เมื่อเวลา 11.40 น. วันที่ 6 พฤษภาคม การพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จออกสีหบัญชร ณ พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของพระบรมมหาราชวัง ในประมาณเวลา 16.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สนามหญ้าฝั่งตรงข้ามพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาทตลอดแนวถนนสนามไชย มีประชาชนจากทุกสารทิศพร้อมใจใส่เสื้อสีเหลืองทยอยเดินทางมาปักหลักเพื่อเตรียมเฝ้าฯรับเสด็จตั้งแต่ช่วงเช้ามืด ต่างนำเสื่อมาปูนั่งด้านหน้าเพื่อชื่นชมพระบารมีอย่างใกล้ที่สุด ท่ามกลางสภาพอากาศร้อนจัด ก็มิหวั่นต่างนำร่มที่เตรียมมากางนั่งท่ามกลางแสงแดดจัด บ้างก็จับจองที่นั่งใต้ร่มไม้ ด้วยรอยยิ้ม
นางประเทือง ประเสริฐบูรณ์ อายุ 58 ปี ชาวจ.สุพรรณบุรี ตั้งใจเดินทางมาถึงตั้งแต่เวลา 07.00 น. ได้ปักหลักแถวหน้าสุด บริเวณด้านหน้าพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท เล่าทั้งรอยยิ้มว่า คิดว่าในชีวิตนี้คงไม่ได้เห็นพระราชพิธียิ่งใหญ่อย่างนี้อีกแล้ว จึงตั้งใจเดินทางมา แม้จะต้องนั่งท่ามกลางแสงแดดและอากาศร้อนจัด แต่ก็อดทนได้ เพราะอยากเห็นภาพประวัติศาสตร์ด้วยตาตัวเอง จากพระราชพิธีสองวันที่ผ่านมาติดภาระหน้าที่ ทำได้เพียงดูถ่ายทอดสด ซึ่งระหว่างได้ชมก็ร้องไห้ตลอด เพราะรู้สึกปลื้มปีติในพระบารมี ทั้งนี้ ชื่นชอบโครงการจิตอาสาเราทำความ ดี ด้วยหัวใจ ที่ทำให้ทุกคนได้มาร่วมกัน จากที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนก็ได้รู้จักกันจากการทำงานร่วมกันอย่างมีความสุข เป็นการทำงานเพื่อแผ่นดิน และตนก็เป็นจิตอาสาเช่นกัน อย่างไรก็ดี ตนจะตั้งใจทำความดีถวายพระองค์ ช่วยเผยแพร่กิจกรรมโครงการของพระองค์ ไปสู่สังคมต่อไป
ส่วนที่บริเวณด้านหน้ากระทรวงกลาโหม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ตั้งเต๊นท์และนำเจ้าหน้าที่มาแจกธงชาติไทย ธงตราสัญลักษณ์งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 หมวกแก็ปสีเหลือง และเข็มตราสัญลักษณ์งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ได้แก่ เข็มกลัดสีเหลืองสำหรับบุคคลทั่วไป เข็มกลัดสีขาวสำหรับผู้สูงอายุ และเข็มกลัดสีแดงสำหรับเด็กและสตรีมีครรภ์ ซึ่งมีประชาชนมาต่อแถวรับเป็นจำนวนมาก ท่ามกลางอากาศร้อนจัด
นายธนภูมิ ปาระนะ อายุ 58 ปี มาพร้อมภรรยา นางสาวสำรวย เขาแก้ว จากจ.สุพรรณบุรี กล่าวร่วมกันว่า ได้รับชมการถ่ายทอดสดงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกมาตลอด ได้เห็นความสวยงาม สง่างาม และสมพระเกียรติ จึงตั้งใจอยากมาชื่นชมพระบารมีใกล้ๆในวันนี้ ทั้งนี้ ตนได้ฟังปฐมบรมราชโองการรัชกาลที่ 10 เกิดความรู้สึกว่าจะไม่ทอดทิ้งประชาชน ทั้งจะทรงสานต่อโครงการของพระราชบิดา และพวกเราคิดว่าทุกสิ่งอย่างในประเทศไทยจะดีขึ้น จะมีความเป็นระเบียบ และตนในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ตั้งใจจะทำดีถวายพระองค์ว่าจะเป็นการทำบุญช่วยเหลือต่างๆ รวมถึงการดูแลบำรุงพุทธศาสนา
