัน จะบินไปได้ไกลแค่ไหน จะเผชิญกับศัตรูหมู่มารเช่นไร โปรดติดตามตอนต่อไปครับ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image