ชาวนาจ.อำนาจเจริญ สำนึกในพระคุณ ‘ฝนหลวง’เปลี่ยนชีวิต

แฟ้มภาพ

เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน พระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ดำเนินเป็นวันที่ 44 ขณะที่สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา หลังสำนักพระราชวังปิดไม่ไห้ประชาชนเข้าพระบรมมหาราชวัง เพื่อขึ้นกราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในเวลา 21.00 น. ว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 38,896 คน รวม 28 วัน มี 909,208 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 4,039,684 บาท รวม 28 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 69,076,834.75 บาท

สำหรับวันนี้เนื่องจากเป็นวันหยุดราชการ ประชาชนส่วนมากจึงใช้โอกาสนี้เข้ามาต่อแถวสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศ โดยต่างมาต่อแถวกันตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ และเมื่อสักการะเสร็จแล้วได้เข้าไปเที่ยวชมวัดพระศรีรัตนศาสดารามต่อ เช่นเดียวกับเหล่าจิตอาสาจำนวนมากที่ต่างนำอาหาร น้ำดื่ม อุปกรณ์กันแดดอย่างร่ม หมวก มาแจกให้กับประชาชนที่มาสักการะพระบรมศพด้วย

นางนวลใย แก้วกลม อายุ 61 ปี และบุตรสาวนางถาวร อุทธา อายุ 40 ปี จาก อ.พนา จ.อำนาจเจริญ ซึ่งเดินทางจากอำนาจเจริญมาพักย่านมีนบุรี ก่อนเข้ามาต่อคิวตั้งแต่ช่วงตี 2 ของวันนี้ และได้เข้าสักการะเมื่อตอนประมาณ 10.00 น. โดยนางนวลใยกล่าวว่า แม้ว่าจะรู้สึกดีใจที่ได้เข้ามากราบสักการะพระบรมศพ แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกเสียใจที่กว่าจะได้ใกล้ชิดกับพระองค์มากที่สุดก็ตอนที่พ่อหลวงไม่อยู่กับเราแล้ว เมื่อได้ขึ้นไปกราบสักการะก็ทำได้เพียงระลึกถึงความดีที่พระองค์ทรงทำให้กับคนไทย อยากให้ท่านอยู่กับเราอย่างนี้ไปนานๆ วันนี้แม้จะรอนานแต่ก็ได้รับการอำนวยความสะดวกจากเจ้าหน้าที่ดีมาก มีจิตอาสาคอยนำอาหารมาให้ ทำให้ไม่รู้สึกหิว และอดทนรอได้

“ตนเป็นคนอีสาน อยู่ในที่ห่างไกลและแห้งแล้ง จะทำนาแต่ละครั้งชีวิตต้องพึ่งฝนฟ้าตลอด จะตักน้ำใช้ทีต้องเดินไปไกล และได้แต่รอให้น้ำในบึงในหนองขึ้นมาให้ตักใช้ ได้แต่เฝ้ารอฟ้าว่าจะมีเครื่องบินของพ่อหลวงบินผ่านเมื่อใด เพราะทุกครั้งที่เครื่องบินผ่านจากฟ้ามีแดดจ้า เมฆก็จะกลายเป็นมืดครึ้ม ฝนก็ตกลงมาช่วยชีวิตเราไว้หลายครั้ง ทำให้เราทำกินได้ นี่คือสิ่งที่ประสบกับตัวเราจริงๆ ทำให้เรารู้สึกรักอย่างไม่มีข้อแม้”

Advertisement

ขณะที่ นางถาวร อุทธา บุตรสาว กล่าวว่า การได้มากราบสักการะพระบรมศพนี้เป็นความภูมิใจที่มีความเสียใจซ่อนอยู่มากมาย ชีวิตนี้ได้มีความสุข มีชีวิตที่ดีขึ้นเพราะพระองค์อย่างแท้จริง การที่พ่อหลวงเสียไปคิดไปก็เหมือนตอนที่เสียพ่อที่แท้จริงของเรา ผิดกันแต่ว่าตอนที่พ่อของเราเสียไปเรายังได้ตอบแทนบุญคุณของท่าน แต่กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในฐานะที่เป็นลูกของท่าน เรายังไม่เคยได้ตอบแทนพระคุณของพระองค์เลย จากนี้คงได้แต่น้อมนำคำสอนของพระองค์ มาใช้ในชีวิตต่อไป นำความดีของพระองค์ส่งต่อถึงลูกหลาน

 

นางนวลใยและนางถาวร
นางนวลใยและนางถาวร

 

Advertisement

ด้านนางสำรวย คงทน อายุ 60 ปี ต.นครสวรรคตก อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ที่เดินทางมาพร้อมกับลูกสาวนางธัญธรัตน์ ช่วยธนกูลชัย กล่าวว่า พึ่งผ่าตัดสะโพกมาได้ 4 เดือน อยากมากราบสักการะพระบรมศพ จึงให้ลูกสาวขับรถพามา แม้ยังเจ็บแผลบ้างแต่พอนึกถึงพระองค์ ก็ทำให้มีกำลังใจอดทน พอได้กราบแล้วก็มีความสุขดีใจที่ได้มา ลืมความเจ็บปวดไปได้
“ที่อยากมากก็เพราะรักพระองค์ท่าน รู้สึกผูกพันเพราะเกิดมาก็เห็นพระองค์แล้ว และพ่อแม่ปู่ย่าตายายก็สอนให้เรารักเคารพและดูพระองค์เป็นแบบอย่างที่ดี ซึ่งเราก็นำคำสอนมาสอนลูกของเราให้เป็นคนดี ให้รู้จักความกตัญญู เป็นคนดีช่วยเหลือสังคม และให้ยึดหลักพอเพียง” นางสำรวยกล่าว

 

นางสำรวยและบุตรสาว
นางสำรวยและบุตรสาว
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image