ที่มา | มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | คอลัมน์หน้า 3 มติชน |
เผยแพร่ |
6เมษายน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีเอกสารลับที่อ้างถึงการฟอกเงินในต่างประเทศของ ปานามา เปเปอร์ส ที่มีคนไทยเกี่ยวข้อง 21 รายชื่อว่า เห็นข่าวจากหนังสือพิมพ์ ซึ่งกำลังจะถามคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ว่าเหตุใดถึงไม่รายงานเรื่องดังกล่าวกับตนทั้งที่มีการเสนอข่าวออกมาแล้ว
อย่างไรก็ตาม เงินที่นำไปฝากไว้ยังบริษัทในประเทศปานามาแห่งนี้ ไม่จำเป็นต้องเป็นเงินผิดกฎหมาย แต่คนดีๆ คงคิดไม่ออกว่าทำไมต้องนำเงินไปฝากที่นี่
ส่วนหากมีการนำเงินผิดกฎหมายไปฝากพอเบิกออกมาจะกลายเป็นเงินบริสุทธิ์หรือไม่นั้น ต้องถามก่อนว่านำเงินจำนวนนั้นออกจากประเทศได้อย่างไร ลำพังการนำเงินไปฝากไม่ทำให้เป็นการฟอกเงิน เว้นแต่เงินที่ได้ไปเป็นเงินผิดกฎหมายเลยไปฟอกให้ถูกกฎหมาย และการที่มีคนไทยนำเงินไปฝากได้ ไม่ได้หมายความว่ากฎหมายของไทยมีช่องโหว่
“บางทีเงินไม่ได้ส่งตรงจากไทย แต่ส่งไปที่อื่นก่อน แต่คนเราถ้าวิริยะอุตสาหะขนาดนั้น มันต้องผิดปกติแล้ว
“ปปง.สามารถตรวจสอบเชิงรุกไปในพื้นที่อื่นๆ ที่อาจมีเงินผิดกฎหมายซุกซ่อนอยู่ได้ ซึ่งโทษสูงสุดของกฎหมายฟอกเงินไทยคือจำคุกตลอดชีวิต
“รวมถึงยึดทรัพย์สินที่ได้มาอย่างผิดกฎหมาย”
คดี “ปานามา เปเปอร์ส” มิได้สะท้านสะเทือนอยู่แต่เฉพาะในประเทศไทย แต่เป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจจากทั่วโลก
เพราะรายชื่อของผู้ถูกระบุว่าเข้าไปเกี่ยวข้องพัวพันกับการ “ฟอกเงิน-หนีภาษี” นั้น ล้วนเป็นคนดัง เป็นมหาเศรษฐี เป็นข้าราชการระดับเป็นนักการเมืองของแต่ละประเทศ
5 เมษายน เอเอฟพีรายงานความคืบหน้ากรณีการเปิดโปงข้อมูลการเงินของบริษัท มอสแสค ฟอนเซกา บริษัทด้านกฎหมายและการเงินในประเทศปานามา
ว่าส่งผลให้ นายซิกมุนดูร์ ดาวิด กุนน์ลูอีสัน นายกรัฐมนตรีไอซ์แลนด์ ลาออกจากตำแหน่งแล้ว
ขณะที่โฆษกทำเนียบเครมลินของรัสเซีย ตอบโต้กรณีมีบุคคลใกล้ชิดของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำ รัสเซีย อยู่ในเอกสารว่า การรั่วไหลเป็นแผนการของหน่วยข่าวกรองสหรัฐอเมริกา หรือซีไอเอ ที่พุ่งเป้ามาที่ประธานาธิบดีปูติน เพื่อทำลายความมั่นคงของรัสเซีย
ในเอกสารยังมีผู้นำประเทศที่มีรายชื่อปรากฏอยู่อีกหลายคน อาทิ ประธานาธิบดียูเครน และสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน บิน อับดุลลาซิซ ประมุขแห่งซาอุดีอาระเบีย
ส่งผลให้รัฐบาลของหลายประเทศตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเส้นทางการเงินในแวดวงธุรกิจข้ามชาติ
ก่อนหน้าจะเปิดโปงเอกสารคดี “ปานามา เปเปอร์ส” ในครั้งล่าสุด ที่มีการระบุว่ามีคนไทยอยู่ในข่ายเกี่ยวข้องด้วย 21 รายนั้น
เครือข่ายผู้สื่อข่าวสืบสวนสอบสวนนานาชาติ หรือไอซีไอเจ เคยเปิดเผยเอกสารออกมาแล้วชุดหนึ่งตั้งแต่ปี 2553
เป็นเอกสารที่เปิดเผยรายชื่อบุคคลและบริษัทที่เข้าทำธุรกรรมทางการเงินในประเทศย่านทะเลแคริบเบียน ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นดินแดนที่ “เอื้อเฟื้อสิทธิประโยชน์ทางภาษี” ให้กับมหาเศรษฐีหรือบริษัทข้ามชาติจำนวนมาก
โดยในเอกสารชุดนั้นมีการระบุรายชื่อว่ามีคนจากประเทศไทยเข้าไปทำธุรกรรมในย่านดังกล่าว 780 ราย 50 บริษัท
และมีการระบุที่อยู่ในประเทศไทยของบุคคลเหล่านี้ 643 แห่ง
จึงน่ายินดีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. และ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ประสานเสียงพร้อมกันว่า
จะตรวจสอบเรื่องดังกล่าวทั้งแง่ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายให้ชัดเจน
และหากพบใครกระทำผิดก็ต้องดำเนินการไปตามความผิด
เพราะในรายชื่อที่ปรากฏนั้น ครอบคลุมตัวบุคคลและบริษัทใหญ่โตกว้างขวาง
อันชวนให้ทำใจว่าสุดท้ายเรื่องจะเงียบหายเหมือนคลื่นกระทบฝั่ง
ดังที่เกิดขึ้นมาแล้วกับกรณีอื่นๆ ในสังคมไทย