ที่มา | คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่ 12 มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
เผยแพร่ |
บทสรุปของปี 2558 ที่ผ่านมา พบว่าพระเอกที่ช่วยให้ประเทศชาติของเรารอดพ้นวิกฤตมาได้อย่างหวุดหวิด ในภาวะที่การเมืองเรามีปัญหา หลายชาติปิดล้อมกดดัน การค้าการขายติดขัดไปหมด ตัวเลขการส่งออกหดหาย สุดท้ายด้วยรายได้จากการท่องเที่ยวนั่นเองที่ช่วยให้ภาพรวมของเศรษฐกิจไทยผ่านพ้นมรสุมไปได้
ตัวเลขจากรัฐบาลเองสรุปว่า การท่องเที่ยวในปีที่แล้วสร้างรายได้ให้กับเศรษฐกิจไทยถึง 2.23 ล้านล้านบาท โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา 29.88 ล้านคน นำรายได้เข้าประเทศ 1.44 ล้านล้านบาท และคนไทยเที่ยวในประเทศ 138.8 ล้านคน/ครั้ง สร้างรายได้หมุนเวียนในประเทศ 790,000 ล้านบาท
ประสบความสำเร็จทั้งมีต่างชาติหลั่งไหลเข้ามา และทั้งคนไทยเองยังยึดมั่นในการท่องเที่ยววิถีไทย
แต่ภายใต้ตัวเลขที่ดูสวยงามนี้ ผู้รอบรู้บอกว่าเป็นโชคดีที่แหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติของเรานั้นงดงามดุจสรวงสวรรค์ โดยเฉพาะท้องทะเล เกาะแก่ง สวยงามอย่างมหัศจรรย์
เป็นจุดขายที่สำคัญ ทั้งที่เรานั้นสอบตกในด้านการจัดการ
พูดง่ายๆ ว่ามีดีเพราะพระเจ้ามอบทรัพยากรธรรมชาติอันล้ำค่ามาให้ แต่ถ้าพูดถึงฝีมือของคนที่เกี่ยวข้อง สอบตกบกพร่องอย่างมาก
ถ้าเราจะอาศัยรายได้จากการท่องเที่ยวในระยะยาว ต้องกล้าลงทุนจัดการให้เป็นระบบเป็นมาตรฐาน
เอาแค่การคมนาคมขนส่งของไทยเรานั้น เครื่องบินอยู่ทาง รถไฟอยู่ทาง แถมเก่าแก่ทรุดโทรม รถไฟเร็วสูงก็ยังไม่มี ที่พยายามจะให้มีเขาก็ไม่ยอม บอกว่าถนนลูกรังยังไม่หมด
จนกว่าเราจะมีรัฐบาลจริงๆ ไม่ใช่แค่รัฐบาลชั่วคราว สถานการณ์การเมืองที่มั่นคง ผู้นำรัฐบาลที่มากวิสัยทัศน์ไม่ใช่ดีแต่พูด ถึงเวลานั้นอาจจะมีโอกาสได้ปรับโฉมระบบคมนาคมในชาติให้เป็นเรื่องเป็นราวกว่านี้
ขณะเดียวกันแม้น่ายินดีที่คนไทยยังท่องเที่ยววิถีไทยกันมาก รายได้ไม่รั่วไหล แต่ไม่ได้หมายความว่า ถ้าคนไทยไปเที่ยวต่างประเทศแล้วจะสร้างความเสียหายทำลายชาติ
เพราะการหลั่งไหลไปมาของนักท่องเที่ยว ถือเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างชาติที่สำคัญด้วย
อย่างเช่น คนไทยไปเที่ยวญี่ปุ่นกันมากในช่วงสองสามปีมานี้ เป็นเงื่อนไขอันดีที่ทางการไทยกับญี่ปุ่นจะส่งเสริมการท่องเที่ยวซึ่งกันและกัน ทำให้คนญี่ปุ่นก็มาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นไปด้วย
ตัวเลขของหน่วยงานการท่องเที่ยวระบุว่า ปี 2558 คนไทยไปเที่ยวญี่ปุ่นถึง 8 แสนคน คาดว่าปี 2559 นี้เกินล้านคนแน่นอน
เหตุที่ไทยนิยมไปแดนอาทิตย์อุทัยมากขึ้น เพราะไม่ต้องทำวีซ่า สายการบินของไทยบินไปกันมาก สะดวกสบาย เหนืออื่นใดญี่ปุ่นมีระบบอำนวยความสะดวกรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างเป็นมาตรฐานมาก
ชนิดคนไทยไม่ต้องเก่งภาษาต่างประเทศสักเท่าไร ก็สามารถไปญี่ปุ่นได้ด้วยตัวเอง ไม่หลง ไม่อดตาย
การไปเที่ยวต่างประเทศยังช่วยให้คนไทยได้เปิดหูเปิดตา ไม่เป็นแค่กบในกะลา ได้ไปเรียนรู้โลกกว้าง อย่างญี่ปุ่นที่นิยมไปกัน ได้เห็นมาตรฐานทางสังคมมากมายหลายประการ
ถ้ารู้จักนำมาปรับใช้
อย่างเช่น แค่ประตูบ้าน รั้วบ้านของแต่ละคนในย่านเดียวกัน หมู่บ้านเดียวกัน ไม่ใช่ต่างก็ออกแบบกันเอาตามใจชอบ หรือปล่อยให้อาเฮียร้านเหล็กดัดเป็นคนกำหนดรูปแบบ
การอ่อนน้อม มีวินัย เคารพกติกาสังคม รอสัญญาณไฟข้ามถนน เข้าแถวรอขึ้นรถสาธารณะ อะไรเหล่านี้ คนไทยไปเห็นชื่นชมกันไม่ขาดปาก แต่พอขึ้นเครื่องบินกลับบ้านเท่านั้น แย่งกันขึ้น แย่งกันใช้ที่เก็บสัมภาระเหนือที่นั่ง พอถึงสนามบินของเรา ก็ไม่ยืนรอกระเป๋าตรงเส้นที่กำหนดเอาไว้
การเรียนรู้โลกกว้างแล้วปรับเปลี่ยนด้วยความเข้าใจและด้วยจิตใจ ทำร่วมกันทั้งสังคม จะสร้างวินัยของคนในชาติได้อย่างแท้จริงและยั่งยืน
ย่อมดีกว่าการถูกบังคับด้วยการชี้นิ้วสั่งของท่านผู้นำหรือด้วยกฎเหล็กจากรัฐ อันไม่มีทางจะเป็นจริงขึ้นมาได้