ในหลวง ทรงบำรุงขวัญ เป็นกำลังใจของปวงประชา

แฟ้มภาพ

ในหลวง ทรงบำรุงขวัญ เป็นกำลังใจของปวงประชา

ปี2563 นับเป็นปีแห่งความยากลำบากของคนไทยและทั่วโลก โดยเฉพาะวิกฤตการณ์ “ไวรัสโควิด-19 ระบาด” ที่สร้างความเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า

หากกระนั้น ด้วยพระมหากรุณาธิคุณจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อปวงชนชาวไทย เปรียบประดุจสายธารที่หล่อเลี้ยงหัวใจปวงชนชาวไทยให้คลายจากความทุกข์ยาก มีขวัญกำลังใจในการดำเนินชีวิตต่อไป

ปีติ ทรงไม่ทิ้งประชาชน วิกฤตโควิดระบาด

นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พระราชทานเครื่องช่วยหายใจและเครื่องมือแพทย์ ครบ 77 จังหวัด 123 โรงพยาบาล ตามโครงการเครื่องช่วยหายใจและเครื่องมือแพทย์พระราชทาน เพื่อรับมือสถานการณ์โรคโควิด-19

Advertisement

โดย 123 โรงพยาบาล ได้แก่ โรงพยาบาลสังกัดกระทรวงกลาโหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานคร โรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข โรงพยาบาลสังกัดเครือข่ายโรงเรียนแพทย์ ส่วนเครื่องมือทางการแพทย์พระราชทาน ตามโครงการเครื่องช่วยหายใจเพื่อรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 อาทิ เครื่องช่วยหายใจ 200 เครื่อง, หน้ากากอนามัย 2,000,000 ชิ้น, Face Shield 50,000 ชิ้น, ชุด PPE 4,000 ชุด, รถพยาบาลกู้ชีพฉุกเฉิน 8 คัน, รถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัย 13 คัน, ห้องตรวจเชื้อ (Modular Swab Unit) 20 ห้อง ฯลฯ

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2563 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสเพื่อเป็นแนวทางในการรับมือกับสถานการณ์ในการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ว่า “มอบ เรียกว่ามอบเสริมให้ ในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อจะดูแลสุขภาพอนามัยของประชาชนในครั้งนี้ ซึ่งมีคนถวายรถต้นแบบมา ก็ได้รับการปรับปรุงทดสอบ แล้วก็ดูความเหมาะสม หลังจากปรับปรุงทดสอบแล้วก็ทราบว่า มีความเหมาะสมและเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่จะใช้ ที่จะช่วยในการปฏิบัติหน้าที่ของเรา จึงได้จัดรถเพิ่มเติมให้ ก็รู้สึกยินดีและภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมกับการแก้ปัญหาให้กับงานของท่าน”

“เครื่องมือที่ใช้ต่างๆ เป็นส่วนประกอบที่สำคัญ แต่หลักๆ ก็มาจากคน อะไรที่สำคัญในคนก็คือทัศนคติที่ดี เข้าใจปัญหา มุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาให้ถูกจุด เมื่อมีเครื่องมือเครื่องใช้มาสนับสนุน ก็ใช้เครื่องมือเครื่องใช้ให้ถูกจุด ใช้ให้เป็นประโยชน์ เพื่อที่จะเสริมในการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป”

Advertisement


ซึ่งเครื่องมือแพทย์ดังกล่าวได้เข้ามาช่วยเสริมการรักษาและป้องกันการระบาดโควิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเมื่อเกิดการระบาดโควิด-19 รอบใหม่ขึ้นในช่วงปลายปี 2563 เครื่องมือแพทย์และรถตรวจเชื้อชีวนิรภัยฯ เข้าถึงประชาชนในทุกพื้นที่เสี่ยงได้อย่างสะดวก รวดเร็ว เพื่อตรวจหาเชื้อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน และบุคลากรทางการแพทย์

ไม่เพียงเท่านั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงบำบัดทุกข์บำรุงสุขราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ประเทศ ได้พระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้นำที่ดินส่วนหนึ่งในโครงการฟาร์มตัวอย่าง ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จำนวน 30 ฟาร์ม จากจำนวน 61 ฟาร์มทั่วประเทศ ใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ แหล่งสร้างอาหารที่ปลอดภัย สร้างรายได้ และสร้างอาชีพอย่างยั่งยืนให้กับราษฎร ผ่านการสนับสนุนจ้างงานราษฎรที่ได้รับผลกระทบ ให้กลับมามีรายได้อีกครั้ง

พระราชทานอุปกรณ์ทางการแพทย์แก่โรงพยาบาลต่างๆ เพื่อนำไปใช้ในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19

ทรงบำรุงขวัญกำลังใจ

ในยามที่ประชาชนประสบกับภัยพิบัติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอุทกภัย วาตภัย รวมถึงวิกฤตการณ์โควิด-19 ระบาด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงตระหนักถึงความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เชิญถุงพระราชทานไปมอบแก่ประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้นและเป็นขวัญกำลังใจ

รวมทั้งทรงห่วงใยต่อการเกิดเหตุการณ์รุนแรง คนร้ายกราดยิงประชาชนในพื้นที่ จ.นครราชสีมา เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย และเข้าพักรักษาอาการบาดเจ็บที่โรงพยาบาล 30 ราย ทั้งสองพระองค์จึงได้พระราชทานแจกันดอกไม้ ตะกร้าสิ่งของแก่ผู้ได้รับบาดเจ็บ ทรงรับผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดไว้เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ และทรงรับศพผู้ที่เสียชีวิตไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์

นอกจากนี้ ยังไม่ทรงทอดทิ้งพสกนิกรในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คราใดที่มีเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ทหารพราน อาสาสมัคร และประชาชน ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้แทนพระองค์เชิญดอกไม้และตะกร้าสิ่งของไปพระราชทานเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้ได้รับบาดเจ็บและครอบครัว รวมทั้งพระราชทานพวงมาลาวางหน้าหีบศพ หรือพระราชทานดินฝังศพ เจ้าหน้าที่และประชาชนที่เสียชีวิตด้วย

มีพระราชดำรัสกับเยาวชนจิตอาสา

นับเป็นพระเมตตา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานสัมภาษณ์เยาวชนจิตอาสาครั้งแรกอย่างทรงเป็นกันเอง ในการเสด็จฯไปทอดพระเนตรโครงการค่ายผู้นำเยาวชนจิตอาสา “LOVE CAMP” Leadership-Oneness-Volunteer- Expert หลักสูตรการฝึกปฏิบัติและดูงานเศรษฐกิจพอเพียง ของนักเรียน ม.ปลาย รุ่นที่ 1 โดยมีนักเรียนทั่วประเทศเข้ารับการฝึกอบรม 271 คน ใจความตอนหนึ่งว่า

“ชีวิตของเราก็มีความต่อเนื่องความเป็นมา ถ้าเราศึกษาประวัติศาสตร์หรือความเป็นมาของชาติบ้านเมือง ทั้งที่ดี ทั้งที่ไม่ดี เราก็จะรู้ว่าอะไรมันดีอะไรเป็นประโยชน์ อะไรมันไม่ดี เพราะว่ามันมีของดี มันก็มีของไม่ดี มันมีของถูก มันก็มีของผิด ก็สำคัญที่ว่า จะเปิดใจศึกษาว่าอะไรมันถูก อะไรมันผิด อะไรมันเป็นประโยชน์ อะไรมันไร้ประโยชน์ แต่อย่างที่บอกว่าประวัติศาสตร์มีทั้งของเลวชั่วร้าย และก็มีทั้งของที่ดี”

“แต่ที่สำคัญคือเราต้องเอาบทเรียนมาใช้ และเราเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ เพราะเราคืออนาคต ประวัติศาสตร์มาปัจจุบัน ปัจจุบันก็คืออนาคต ปัจจุบันถือไมโครโฟนพูดกับเราอยู่ เอาวางก็ไม่ได้ยินแล้ว แต่ปัจจุบันนี้ถืออยู่ อนาคตจะกลับขึ้นมาอีก ก็เป็นปัจจุบัน เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือปัจจุบัน คือสิ่งที่เราทำอยู่นี้ เพราะว่าที่ทำอยู่นี้ก็จะได้ผล”

“อนาคตดีของพวกเรา เริ่มต้นที่ตัวเองก่อนว่าสุขภาพร่างกายแข็งแรง รักหมู่คณะ รักครอบครัว หาความรู้ประสบการณ์ทั้งวิชาการ ทั้งทักษะความสามารถต่างๆ งานอดิเรกดนตรี ภาษา หรือสิ่งที่น่าจะทำมีอีกตั้งเยอะแยะ รักเพื่อน รักบ้าน รักชุมชน และก็เน้นอีกทีหนึ่งคือ เรียนประวัติศาสตร์ เรียนอ่านประวัติศาสตร์กันบ้าง เพื่อให้รู้ความเป็นมาว่า มันเป็นอย่างไร หรือทุกวันนี้ เราก็เห็นได้ว่า อะไรมันดี อะไรมันไม่ดี”

ทรงสืบสาน รักษา ต่อยอด

“โครงการพัฒนาแหล่งน้ำพื้นที่สระบ่อดินขาว” ตำบลพรหมนิมิต อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ เป็นหนึ่งในโครงการตามแนวพระราชดำริ ดั่งพระปฐมบรมราชโองการ “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป”

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทอดพระเนตรการดำเนินงานบริเวณสระบ่อดินขาว เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2563

ทั้งนี้ โครงการพัฒนาแหล่งน้ำพื้นที่สระบ่อดินขาว เป็นของสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ มีความจุ 160,000 ลบ.ม. โดยได้น้อมนำแนวพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในการน้อมนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เกษตรทฤษฎีใหม่ ตามแนวพระราชดำริ พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ให้มีน้ำอุปโภค บริโภค และน้ำเพื่อการเกษตรอย่างเพียงพอ เพื่อพัฒนาพื้นที่สระบ่อดินขาวให้เป็นพื้นที่แก้มลิง สามารถกักเก็บน้ำในฤดูฝน สำรองน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง บรรเทาปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง สูบน้ำโดยพลังงานไฟฟ้าจากแผงโซลาร์เซลล์ที่อยู่กลางสระ เก็บไว้ใน

แท็งก์ส่วนกลางด้านบน เพื่อแจกจ่าย โดยวางเป้าหมายการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนทั้ง 6 ด้าน ได้แก่ ดิน น้ำ เกษตร พลังงานทดแทน ป่า และ สิ่งแวดล้อม และการพัฒนาอย่างยั่งยืนตามภูมิสังคม ชุมชนมีความเข้มแข็ง สามารถพึ่งพาตนเองได้ อีกทั้งเพื่อให้เกิดการบริหารจัดการทรัพยากร ดิน น้ำ ป่า อย่างเป็นระบบเกิดความมั่นคงด้านน้ำอุปโภค บริโภค และการเกษตร

โครงการสระบ่อดินขาว

สุดปีติ ทรงใกล้ชิดประชาชน

ในการเสด็จฯไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ จะเสด็จฯไปทรงเยี่ยมประชาชนที่มาเฝ้าฯ รับเสด็จอย่างใกล้ชิด ทุกพระองค์ทรงแย้มพระสรวล โบกพระหัตถ์ทักทายพสกนิกร อย่างใกล้ชิดและเป็นกันเอง โดยจะมีประชาชนที่นั่งอยู่แถวหน้านำผ้ามาปูวางไว้ด้านหน้าเพื่อให้ในหลวงและพระราชินีประทับรอยพระบาท

และนับเป็นมงคลสูงสุดในชีวิตของพสกนิกรหลายต่อหลายคน ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จะทรงหยุดพระดำเนินและทรงมีพระราชปฏิสันถารอย่างใกล้ชิด หรือบางคนได้มีโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตที่พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถ่ายภาพร่วมด้วย และหลายคนที่ได้รับพระเมตตาพระราชทานลายพระหัตถ์ ในหลวงจะทรงพระอักษรพระราชทานลงบนพระบรมฉายาลักษณ์ หรือสมุดที่ประชาชนนำติดตัวมาด้วย ประชาชนทุกคนล้วนตั้งใจเป็นหนึ่งเดียวกันว่า จะนำพระราชดำรัสจากลายพระหัตถ์ไปปฏิบัติตาม และนำไปใส่กรอบรูปเก็บรักษาไว้อย่างดีที่สุด

ทรงเยี่ยมประชาชน ภายหลังทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ และทรงเปิดอาคารที่ทำการศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา
ประชาชนเฝ้าฯ รับเสด็จ
ภาพมุมสูงประชาชนเฝ้าฯ รับเสด็จ เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2563

ไม่ว่าจะเสด็จฯ ไปที่แห่งใด เสียงทรงพระเจริญจะดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ ป้ายถวายพระพร “ทรงพระเจริญ เรารักในหลวง เรารักพระราชินี เรารักราชวงศ์จักรี” มีทั้งที่เป็นป้ายไฟตามสมัยนิยม ป้ายข้อความ หรือถ้าบางคนไม่มี ก็ยังได้ประยุกต์ใช้โทรศัพท์มือถือ แท็บแล็ต ไอแพด เขียนข้อความ ทรงพระเจริญ ร่วมถวายพระพรด้วย

ยังความปลาบปลื้มปีติมาสู่พสกนิกร

ลายพระหัตถ์ถึงพสกนิกร

ในการเสด็จฯไปทรงเยี่ยมประชาชนอย่างใกล้ชิด ประชาชนจะนำพระบรมฉายาลักษณ์ และปากกา ติดตัวไปด้วย ด้วยความตั้งใจว่า อยากได้ลายพระหัตถ์ในหลวง และพระราชินี กลับมาบูชาเพื่อเป็นสิริมงคลที่บ้าน และมีประชาชนหลายคนโชคดีได้รับพระเมตตา ซึ่งทุกลายพระหัตถ์ล้วนเป็นความปรารถนาดีจากในหลวงที่ทรงมีต่อพสกนิกร อาทิ

-ชาติไทย คนไทยแสนวิเศษ มีวัฒนธรรม มีน้ำใจ ความเป็นไทยคือความรัก ความอบอุ่น มาจากการตั้งใจทำดี มีความรักและเมตตา สามัคคี ทำในสิ่งที่ถูก มีธรรมะ ทำถูกทำดี ไม่คิดร้ายหรือใจร้าย มีความนับถือในความจริง + ความดี

-ใจเมตตา นึกถึงชาติ + ส่วนรวม รักซึ่งกันและกัน แก้ไขเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อความสุข + มั่นใจ ของชาติ ประชาชน

-ขอบใจในความรัก ขอบใจที่รักชาติ ขอบใจที่ทำดี ขอให้เจริญๆ

-คิดดี ทำดี หวังดี อดทน สามัคคีในความเป็นคนไทย

-คนไทยมีวัฒนธรรม มีศีลธรรม ทำดีแล้วจะมีสุข ชาติเจริญ

-ขอบใจในความรักและกำลังใจ เราต่างรักกันห่วงกัน ห่วงประเทศชาติ ช่วยกันรักษา บ้านเราด้วยความดี เพื่อความสุขและความเจริญ รักษาความวิเศษของความเป็นไทย

-ความจริง ความเข้าใจ ความถูกต้อง จะทำให้เราปฏิบัติถูก เป็นพลังของชาติ

-ความรักและสามัคคี หวังดีต่อเพื่อนร่วมชาติ และรอยยิ้มทั้งกาย+ใจทำให้ชาติมั่นคง

-ช่วยกันรักประเทศไทย และพี่น้องประชาชน รักบ้านเรา รักพี่น้องร่วมชาติ ด้วยความเมตตา และร่วมสามัคคี ทำความดี

เสด็จฯ ทรงเยี่ยมประชาชน ภายหลังทรงเปิดโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สาย “เฉลิมรัชมงคล” (สายสีน้ำเงิน) วันที่ 14 พฤศจิกายน 2563
เสด็จฯ เยียมประชาชนภายหลังทรงเปิดศาลฎีกา เขตพระนคร
ลายพระหัตถ์พระราชทาน
ลายพระหัตถ์พระราชทาน

พระมิ่งขวัญแห่งปวงชนชาวไทย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image