หลักสูตรเตรียมอุดมดนตรี เป็นการเรียนวิชาดนตรีในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งเป็นหลักสูตรที่เริ่มโครงการมาตั้งแต่ปีการศึกษา 2544 จนกระทั่งปัจจุบัน พ.ศ.2559 เป็นรุ่นที่ 15 แล้ว ซึ่งถือเป็นหลักสูตรที่ได้ปฏิรูปการศึกษาดนตรีในประเทศไทยในด้านคุณภาพการศึกษา วิธีการจัดการศึกษา เป้าหมายของการศึกษา การตัดสินใจ และการฝึกฝีมือ เพราะเดิมนั้นเด็กที่จะเข้าเรียนวิชาดนตรีในระดับปริญญาตรีไม่ได้เตรียมตัวอย่างจริงจังนัก ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กที่เล่นดนตรีอยู่ในวงดนตรีของโรงเรียน อาทิ วงโยธวาทิต วงขับร้องประสานเสียง วงดนตรีไทย หรือเรียนดนตรีกับครูสอนพิเศษที่บ้าน แม้จะมีพื้นฐานดนตรีอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ทำให้การเรียนดนตรีของเด็กพัฒนาไปได้มากนัก เพราะเด็กตัดสินใจที่จะเรียนดนตรีเมื่ออายุย่างเข้า 17-18 ปีแล้ว ช้าไปแล้ว ทำให้การพัฒนาดนตรีไปได้ช้าและไปได้ไม่ไกล
ดนตรีกลายเป็นวิชาใหม่ที่เข้ามาในชีวิต ไม่ได้เป็นหุ้นส่วนของชีวิต ดนตรีกลายเป็นวิชาที่เรียนยาก น่าเบื่อ ฝึกซ้อมก็เหนื่อย ไม่ก้าวหน้า สุดท้ายก็เลิกเล่นดนตรีไปเอง เพราะถ้าเด็กได้เรียนดนตรีตั้งแต่เล็กๆ ดนตรีก็จะเป็นหุ้นส่วนของชีวิตเด็ก
เหตุที่ต้องจัดการศึกษาระดับเตรียมอุดมดนตรี โดยลงไปล้วงลูกในระดับมัธยมศึกษา เนื่องจากคุณภาพของการเรียนดนตรีในโรงเรียนมัธยมไทยมีคุณภาพต่ำ ไม่เข้มแข็งเพียงพอที่จะเรียนดนตรีเป็นอาชีพ กล่าวคือมีความสามารถทางฝีมือดนตรีน้อย ดีไม่พอที่จะเรียนดนตรีในระดับอาชีพ ไม่สามารถที่จะพัฒนาศักยภาพความเป็นเลิศทางดนตรีได้ ไม่สามารถสร้างให้เป็นนักดนตรีที่จะก้าวไปแข่งขันกับนานาชาติได้
อาจารย์ ดร.สายสุรี จุติกุล ท่านเดินทางไปเป็นกรรมการตัดสินการแข่งขันเปียโนคอนแชร์โตแห่งชาติ เมื่อวันที่ 28-29 กุมภาพันธ์ 2547 ที่วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ให้ความเห็นสนับสนุนโครงการเตรียมอุดมดนตรีอย่างยิ่ง ด้วยความเชื่อมั่นว่าวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล สามารถทำได้ดี แถมยุให้ล้วงลูกลงไปจัดการศึกษาดนตรี ตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นด้วยซ้ำไป
ผู้ปกครองที่ได้ดูภาพยนตร์เรื่อง “เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย” (Seasons Change) ซึ่งเริ่มฉายเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ.2548 ได้ดูแล้วก็บอกว่า “ยอมรับและทำใจได้ที่จะให้ลูกเลือกเรียนดนตรีเป็นอาชีพ” ผู้ปกครองคนหนึ่งบอกว่า “ลูกได้ดูภาพยนตร์ 27 ครั้ง และเตรียมตัวที่จะสอบเข้าเรียนเตรียมอุดมดนตรี” เด็กๆ ที่สอบเข้าใหม่เมื่อปีการศึกษา 2551 ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “หนูอยากเป็นนักเปียโนเอกของโลก” “ผมอยากเป็นนักดนตรีเอกของโลก” ซึ่งเป็นโลกทัศน์ของการเรียนดนตรีที่เปลี่ยนไป
เด็กนักเรียนดนตรีเมื่อ 10 ปีก่อน บางคนต้องสอบเข้า 6-7 ครั้ง ด้วยความตั้งใจและไม่เปลี่ยนใจไปเรียนอย่างอื่น ไม่ประสงค์ที่จะเรียนวิชาอื่นด้วย
ในปี 2556 วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้งบประมาณ 760 ล้านบาท เพื่อที่จะก่อสร้างอาคารพัฒนาวิชาชีพดนตรีสู่ความเป็นเลิศ โครงการเตรียมอุดมดนตรี (โครงการศิลปินกินนอน) ได้สร้างห้องพัก 130 ห้อง เป็นทั้งที่พักและห้องฝึกซ้อมดนตรีในห้องเดียวกัน ทุกห้องมีเปียโนประจำห้อง เพื่อให้เด็กได้ซ้อมดนตรีอย่างจริงจัง โดยไม่ต้องเดินทางไปหาห้องซ้อมดนตรีอีก วันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ.2555 ได้ทำพิธีวางศิลาฤกษ์ และเริ่มการก่อสร้างในเดือนพฤษภาคม 2556 คาดว่าจะแล้วเสร็จในปีการศึกษา 2559
เป้าหมายของหลักสูตรเตรียมอุดมดนตรีนั้น เพื่อที่จะเตรียมจัดการศึกษาดนตรีในช่วงอายุที่เด็กกำลังไฟแรง เป็นช่วงชีวิตที่มนุษย์ยังมีพลังสูง อายุ 15-18 ปี ได้มีโอกาสพัฒนาศักยภาพความเป็นเลิศทางดนตรีให้เต็มที่ เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่มนุษย์สามารถตัดสินใจเลือกอาชีพเลือกเส้นทางชีวิตได้เร็วขึ้น การตัดสินใจยิ่งเร็วยิ่งดี ในขณะเดียวกันการตัดสินใจช้าก็จะเป็นอุปสรรคของชีวิต ยิ่งช้าก็ยิ่งเสียโอกาสของชีวิต นอกจากนี้เด็กอายุน้อยยังได้โอกาสในการพัฒนาศักยภาพทางด้านภาษา ตั้งแต่ภาษาแม่ ภาษาวิชาการ ภาษาศิลปะดนตรี ภาษารสนิยม ภาษาการสื่อสารด้วยเทคโนโลยีที่ทันโลก และได้พัฒนาภาษาทำมาหากินด้วย
มาถึงวันนี้ (พ.ศ.2559) สามารถตอบได้ว่า วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้มาถูกทิศทางแล้ว เพื่อสร้างให้เด็กไทยได้พัฒนาศักยภาพความเป็นเลิศทางดนตรี พบว่าผู้ปกครองและนักเรียนให้ความสนใจการศึกษาหลักสูตรเตรียมอุดมดนตรีจำนวนมากขึ้น มีผู้สมัครมากขึ้น เด็กที่มาสอบมีความสามารถในการเล่นดนตรีสูง เตรียมตัวมาดี มีความตั้งใจมุ่งมั่นชัดเจน มีเครื่องดนตรีเป็นของส่วนตัว มีความพร้อมสูง มีฐานะดี เป็นผู้ที่มีอันจะกิน รูปร่างหน้าตาดี (สมบูรณ์) สะอาดสะอ้านเกลี้ยงเกลา มีสมองเป็นเลิศ คติเดิมๆ ที่บอกว่า “ศิลปินไส้แห้ง” จึงใช้ไม่ได้อีกต่อไป
วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล มีนโยบายที่จะพัฒนาการศึกษาดนตรีอย่างจริงจัง โดยการพัฒนาศักยภาพของคนดนตรีทั้งนักเรียนและครูดนตรี เพราะเชื่อว่าครูเก่งนักเรียนเก่ง ได้พัฒนาด้านอาคารเรียน เครื่องไม้เครื่องมือ ได้สร้างโครงการเตรียมศิลปินแบบกินนอน เป็นหอพักที่มีอุปกรณ์การศึกษาด้านดนตรีพร้อม มีสวนพฤกษาดุริยางค์ มีห้องฝึกซ้อมดนตรี
ทุกพื้นที่ใช้เทคโนโลยีสามารถที่จะหาข้อมูลดนตรี ฟังเพลงได้ในทุกพื้นที่รอบๆ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ โดยทุกพื้นที่เป็นห้องสมุดดนตรีที่ผ่านสื่อเทคโนโลยี
เตรียมอุดมดนตรีเป็นโครงการที่เปลี่ยนโครงสร้างของการจัดการศึกษาดนตรีที่มีคุณภาพ เป็นการเปลี่ยนปรัชญาการศึกษาดนตรี เป็นการเตรียมความพร้อมในการเข้าเรียนดนตรีใหม่ เป็นการสร้างจุดเด่นให้คนเก่งและคนฉลาดได้เลือกเข้าเรียนดนตรี ให้คนดีมีฐานะและมีความพร้อมได้เข้ามาเรียนดนตรี เป็นโฉมหน้าใหม่ของการจัดการศึกษาดนตรีในประเทศไทย ซึ่งเท่ากับเปลี่ยนแปลงยกฐานะอาชีพดนตรีจากวิชาข้างถนนเต้นกินรำกินให้เป็นวิชาของนักปราชญ์ ให้ดนตรีเป็นอาชีพที่มีเกียรติเชื่อถือได้
การศึกษาดนตรีประกอบด้วย 4 ส่วนด้วยกัน การเรียนดี (สมองดีขยัน) การเล่นดนตรีเก่ง (ฝึกซ้อมเอาจริงเอาจัง) มีจิตใจสาธารณะ (คิดถึงคนอื่นช่วยเหลือคนอื่น) และต้องมีเงิน ซึ่งเด็กสามารถจะเลือกขาดได้ 1 ส่วน หากไม่มีเงินจะเรียน ก็ต้องเรียนดี เล่นดนตรีเก่ง และมีจิตใจช่วยผู้อื่น ก็จะมีทุนการศึกษาให้ แต่ถ้าหากขาดมากกว่า 1 ส่วน (โง่ จน ขี้เกียจ)ก็ต้องแนะนำให้ไปทำอย่างอื่นแทน ไม่ควรเรียนดนตรี
เดิมการศึกษาไทยสร้างคนให้เป็นเก่ง แต่คนเก่งของไทยมักจะโกง ในขณะเดียวกัน การศึกษาไทยสร้างคนให้เป็นดี แต่คนดีของไทยมักจะซื่อบื้อ “คนเก่งที่โกงและคนดีที่ซื่อบื้อช่วยชาติไม่ได้” ไทยจะต้องสร้างให้เด็กเป็นคนเก่งและคนดีในคนคนเดียวกัน ดังนั้นวิทยาลัยดุริยางคศิลป์จึงต้องสร้างคนดนตรีให้เป็นทั้งคนดีและคนเก่ง
เมื่อได้จัดการศึกษาเตรียมอุดมดนตรี 15 ปีที่ผ่านมา สามารถสรุปผลงานได้ว่านักเรียนเตรียมอุดมดนตรีมีความสามารถสูงและเก่งมากขึ้น สามารถเข้าศึกษาในระดับปริญญาตรีได้ง่ายขึ้น พัฒนาได้เร็วทุกด้าน สามารถเรียนรู้ได้ก้าวไกล มีโลกทัศน์ที่กว้างขึ้น มีทัศนคติที่ดี มีทักษะด้านภาษาอังกฤษ ภาษาเทคโนโลยี และมีความสามารถทางด้านดนตรีที่สูงขึ้น
ในขณะเดียวกัน เด็กที่เดินผิดทางก็ได้รู้ตัวก่อนที่จะสาย ได้รู้ว่าเดินทางผิด ไม่ชอบดนตรีจริง ก็ให้ไปเริ่มต้นคิดเสียใหม่ เพราะถ้าไม่เก่งดนตรีพอก็จะอยู่ในอาชีพได้ยาก
เตรียมอุดมดนตรีเป็นการตั้งเป้าหมายไว้ชัดเจน สามารถจัดการศึกษาได้ตามเป้าหมาย เพราะดนตรีเป็นเรื่องของจิตใจ ความรู้สึก ความรักความชอบ ความพอใจ ทัศนคติที่ดีต่อการเรียนดนตรี ต้องอาศัยสมอง อาศัยสติปัญญา ความรู้ ความพยายาม ต้องอาศัยทักษะการฝึกฝน ต้องฝึกซ้อมอย่างหนักในการพัฒนาศักยภาพความเป็นเลิศของมนุษย์ นอกจากนี้ต้องมีสิ่งแวดล้อมที่ดี มีครูผู้สอนที่มีความสามารถสูง มีโอกาสที่จะขึ้นเวทีที่ดี มีระบบการจัดการที่ดี มีเพื่อนๆ ที่ดี ซึ่งจะเป็นเบ้าหลอมที่สำคัญในการศึกษาดนตรีที่ดี เพราะเด็กๆ เป็นลูกของสิ่งแวดล้อม เด็กเป็นอย่างไรเพราะสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างนั้น สิ่งแวดล้อมเป็นอย่างไรเด็กก็จะเป็นอย่างนั้น
สำหรับการปฏิรูปโครงสร้างนั้น วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้พัฒนาการศึกษาระดับเตรียมอุดมดนตรี บวกเข้ากับการศึกษาในระดับปริญญาตรี ก็จะทำให้วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดการศึกษาดนตรีได้ 7 ปีติดต่อกัน ซึ่งคิดเป็น 14 ภาคการศึกษา แล้วเปลี่ยนให้เด็กได้เรียนปีละ 3 ภาคการศึกษา โดยจัดให้เรียนในภาคที่ 1-2 และภาคฤดูร้อน เมื่อมี 14 ภาคการศึกษา เท่ากับว่านักเรียนใช้เวลาเพียง 4 ปี กับ 2 ภาคการศึกษา เรียนแค่ 5 ปี แทนที่จะเป็น 7 ปี ซึ่งจะย่นย่อชีวิตและเป็นการปฏิรูปการศึกษาอย่างเป็นรูปธรรมอีกก้าวหนึ่ง อีกไม่นานก็จะพบว่านักเรียนดนตรีสามารถเรียนจบปริญญาเอกได้ในขณะอายุ 25 ปีเท่านั้น
คุณภาพของการศึกษาพิสูจน์ได้ว่าเด็กที่เข้าเรียนในหลักสูตรเตรียมอุดมดนตรีมีความสามารถสูงจริง เด็กที่จบจากวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล สามารถไปศึกษาต่อที่ไหนก็ได้ในโลก นักเรียนหลายคนได้รับทุนการศึกษาจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ โดยไม่ต้องไปปรับความรู้พื้นฐานอีก ซึ่งเป็นการปฏิรูปคุณภาพการศึกษาของไทยโดยการลงมือทำ สามารถเปลี่ยนแปลงคุณภาพการศึกษาดนตรีให้เห็นประจักษ์ ทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง สามารถที่จะสัมผัสได้จริง
หลักสูตรเตรียมอุดมดนตรีเป็นการปฏิรูปการศึกษาโดยการลงมือทำและไม่ได้ประกาศว่าเป็นการปฏิรูปการศึกษา ซึ่งมีการปฏิรูปการจัดการศึกษาให้เห็นคุณภาพอย่างจริงจังมากมาย อาทิ โรงเรียนมีชัยพัฒนา โรงเรียนเพลินพัฒนา โรงเรียนรุ่งอรุณ โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ เป็นต้น จะเลือกแบบไหนก็มีให้เลือกเป็นตัวอย่าง แต่กลับพบว่าสิ่งที่รัฐประกาศปฏิรูปการศึกษา ทุกเรื่องยังไม่เห็นเป็นรูปธรรมของการเปลี่ยนแปลงไปสู่คุณภาพเลย ทั้งๆ ที่ได้เสียเงินงบประมาณไปมากมายแล้ว