จะต่อท่ออย่างไร : โดย วีรพงษ์ รามางกูร

อย่างที่เคยพูดเอาไว้ว่าไม่มีเผด็จการคนไหนจะทำดี มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องพอที่อยากจะก้าวลงจากตำแหน่งอย่างสง่าผ่าเผย ส่วนมากมักจะมีเรื่องที่ต้องเก็บไว้กับตัว จะให้สาธารณชนรู้ไม่ได้เพราะตนไม่ได้ดีจริงอย่างที่พูดเอาไว้

นักปรัชญาชาวกรีกโบราณเคยกล่าวเอาไว้ว่า “ความเป็นมนุษย์ย่อมสิ้นสุดลง เมื่อมนุษย์คนนั้นกลายเป็นนักการเมือง” แมคเคล อาเวลลี่ กล่าวว่า “ถ้าจะเป็นนักการเมืองก็เป็นไปเลย ไม่ต้องแกล้งทำว่าตนเป็นคนดีสะอาดบริสุทธิ์ผุดผ่อง” เพราะมันเป็นอย่างนั้น อาจารย์ป๋วยจึงไม่ยอมเป็นนักการเมือง เมื่อท่านถูกทาบทามให้เป็นนักการเมือง

ทหารก่อนการทำรัฐประหาร อาจจะดำรงความเป็นทหารได้ ซึ่งก็มีไม่มากนัก เพราะถ้าดำรงตนเป็นทหารอาชีพ ก็คงจะไต่เต้าขึ้นมาไม่ถึงยศ พล.อ. เป็น 1 ในห้าเสือของกองทัพบก ทุกคนเคยเล่นการเมืองมาก่อนทั้งนั้นแหละ แต่เป็นการเมืองคนละเวที ไม่ใช่เวทีของประชาชน แต่เป็นเวทีของกองทัพที่แยกออกจากประชาชนอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นประชาชนโดยตรง หรือสถาบันการเมืองที่มีส่วนยึดโยงกับประชาชน อย่างเช่นรัฐสภาหรือคณะรัฐมนตรี

เมื่อมีการประกาศ “สัจวาจา” ในรูปโรดแมปว่า จะมีการเลือกตั้งภายในปีนี้คือปี 2561 แม้ว่าจะเลื่อนไปเป็นเดือนกุมภาพันธ์ปี 2562 ก็เป็นการเสีย “สัจวาจา” ไปครั้งหนึ่งแล้ว เพราะถ้าต้องการ “รักษาสัตย์” อย่างชายชาติทหารที่เคยให้ไว้กับประชาชนก็สามารถทำได้ถ้าจะทำ ทั้งสภานิติบัญญัติหรือ สนช. คณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือ คสช. หรือแม้แต่การออกเสียงด้วยประชามติ ทำได้หมดถ้าจะทำ

Advertisement

แต่คงไม่ได้คิดอย่างนั้นตั้งแต่ตอนที่ทำรัฐประหารยึดอำนาจจากประชาชนแล้ว เพราะเป็นโอกาสดีที่ทหารประสบความสำเร็จในการทำสงครามจิตวิทยา โจมตีระบอบประชาธิปไตย โจมตีนักการเมือง โจมตีคอร์รัปชั่น ซึ่งมีมาตลอดจนเป็นวัฒนธรรมของสังคมไทยไปแล้ว อันเนื่องมาจากปัจจัยหลายอย่าง รวมทั้งโครงสร้างระบอบการปกครองของไทยในอดีตกว่า 600-700 ปีมาแล้ว

ตำแหน่งเจ้าเมืองหลายแห่งทางกรุงศรีอยุธยาก็ประกาศประมูลขาย ตำแหน่งเจ้าภาษีนายอากรก็เป็นตำแหน่งประมูลขายแล้วไปหากินเอาเองเรียกว่าไปกินเมือง การฉ้อราษฎร์บังหลวงที่ไม่สามารถปราบได้ก็เพราะเป็นมรดกทางประเพณีวัฒนธรรมของไทยตลอดมาไม่เคยขาดหาย ของจีนและของชาติอื่นๆ ในเอเชีย ยกเว้นญี่ปุ่นและสิงคโปร์ที่ผู้นำทำการปฏิรูปอย่างเอาจริงเอาจัง นอกนั้นเป็นเหมือนกันหมด

การประกาศจะต่อท่อสีเหลืองเผด็จการทหาร ไปใช้ขบวนการเลือกตั้งจากประชาชนอันเป็นท่อสีแดง โดยการกว้านซื้อ ส.ส.จากพรรคการเมืองต่างๆ เป็นของธรรมดา เพราะจุดมุ่งหมายปลายทางของนักการเมืองกับนักปฏิวัตินั้นเหมือนกันคือ ทำอย่างไรจึงจะเข้าถึงอำนาจ “รัฐ” ได้ ส่วนการหาเงินสร้างฐานะนั้นเป็นผลพลอยได้เมื่อตนหรือพรรคพวกตนได้อำนาจรัฐมาแล้ว

Advertisement

เรื่องที่จะเปลี่ยนจากรัฐปกครอง governing state ให้เป็นรัฐบริการหรือ service state นั้น คงจะไม่มีในความคิด ถ้าจะมีการกระทำก็คงไม่ได้ทำจากอุดมการณ์ แต่ทำเพื่อหาเสียง ทำเพื่อต้องการให้ได้รับเลือกตั้งเข้ามามีอำนาจเท่านั้น

การต่อท่อของรัฐบาลประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้งนั้นมองได้ง่ายคือ การซื้อเสียงสำหรับผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงที่ซื้อได้ ซึ่งตอนหลังก็ไม่แน่ว่าจะได้ผลตามต้องการหรือไม่ เพราะมีงานวิจัยของนักวิชาการหลายมหาวิทยาลัยที่ตีพิมพ์เผยแพร่ว่าการแจกเงินซื้อเสียงไม่สู้จะได้ผล

ขณะเดียวกันการควบคุมและวัดประสิทธิผลของการแจกเงินก็ทำได้ยาก ถึงทำได้ก็ไม่มีผลอะไร เพราะการแจกเงินซื้อเสียงเป็นสิ่งผิดกฎหมาย เปิดเผยไม่ได้ หัวคะแนนบางคนอาจจะถูกเก็บ ที่จะได้ก็เป็นส่วนน้อย ไม่มีนัยสำคัญ เสียเงินเปล่าถ้าทำอย่างนั้น แต่การจัดรถอำนวยความสะดวกนั้นยังมีแต่ก็ต้องปิดบังซ่อนเร้นอย่างหนัก

แต่สำหรับพรรคการเมืองที่สนับสนุนทหารเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว มักจะมีอภิสิทธิ์ เช่นได้รับเลือกทุกครั้ง ที่เขตดุสิต เสาหลักประชาธิปไตยอย่าง ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ยังสอบตกมาแล้วในเขตนี้ ส่วนเขตอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นที่กรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัดในระยะหลังเปลี่ยนไปมาก

ถ้าหากการใช้เงินมีผลต่อการเลือกตั้งจริง กองทัพเอาเงินที่ไหนมาทำงานการเมือง นอกจากการทำการฉ้อราษฎร์บังหลวง คอร์รัปชั่น เอาเงินราชการลับเพราะไม่ต้องมีใบเสร็จรับเงินส่งกรมบัญชีกลาง ซึ่งก็เป็นเงินภาษีอากรจากกระเป๋าพวกเราประชาชนทั้งนั้น ไม่ใช่เงินนายพลที่ลงทำงานการเมือง การออกเยี่ยมหาเสียงกับประชาชน การเอาทหารลงพื้นที่หาเสียงแข่งกับนักการเมืองอาชีพ ก็เงินจากภาษีอากรของประชาชนทั้งนั้น เพราะนายพลแต่ละคนไม่ได้มีธุรกิจอื่นที่จะมีรายได้หรือมีทรัพย์สินที่ก่อให้เกิดรายได้เลย

อีกทางหนึ่งที่จะมีเงินมาต่อท่อสนับสนุน “พรรคทหาร” หรือพรรคที่ประกาศตัวสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ ก็คือบริษัทยักษ์ใหญ่ไม่เกิน 5 บริษัท เคยคุยกับเจ้าของบริษัทเหล่านี้ว่าทำไมต้องจ่ายพรรคการเมือง แล้วก็จ่ายทุกฝ่ายด้วย ได้รับคำตอบว่าเป็นการประกันความเสี่ยงชนิดหนึ่งเพราะไม่แน่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาล ถ้าแทงหวยผิดอาจจะกระทบกระเทือนธุรกิจของตนได้ ต้องจ่ายเงินเดือนสมาชิกสภาไม่ว่าจะเป็นสภาอะไร ทั้งเลือกตั้งหรือแต่งตั้งโดยจ่ายเป็นรายเดือน

ตอนนี้นักการเมืองไม่ได้เป็นสมาชิกสภาก็แย่หน่อย แต่ข้าราชการทั้งที่ยังรับราชการอยู่และเกษียณอายุราชการไปแล้วจะสบายหน่อย เพราะมีเงินเดือน มีค่ารับรอง มีผู้ช่วย มีเลขานุการ ซึ่งก็เอาลูกหลานลูกน้องคนใกล้ชิดมาเป็น มารับเงินเดือนโดยไม่ต้องทำอะไรมาก จึงไม่สนับสนุนสภาที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ถ้าเป็นสภาลากตั้งตนก็มีโอกาสได้เป็นสมาชิกเพราะสนิท เพราะเป็นทหารเก่าหรือเป็นลูกน้องผู้ทำปฏิวัติรัฐประหาร เวลาจะยกมือลงคะแนนเสียงก็มี “โพย” ของประธาน “วิป” ใส่ซองไว้ให้ตอนลงชื่อเข้าร่วมประชุมอยู่แล้ว

ปัญหาของการต่อท่อผ่านการเลือกตั้งจึงยุ่งยาก สลับซับซ้อน ประชาชนเป็น “ใหญ่” ขึ้นมาทันที ผู้นำต้องเดินทางไปหาหัวคะแนนในท้องถิ่น ต้องจ่ายเงิน จ่ายหัวคะแนนให้ระดมคนมาอย่างน้อยเท่านั้นเท่านี้ตามที่ออกข่าวหนังสือพิมพ์ เนื่องจากชาวบ้านแก่ๆ พูดไม่เก่ง ต้องคัดเลือกคนที่กล้าพูดกล้าจา ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอ ส.ส.ในพื้นที่ต้องมาซักซ้อมไว้ให้ดี

การเดินทางไปมาทุกครั้งต้องใช้เงินและมักจะใช้เงินของท้องถิ่น ตั้งแต่องค์การบริหารส่วนจังหวัดและองค์การบริหารส่วนตำบล ส่วนนายกเทศมนตรีซึ่งส่วนมากสังกัดพรรคการเมือง ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งได้ยาก จึงไม่ต้องเสียเงินจัดงานต้อนรับนายกรัฐมนตรีเมื่อไปตรวจเยี่ยมต่างจังหวัด แต่นายกรัฐมนตรีทุกคนชอบไปตรวจเยี่ยมต่างจังหวัดเมื่อฤดูเลือกตั้งใกล้เข้ามา

เมื่อเงินงบประมาณจากส่วนกลางเป็นเงินที่ใช้ได้ยาก แม้จะเป็นงบกลางก็ต้องถูกตรวจสอบ เงินจากรัฐวิสาหกิจก็เช่นเดียวกัน เงินจากท้องถิ่นก็มีปัญหา ก็เหลือเงินจากบริษัทยักษ์ใหญ่เท่านั้น ที่จะนำมาช่วยในการหาเสียงของพรรคการเมืองที่ประกาศตัวสนับสนุนนายกรัฐมนตรีปัจจุบันในการใช้หาเสียง โดยอ้างว่านำไปแจกซื้อเสียงจากประชาชน ภาคอีสาน ภาคเหนือ ภาคกลางและรอบนอกของกรุงเทพมหานคร

ที่จริงไม่ได้ซื้อแต่เอาเข้ากระเป๋า ทั้งๆ ที่มีการรับประกันว่าแต่ละหน่วยต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่าเท่านั้นเท่านี้ ที่ได้ก็แล้วไป ที่ไม่ได้หัวคะแนนก็มีเหตุผลแก้ตัวได้เสมอ เช่น หัวหน้าเขตทุกเขตซึ่งพรรคฝ่ายค้านเป็นคนตั้ง ซึ่งมีอิทธิพลทางความคิดต่ออาอึ้ม อาซิ้ม อากิ๋ม อากู๋ อาเจ็ก อาเจ้ อาเฮีย อาหมวย อาตี๋ อาทั้งหลายเหล่านี้ชอบฝ่ายค้าน เพราะเกลียดตำรวจเกลียดรัฐบาลเสมอมา

ยังนึกไม่ออกว่าจะแปลงตัวจากยักษ์ไปเป็นลิงเพื่อหลอกพระราม หลอกคนดูได้อย่างไร เพราะยักษ์เมื่อยามโกรธก็ต้องกระทืบเท้า ชี้หน้าและมือตบอก จะทำเป็นลิงเกาโน่นเกานี่อยู่ไม่เป็นสุข หกคะเมนตีลังกาหาเหาให้กันได้อย่างไร ถึงจะพยายามนำเอาพลยักษ์ออกหาเสียงตระเวนตามหมู่บ้าน ก็ทำได้ไม่เหมือนหรอก เพราะไม่ได้ฝึกมาเพื่อการนี้ ยังจะถูกพ่อ-แม่พี่น้องที่เป็นเสื้อแดงด่าเอาว่า “ลืมกำพืด” ไปสนับสนุนพรรคทหารหรือพรรคสมุนทหาร

พ่อแม่จะเลือกประชาธิปัตย์ต่อไปจะทำไม เพราะเคยเลือกมาอย่างนั้นตั้งแต่ปู่ย่าตายาย คราวที่แล้วหลงผิดอยากเป็นนายกรัฐมนตรี ยอมเข้าไปจัดตั้งรัฐบาลในกรมทหาร ฟังเสียงดูบัดนี้เขากลับมายืนที่เก่าแล้วคือต่อต้านเผด็จการทหาร ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลเผด็จการทหารโดยตรงอย่างวันนี้ หรือเผด็จการที่ต่อท่อจากเผด็จการทหารมาสู่ท่อประชาธิปไตยผ่านการเลือกตั้ง

แม้ว่าหัวหน้ารัฐบาลเผด็จการทหารจะสบประมาทว่าไว้คอยดูหลังเลือกตั้งก็แล้วกัน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์จะว่ายังไงก็ยังไม่มีเสียงตอบ พรรคประชาธิปัตย์ยังแทงกั๊กอยู่โดยให้อดีตหัวหน้าพรรคออกมาขอบใจหัวหน้า คสช.หัวหน้าคณะรัฐประหาร ซึ่งต้องถือว่าเป็นวิวัฒนาการใหม่ของ “ผู้ที่เชื่อมั่นในระบอบรัฐสภา”

อยากจะให้ดูการต่อท่อเป็นรัฐบาลของหัวหน้า คสช. คณะรัฐประหาร ที่ยังไม่ยอมเลิกจนบัดนี้ ยังจะหาทางเป็น “อีแอบ” เป็นนายกฯคนนอกต่อไปอีกสัก 4-5 ปี จะเป็นนายกรัฐมนตรีถึง 8-9 ปี

เราคงจะได้เห็นอะไรดีๆ อีกที

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image