ในหลวง พระราชทานกระบี่และปริญญาบัตร นักเรียนนายร้อย
เมื่อเวลา 17.28 น. วันที่ 10 ธันวาคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานกระบี่และปริญญาบัตร แก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า โรงเรียนนายเรือ โรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช วิทยาลัยแพทยศาสตร์มงกุฎเกล้า และสถาบันการศึกษาทางทหารต่างประเทศ ประจำปีการศึกษา 2561 ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา
ครั้นเสด็จถึง ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย ทรงกราบ ประทับพระราชอาสน์
การนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานกระบี่และปริญญาบัตร แก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า และผู้สำเร็จการศึกษาจากสถาบันการศึกษาทางทหารต่างประเทศ ประจำปีการศึกษา 2561 ที่รับราชการในหน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 และผู้สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า และผู้สำเร็จการศึกษาจากสถาบันการศึกษาทางทหารต่างประเทศ ประจำปีการศึกษา 2560 – 2561 ตามลำดับ จำนวน 204 ราย
จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานกระบี่และปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายเรือ ประจำปีการศึกษา 2561 ที่รับราชการในหน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 และผู้สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายเรือ และจากสถาบันการศึกษาทางทหารต่างประเทศ ประจำปีการศึกษา 2561 ตามลำดับ จำนวน 65 ราย ต่อมาพระราชทานกระบี่และปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาโรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช และผู้สำเร็จการศึกษาจากสถาบันทางทหารต่างประเทศที่รับราชการในหน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 ประจำปีการศึกษา 2561 และผู้สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช และสถาบันการศึกษาทางทหารต่างประเทศ ประจำปีการศึกษา 2560 – 2561 ตามลำดับ จำนวน 74 ราย
ต่อจากนั้น พระราชทานกระบี่แก่ผู้สำเร็จการศึกษาในส่วนของนายทหารสัญญาบัตรชายจากวิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า ตามลำดับ จำนวน 83 ราย เสร็จแล้ว ผู้แทนผู้สำเร็จการศึกษานำกล่าวคำกราบบังคมทูลถวายสัตย์ปฏิญาณตน
โอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราโชวาท ความว่า ท่านทั้งหลายได้ผ่านการศึกษาอบรมตามหลักสูตรมาเป็นพื้นฐานมาแล้ว นับได้ว่าเป็นผู้มีความรู้ความสามารถขั้นพื้นฐาน ที่จะเป็นนายทหารชั้นสัญญาบัตรตามเหล่าทัพ เมื่อเข้ารับตำแหน่งหน้าที่ ทุกคนจึงควรจะทำความเข้าใจว่า นายทหารต้องเป็นทั้งตัวอย่างและเป็นผู้นำที่ดี กล่าวคือต้องตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ให้เต็มกำลัง ตลอดจนหาประสบการณ์เพิ่มเติม และหมั่นศึกษาเพิ่มพูนความรู้ ความชำนาญ เพื่อพัฒนาตนและหน่วยงานให้ก้าวหน้าอยู่เสมอ
อีกทั้งต้องสังวรระวังความประพฤติปฏิบัติ ให้อยู่ในระเบียบวินัยอันดี เป็นตัวอย่างและมาตรฐานของหน่วยมีความอดทน เสียสละ สุจริต และซื่อตรงต่อตนเอง ผู้อื่น และต่อหน้าที่การงาน ถ้านายทหารทุกคนสามารถเป็นตัวอย่างและเป็นผู้นำที่ดี ทั้งในการปฏิบัติงานและการประพฤติปฏิบัติตน งานทุกส่วนของกองทัพก็จะดำเนินก้าวหน้าไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะอำนวยผลให้ชาติบ้านเมืองของเราตั้งมั่นอยู่ด้วยความผาสุก สงบ และมีความเจริญรุ่งเรืองตลอดไป และเสด็จฯกลับ