ขอแสดงความยินดีกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ได้รับการจัดอันดับจาก QS World University Ranking by Subject ประจำปี 2016 โดยได้รับการจัดอันดับเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทยถึง 27 สาขาวิชา และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ติดอันดับ 47 ของโลกในสาขาวิชา Agriculture and Forestry (เกษตรศาสตร์และวนศาสตร์) ซึ่งถือเป็นอันดับที่สูงที่สุดของประเทศไทย
การจัดอันดับในเรื่องต่างๆ เช่น เมืองน่าท่องเที่ยว สนามบินที่ดีที่สุด รวมถึงการเรียนการสอนของสถาบันการศึกษาข้างต้น ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีซึ่งนอกจากจะเป็นการกระตุ้นเตือนผู้ที่รับผิดชอบในเรื่องนั้นๆ ให้ปรับปรุงการดำเนินการให้ดีขึ้นแล้ว ยังเป็นการนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศพัฒนาประเทศให้มีความก้าวหน้ามากขึ้น และนำรายได้มาสู่ประเทศเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ผลการจัดอันดับของ QS World University Ranking by Subject ในครั้งนี้ น่าจะมีการวิเคราะห์ในด้านต่างๆ นอกเหนือไปจากการแจ้งผลให้สาธารณชนได้ทราบทั่วกันดังที่ได้ทำกันอยู่เป็นประจำ โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน คือผู้บริหารประเทศและผู้บริหารสถาบันการศึกษา
ในส่วนของผู้บริหารประเทศในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงวิทยาศาสตร์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องของการให้ทุนวิจัย และสำนักงบประมาณน่าจะวิเคราะห์ได้ว่าสาขาวิชาใดเป็นจุดแข็งของประเทศที่จะต้องเสริมให้มีความเข้มแข็งมากขึ้นไปอีก เช่น ในสาขาเกษตรศาสตร์และวนศาสตร์ ซึ่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ติดอันดับ 47 ของโลกนั้น ครอบคลุมถึงสาขาวิชาต่างๆ ได้แก่ คณะเกษตรศาสตร์ คณะวนศาสตร์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ คณะประมง คณะอุตสาหกรรมเกษตร คณะวิทยาศาสตร์ และสาขาวิชาวิศวกรรมเกษตรในคณะวิศวกรรมศาสตร์ ควรจะต้องมีการให้งบประมาณเพิ่มอย่างเต็มที่ไม่เฉพาะทางด้านการวิจัยเท่านั้น แต่รวมถึงงบประมาณทางด้านครุภัณฑ์การเรียนการสอนด้วย เพราะคงจะเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปแล้วว่าการเกษตรคือทางรอดของประเทศ
สำหรับผู้บริหารสถาบันการศึกษานั้น ผู้บริหารทุกระดับตั้งแต่หัวหน้าภาควิชา คณบดี อธิการบดี และนายกสภาสถาบัน จะต้องตระหนักว่าการได้รับการจัดอันดับที่ดีในวันนี้คือผลงานที่ได้ดำเนินการมาในอดีต ดังนั้น การจะคงสถานภาพเดิมหรือสถานภาพที่ดีขึ้นในอนาคตจะต้องมีการดำเนินการที่เป็นระบบ เป็นรูปธรรม และที่สำคัญที่สุดคือต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
ผู้บริหารที่ดีจะต้องรู้ถึงหน้าที่และความรับผิดชอบของตัวเองไม่ก้าวก่ายในหน้าที่ของกันและกันเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในการบริหารงาน
นอกจากนั้นผู้บริหารสถาบันการศึกษาควรจะนำข้อมูลการจัดอันดับมาวิเคราะห์ถึงจุดอ่อน จุดแข็งของตัวเอง เพื่อจะได้วางแผนการจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดได้อย่างเหมาะสม รวมถึงวิเคราะห์เปรียบเทียบกับสถาบันการศึกษาอื่นๆ ในประเทศอาเซียนและทวีปเอเชีย เพื่อจะได้รู้ถึงสถานภาพของตัวเอง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการวางแผนในอนาคต เช่น โรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ของคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งในปัจจุบันมีการตรวจรักษาโดยเฉลี่ยวันละ 500-600 ราย ถือได้ว่าเป็นโรงพยาบาลสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนหรือไม่ และในอนาคตจะทำให้คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ติดอันดับ 1 ใน 5 ของคณะสัตวแพทยศาสตร์ที่ดีที่สุดในเอเชียได้ในระยะเวลากี่ปี เป็นต้น
หวังว่าหากได้มีการวิเคราะห์เพิ่มเติมและนำผลการวิเคราะห์มาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จะทำให้การศึกษาวิจัยของประเทศดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เป็นระบบ และส่งประโยชน์ถึงประชาชนและประเทศชาติอย่างแท้จริง