‘รัก’ที่ไร้เงื่อนไข :โดยจันทร์รอน

ในโลกที่ต่างคนต่างสร้างตัวตนของตัวเองขึ้นมา ต่างขับเคลื่อนไปด้วยความปรารถนาที่แตกต่าง การอยู่ร่วมกันคือเติมเต็มปรารถนาให้กันและกันได้

ในวันที่ยังมีสิ่งแลกเปลี่ยนในปรารถนาของกันและกัน ความสัมพันธ์ก็หวานชื่น รักกัน รักกัน

แต่เพราะสรรพสิ่งล้วนแปรเปลี่ยน ในวันสิ่งที่เคยสนองปรารถนาเสื่อมถอยไป หรือปรารถนานับวันยิ่งเพิ่มพูน กระทั่งที่มีอยู่ไม่เพียงพอที่จะสนอง รักนั้นก็จืดจางไปตามความไม่สมอยาก

ซึ่งมากมายนำสู่การเลิกราสัมพันธ์ที่เคยปานจะกลืนกิน

Advertisement

ละเอียดลงไปมากกว่านั้น

เมื่อต่างมีชีวิตที่ขับเคลื่อนอยู่ด้วยปรารถนาของตัวเอง ปรารถนานั้นสร้างอัตตาและขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

นั่นหมายถึงเพิ่มปริมาณปรารถนาตามการขยายตัวตนนั้น

Advertisement

ธรรมชาติของความอยากคือ จะรู้สึกมั่นคงเมื่อสามารถควบคุมสิ่งที่ตัวเองสัมผัสสัมพันธ์เพื่อจัดการให้เป็นไปตามที่ปรารถนาได้

เมื่อต่างฝ่ายต่างมุ่งหมายที่จะควบคุมกันและกัน แรงปะทะย่อมเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ฝ่ายที่ยังมีสิ่งสนองปรารถนาของอีกฝ่ายเป็นเหยื่อล่อ คล้ายจะยังมีอำนาจในการควบคุมอีกฝ่ายได้มากกว่า แต่อำนาจนั้นย่อมขึ้นกับภาระในการรักษาสิ่งสนองปรารถนานั้นให้คงอยู่ หรือให้เพิ่มพูนขึ้น

ด้วยเป็นเงื่อนไขของการยอมรับอำนาจ

ทว่าส่วนใหญ่ของสิ่งสนองปรารถนา มักแปรเปลี่ยนไปในทางเสื่อม

หรือแม้จะคงอยู่หรือพัฒนาไปได้ แต่ปรารถนานั้นได้พัฒนาตัวเองขยายอยากไปมากมาย จนกลายเป็นว่าสิ่งที่มีอยู่นั้นด้อยค่า ไร้ราคาเกินกว่าจะสนองได้

สัมพันธ์แบบแลกเปลี่ยนปรารถนานี้จึงเสื่อมลง และสู่การจบสิ้นง่ายดาย

หากเข้าใจและทำใจยอมรับได้ การจากลากันก็ไม่ก่อปัญหาอะไรมากนัก

แต่หากมองไม่เห็นความเป็นจริงว่าที่แท้แล้ว ความสัมพันธ์ขึ้นอยู่กับปริมาณการมีอยู่ของสิ่งสนองปรารถนา ว่าเพียงพอที่จะสนองตามขนาดของปรารถนาหรือไม่

หลงไปเชื่อว่าผูกพันกันไว้ด้วย “รัก”

และบางทีอาจหลงเชื่อว่าอีกฝ่ายผูกพันอยู่ด้วยรัก ทั้งที่ตัวเองยังไม่สะบั้นสัมพันธ์ก็เพราะอีกฝ่ายยังมีสิ่งที่สนองปรารถนาของตัวอยู่

เหล่านี้ล้วนเป็นความสัมพันธ์ที่เบาบาง ยากที่จะรักษาไว้ มีภาระไม่รู้จบสิ้นที่จะรักษาอำนาจในการควบคุมด้วยการแสวงหาสิ่งที่อีกฝ่ายปรารถนานั้นมาเติมให้คงอยู่ หรือให้มากขึ้นตามปรารถนาที่เพิ่มปริมาณอยากไม่รู้เพียงพอ

สังคมที่ค่อยพัฒนาความสัมพันธ์เช่นนี้จนเป็นค่านิยม สู่ความเป็นวัฒนธรรม ย่อมเป็นสมาชิกอยู่ร่วมกันอย่างไร้ความสุขที่แท้จริง

ผู้คนอยู่ร่วมกันอย่างเปราะบางในความสัมพันธ์ ต่างดิ้นรนแสวงหาสิ่งที่สนองความอยากเพื่อมาแลกเปลี่ยนกัน

ไม่มีความรู้สึกมั่นคงในชีวิตที่แท้จริง

หนทางที่จะเยียวยาชีวิตที่ปวดร้าวเช่นนี้ได้ จำเป็นต้องนำความรู้สึกนึกคิดของผู้คนกลับสู่ “ความรักที่แท้จริง”

อันหมายถึง “ความรัก” ที่เปี่ยมด้วยความปรารถนาดี เห็นอกเห็นใจ ยินดีในความรื่นรมย์ของอีกฝ่าย อย่างไม่มีเงื่อนไขว่าจะต้องมา
สนองอะไรให้

เพียงแต่การพัฒนาสำนึกเช่นนี้ให้เกิดขึ้นในใจท่ามกลางความเป็นไปที่ไปไกลในเส้นวิถีของการมุ่งสนองความอยากเป็นหลักเช่นนี้
ดูจะเป็นความยากเย็นอย่างยิ่ง

ด้วยคนที่มุ่งสร้างสำนึกเปี่ยมรักเช่นนี้ ต้องหนักแน่น และทนทานต่อความไม่สามารถคาดหวังในสิ่งเดียวกันจากคนในสังคมได้

เพียงแต่ว่า หากหนักแน่นเพียงพอแล้ว วันหนึ่งจะรับรู้ว่า สำนึกเปี่ยมรักนั้นหากสร้างขึ้นในใจตัวเองได้

นั่นเป็นความสุขที่แท้จริง

สุขที่ไม่ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ต้องอาศัยคนอื่นและสิ่งอื่นหยิบยื่นมาให้

เป็นความสุขมั่นคงอยู่ในใจตัวเอง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image