หากไม่มีสถานการณ์รุนแรงเกิดขึ้นในประเทศไทย โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร เดือนกุมภาพันธ์ 2562 พวกเรามีโอกาสได้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งแน่
มีสัญญาณบอกมาเป็นระยะว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องการให้ทุกอย่างเป็นไปตามกำหนดเวลาที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติวางไว้
ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่กำหนดวาระ 4 ปี นับว่าพอเพียงสำหรับการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย แม้จะได้ตำแหน่งมาจากการยึดอำนาจ
การเป็นนายกรัฐมนตรีควบคู่ไปกับหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ถึงวันนี้ได้วางหลักการหลักเกณฑ์มาพอสมควรแล้ว ไม่ว่าจะเป็นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ 4 ฉบับที่สำคัญ อาทิ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญเรื่องการเลือกตั้ง เรื่องคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่องการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เรื่องการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา ที่ผ่านการประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว
วันนี้รอแต่เพียงพระราชบัญญัติเรื่องวันเลือกตั้งเท่านั้น
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปถึงวันประกาศผลการเลือกตั้ง หลังจากนั้น เมื่อสมาชิกทั้งสองสภาประชุมเพื่อเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี รับรองวันนี้ได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะได้รับการเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป มิไยที่พรรคการเมืองใดจะนำเสนอใครเป็นคู่แข่งด้วย
หลายเรื่องหลายประการที่ พล.อ.ประยุทธ์พยายามคลี่คลายประเด็นทางการเมืองทั้งไม้อ่อน เช่น การให้พรรคการเมืองเปิดประชุมพรรคเพื่อเลือกตั้งหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการพรรค ทั้งไม้แข็งที่ยังไม่ให้ดำเนินการทางการเมืองในลักษณะหาเสียง และยังไม่ยกเลิกประกาศห้ามชุมนุมทางการเมืองเกินกว่า 5 คน
รวมถึงการจัดตั้งพรรคการเมืองของรัฐบาลในชื่อพลังประชารัฐที่นำมาจากคำในเพลงชาติ “เป็นประชารัฐ”ทั้งยังจัดตั้งทางเศรษฐกิจ เช่น การจำหน่ายสินค้าประชารัฐ หรือร้านธงฟ้า
การมวลชนในพื้นที่ ยังมีความเคลื่อนไหวให้พี่น้องในแต่ละภาครู้จัก “ประชารัฐ” ในหลายรูปแบบ เพื่อให้พี่น้องไทยทั้งมวลรู้จักชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ และให้การสนับสนุนพรรคที่ยังไม่ประกาศชื่อเป็นทางการ
ขณะเดียวกัน การเคลื่อนไหวบนดิน ด้านการข่าวให้พรรคการเมืองที่ไม่ใช่สองพรรคใหญ่สนับสนุนในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเสียงจากหัวหน้ากลุ่มหรือหัวหน้าพรรคเหล่านั้นแม้ยังไม่สนับสนุน แต่ไม่มีท่าทีคัดค้าน รวมถึงบางพรรคพยายามซื้อตัวจากพรรคใหญ่ข้ามมาอยู่พรรคที่น่าจะสนับสนุนพรรคนายกรัฐมนตรี
อีกลักษณะหนึ่ง คือ การชักจูงสมาชิกพรรคบางพรรคที่มีความเป็นตัวเอง มีความแข็งแกร่งในตัวเอง ให้เข้ามาร่วมกับพรรครัฐบาลด้วยกลยุทธ์หลายประการ
อาทิ การชักชวนทั้งทางตรงและทางอ้อมให้มีตำแหน่งร่วมในคณะรัฐบาลชุดที่มี พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งการเลือกตำแหน่งได้เองตามที่เสนอ 2-3 ตำแหน่ง ทั้งขอให้เข้าร่วมรัฐบาลโดยไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคเดิม หรือในพรรคของรัฐบาล แต่เป็นผู้หาเสียงปราศรัยสนับสนุน ทั้งชักชวนพูดคุยโดยตรง และผ่านการพูดคุยของแกนนำสำคัญสาย พล.อ.ประยุทธ์
ความเคลื่อนไหวเหล่านั้น ในทางการเมืองยังเป็นเรื่องลับ แต่ในทางการพูดคุยเพื่อให้การสนับสนุนระหว่างบุคคลต่อบุคคล หรือขอความเห็น ยังมีตลอดเวลา
อันที่จริง การทาบทามบุคคลทางการเมืองเพื่อให้มีตำแหน่งทางการเมืองในพรรครัฐบาลโดยตรง เท่ากับเป็นการตัดทอนทางการเมืองของพรรคนั้น รวมไปถึงพรรคฝ่ายค้าน
ระหว่างนี้ไปถึงเดือนสิงหาคม 2561 รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีจะออกมาตรการอันเป็นผลบวกของรัฐบาล ด้วยการพยายามคลี่คลายบรรยากาศทางการเมืองทั้ง “ไม้แข็ง” และ “ไม้อ่อน” ทั้งเป็นการป้องปรามและห้ามปรามการกระทำอันเป็นปรปักษ์ทางการเมือง ไม่จำเพาะกับรัฐบาล แต่เพื่อให้เกิดบรรยากาศทางการเมืองที่นำไปสู่หนทางการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ให้ได้ โปรดรอด้วยใจอันระทึกพลัน
