เดินหน้าชน พุธที่ 6 มิถุนายน 2561 : หรือจะมี ‘ประยุทธ์6’ : โดย สัญญา รัตนสร้อย

“ข่าวหลุด” คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. มีมติอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ 3 ต่อ 2 เสียง ชี้ว่า ดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.การต่างประเทศ อาจมีลักษณะครอบครองหุ้นนิติบุคคลเกินร้อยละ 5 ระหว่างดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งถือว่าขัดรัฐธรรมนูญ

เงื่อนปมมาจากภริยาไปถือหุ้นในบริษัทของครอบครัว

ย่อมนำไปสู่การพ้นจากตำแหน่ง หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าเป็นความผิด

แม้มติดังกล่าวมีลักษณะแค่รายงานข่าว เนื่องจาก กกต.ไม่ได้ออกมายืนยันอย่างเป็นทางการ

Advertisement

มีเพียงการแบ่งรับแบ่งสู้จาก พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. ที่ไม่ปฏิเสธแต่ก็ไม่ได้ยอมรับ คงอธิบายความว่า การดำเนินการเรื่องนี้ของ กกต. ไม่สามารถตอบได้ว่าอยู่ขั้นตอนใดและมีมติตามที่สื่อเสนอข่าวหรือไม่ แม้จะมีคำวินิจฉัยชี้ขาดแล้วคงจะพูดไม่ได้ เพราะเป็นการพิจารณาโดยลับของ กกต. อีกทั้งตามกฎหมาย กกต.ไม่ใช่ผู้ชี้ขาด ต้องส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้วินิจฉัยในขั้นต่อไป

ถึงอย่างนั้นกระแสข่าวที่ออกมา ก็นับได้ว่ามีข้อเท็จจริงค่อนข้างสูง

เพราะดูเหมือน วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ มือกฎหมายของรัฐบาลก็รับทราบ ชี้แจงที่มาที่ไปของหุ้นตัวปัญหา ไล่ไปถึงประเด็นต่างๆ ในข้อกฎหมาย

Advertisement

หรือคุณดอนเอง ทั้งที่ยังไม่ได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการจาก กกต.ถึงมติที่ว่า (น่าแปลกอยู่เหมือนกันที่ กกต.ไม่แจ้งให้ผู้รับผลกระทบโดยตรงรับทราบ) ก็มีท่าทียอมรับ และพร้อมชี้แจงความบริสุทธิ์

ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ หากผลวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ออกมาเป็นด้านลบต่อตำแหน่ง รมว.การต่างประเทศ ย่อมหมายถึงการนำไปสู่การปรับ ครม.

และอาจไม่ได้หมายถึงเก้าอี้ของคุณดอนเพียงตัวเดียวเท่านั้น

แต่ถูกมองว่ามีสิทธิกระเพื่อมไปถึงการปรับใหญ่ เกิด ครม. “ประยุทธ์ 6”

นั่นเพราะมีอีกร่วมสิบรัฐมนตรี ถูก เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย ยื่นร้องต่อ กกต.ให้ตรวจสอบการถือหุ้นในบริษัทรับสัมปทานจากรัฐ ถือว่าขัดรัฐธรรมนูญเช่นกัน

การปรับใหญ่อาจดำเนินไปเพื่อล้างข้อครหา ความไม่รอบคอบในการพิจารณาตัวบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี โดยเฉพาะในช่วงรัฐบาล “ขาลง” ทำให้นับจากนี้จนถึงต้นปีหน้า รัฐบาลจำเป็นต้องเรียกคะแนนนิยมกลับคืน เดินหน้าสร้างผลงาน สะสมความมั่นใจในเป้าหมายหลังการเลือกตั้ง

ขณะที่มีอีกทฤษฎีสนับสนุนแนวคิดการปรับใหญ่ ครม. คือการจัดวางเก้าอี้รองรับบุคคลในซีก “พันธมิตร” พรรคการเมือง กลุ่มการเมือง ที่ผ่านข้อตกลงภายหลังออกแรง “ดูด” จนมีสัญญาใจจะร่วมหัวจมท้ายด้วยกัน

เป็นการ “ตกเขียว” ล่วงหน้า พร้อมทั้งดูฝีไม้ลายมือกันไปในตัว เทียบเคียงกับกรณีนำร่อง เมื่่อกลางเดือนเมษายน ครม.มีมติแต่งตั้ง สนธยา คุณปลื้ม หัวหน้าพรรคพลังชล เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีด้านการเมือง

แต่งตั้ง อิทธิพล คุณปลื้ม น้องชาย และอดีตนายกเทศมนตรีเมืองพัทยา เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

เป็นไปได้หรือไม่ ทั้งหมดอาจถูกกำหนดเป็นจังหวะก้าวไว้แล้ว

กรณีถือหุ้นของ รมว.การต่างประเทศ เท่ากับเป็นตัว “เปิดทาง” ให้เกิดการเขย่าคณะรัฐมนตรีเป็นด้านหลัก

“ประยุทธ์ 6” จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ อีกไม่นานเกินรอ เดี๋ยวกรรมก็แสดงเจตนาของมันเอง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image