สัญญาณเลือกตั้งเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้จากการเดินทางไป ครม.สัญจรของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ย้ำหลายครั้งว่า จะมีการเลือกตั้งในเดือน ก.พ. 2562 และตะโกนบอกประชาชนสองข้างทางรถไฟจากชุมแสงไปนครสวรรค์ว่า อย่าลืมไปลงคะแนนเลือกตั้ง รวมถึงในการพบปะนักการเมือง อดีต ส.ส.จากพรรคต่างๆ ที่มาต้อนรับ และเมื่อพบประชาชนที่มาต้อนรับที่ตลาดประชารัฐ ปากน้ำโพก็ได้กล่าวว่า การเลือกตั้งเป็นไปตามกำหนดในเดือนกุมภาพันธ์ 62 อย่างแน่นอน ถ้าอยากให้ประเทศมั่นคงแข็งแรงก็ต้องไปเลือกตั้ง ถ้าไม่เลือกใครเลยก็จะได้กลับมาเหมือนเก่า
อีกสัญญาณที่ชัดเจนได้แก่ การจัดตั้งพรรคการเมืองที่มีแนวทางสนับสนุน คสช. ไม่ว่าจะเป็นพรรครวมพลังประชาชาติไทย ที่จะมีนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ เป็นหัวหน้าพรรค และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส. เป็นผู้สนับสนุนคนสำคัญ หรือการตั้งพรรคพลังประชารัฐ ที่แกนนำรัฐบาลบางส่วน กำลังรวบรวมอดีต ส.ส. เข้ามาร่วม ซึ่งเชื่อกันว่า จะเป็นพรรคเพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เข้าสู่การเมืองและกลับมาเป็นนายกฯอีกสมัยหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม แม้ส่งสัญญาณชัดเจน แต่ในแง่กฎหมาย ยังเป็นอุปสรรค เพราะพรรคต่างๆ ดำเนินการไม่ได้เต็มที่ เนื่องจากติดข้อห้ามชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน ขณะที่การเตรียมเลือกตั้ง แทนที่จะเป็นไปตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง กลับต้องเป็นไปตามคำสั่ง 53/2560 จึงมีเสียงเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งปลดล็อกในเรื่องเหล่านี้ แต่รัฐบาลและ คสช. ยังยืนยันความจำเป็นที่จะไม่ปลดล็อก หากพรรคการเมืองจำเป็น ต้องขออนุญาตเป็นเรื่องๆ ซึ่งทางพรรคการเมืองเห็นว่า ไม่มีความคล่องตัว
ท่ามกลางเสียงร้องของพรรคต่างๆ รัฐบาลจะเรียกประชุมร่วมกันระหว่าง กกต. กรธ. และ สนช.เพื่อแก้ปัญหาคำสั่งที่ 53/2560 ซึ่งต้องติดตามว่าจะมีทางออกอย่างไร ประเด็นที่น่าพิจารณาก็คือ หากจะเข้าสู่การเลือกตั้ง ซึ่งรัฐบาลตั้งพรรคลงแข่งขันด้วย ดังนั้น ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาล จะต้องลดความเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง โดยให้ กกต. เป็นเจ้าภาพหลัก ไม่ว่าจะเป็นการประชุมพรรคต่างๆ หารือถึงวันเลือกตั้ง
และการออกกฎกติกาต่างๆ การเลือกตั้งต้องเป็นหน้าที่ขององค์กรที่เป็นกลาง รัฐบาลยุ่งเกี่ยวน้อยที่สุดเท่านั้น จะเป็นหนทางทำให้การเลือกตั้งได้รับความเชื่อถือจากสังคมทั่วไป
