มีผู้อ่านคนหนึ่งบอกว่าเพิ่งได้อ่านวาระสุดท้ายของทศกัณฐ์เห็นแปลกดีจึงอยากรู้ว่าวาระสุดท้ายของพระรามมีอะไรต่างไปจากรามเกียรติ์บ้าง เพราะตามเรื่องรามเกียรติ์ทราบแต่ว่า เมื่อพระนารายณ์แปลงเป็นนางอัปสรมาลวงนนทุกให้รำตามจนพลาดท่าเอานิ้วเพชรชี้ขาตัวเอง แล้วเห็นนางอัปสรเป็นพระนารายณ์จึงต่อว่า พระนารายณ์จึงสาปนนทุกให้ไปเกิดใหม่มี 10 เศียร 20 กร ส่วนพระองค์จะเป็นมนุษย์ 2 มือลงไปปราบ แต่ในเรื่องไม่ทราบว่าตอนไปเกิดเป็นมนุษย์นั้นใครเป็นคนเชิญ นักอ่านผู้นั้นขอให้ผู้เขียนเล่าส่วนที่ไม่มีในภาษาไทยมารวมไว้ด้วย
เรื่องการเสด็จมาสู่โลกมนุษย์และเสด็จกลับสู่สรวงสวรรค์ของพระรามดูเหมือนจะไม่มีกล่าวในเรื่องรามเกียรติ์ทั่วๆ ไป ผู้เขียนเห็นว่าถ้านำมาเล่ารวมไว้ด้วยก็น่าจะทำให้เรื่องสมบูรณ์ขึ้น จึงตรวจสอบจากฉบับต่างๆ ก็พบว่ามีกล่าวถึงในเรื่อง รามายณะ วิลาสินี ที่ สุภร ผลชีวัน ถอดความจาก “Beauties of Ramayana”
แต่งโดย Sri Swami Awananda มีกลอนตอนหนึ่งว่า
“ราพณ์ร้ายกลายเป็นทรราช อำนาจบีบอกพศกหนัก
แม่พระธรณีนงลักษณ์ แปลงพักตร์กายาเป็นคาวี
จรสู่บรมพรหมเมศ เทเวศร์มหาสิทธิ์ฤษี
พร้อมกันพลันก็จรลี สู่ที่ฐิติหริรักษ์
พระพรหมก้มพักตร์สักการ์ ทูลว่า “อ้าองค์พระทรงศักดิ์
ไปเกิดเป็นมนุษย์บุรุษลักษณ์ ผลาญยักษ์ราพณ์ผู้ศัตรูอมร”
องค์พระหริตริแล้ว ตรัสแจ้วเจื้อยว่า “อย่าสยอน
เราไปเกิดแท้แน่นอน เป็นลูกภูธรทศรถ
ทวยเทพเทวามาสิ จุติวานรจรหมด
ส่วนโยคะมัยไกรยศ กำหนดเกิดนี้สีดา”
ตรงนี้ได้ความชัดเจนขึ้นมา แม่พระธรณีกับพระพรหมและเทพทั้งหลายได้พากันไปเฝ้าทูลพระหริ (คือพระวิษณุนารายณ์) ให้เสด็จอวตารมาปราบราพณ์ (ทศกัณฐ์) และนางสีดาก็มาในคราวเดียวกัน
เรื่องตรงนี้ต้องขอขยายความสักเล็กน้อย คือเมื่อท้าวทศรถจะทำพิธีอัศวเมศ ได้เชิญพระวศิษฐ์และพระฤษยะสฤงค์มาเป็นเจ้าพิธี ในครั้งนั้นพระฤษยะสฤงค์ได้ประกาศขอบุตรให้ท้าวทศรถ
บรรดาเทวดาและนักสิทธิวิทยาธรที่มาประชุมช่วยงานอยู่ในที่นั่น ต่างพร้อมใจกันทูลพระพรหมว่า “บัดนี้ถึงเวลาที่จะปราบทศกัณฐ์ได้แล้ว ขืนปล่อยให้ทำอะไรตามใจชอบต่อไป ก็จะเที่ยวรบกวนฤษีชีพราหมณ์ให้เดือดร้อน”
พระพรหมจะตัดสินพระทัยอย่างไรจะได้ทราบในตอนต่อไป
