ในหลวง พระราชินี ทรงเปิดอาคารศาลอุทธรณ์ภาค 8-ศาลากลางภูเก็ตหลังใหม่ ปชช.รับเสด็จเนืองแน่น
เมื่อเวลา 17.33 น. วันที่ 11 มิถุนายน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ ไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์และทรงเปิดอาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 8 และเสด็จฯ ไปทรงประกอบพิธีเปิดอาคารศาลากลางจังหวัดภูเก็ต (หลังใหม่) ตำบลตลาดเหนือ อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต
เมื่อเสด็จฯ ถึงอาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 8 เสด็จเข้าพลับพลาพิธี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย ทรงกราบ ทรงศีล ประธานสงฆ์ถวายศีล จากนั้น เสด็จฯ ไปยังแท่นพิธี ทรงกดปุ่มไฟฟ้าเปิดแพรคลุมป้าย “อาคารศาลอุทธรณ์ภาค 8” แล้วเสด็จเข้าพลับพลาพิธี
ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์ ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ต่อจากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายธีรศักดิ์ เงยวิจิตร เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กราบบังคมทูลเบิกผู้มีอุปการคุณแก่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 เฝ้าฯ รับพระราชทานของที่ระลึก ตามลำดับ
เสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงลงพระปรมาภิไธยและทรงลงพระนามาภิไธยในแผ่นศิลา เสร็จแล้ว เสด็จฯ ไปทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการ ทรงลาพระสงฆ์ แล้วจึงเสด็จฯ ไปยังห้องประทับรับรอง ทรงลงพระปรมาภิไธย และทรงลงพระนามาภิไธยในสมุดที่ระลึก
จากนั้น ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จฯ ไปยังอาคารศาลากลางจังหวัดภูเก็ต (หลังใหม่) ตำบลตลาดเหนือ อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2554 ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ได้ย้ายจากกรุงเทพมหานครไปยังจังหวัดภูเก็ต และเมื่อพุทธศักราช 2560 สำนักงานศาลยุติธรรม ได้ดำเนินการก่อสร้างอาคารศาลอุทธรณ์ภาค 8 หลังใหม่ บนที่ดินราชพัสดุ โดยมีโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมแบบซิโนโปรตุกีส เป็นอาคารสูง 5 ชั้น ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ
เมื่อพุทธศักราช 2563 ศาลอุทธรณ์ภาค 8 มีเขตอำนาจศาลในภาคใต้ตอนบน จำนวน 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกระบี่ จังหวัดชุมพร จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดพังงา จังหวัดภูเก็ต จังหวัดระนอง และจังหวัดสุราษฎร์ธานี
ต่อมาเวลา 18.35 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ ไปทรงประกอบพิธีเปิดอาคารศาลากลางจังหวัดภูเก็ต (หลังใหม่) ณ ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต (หลังใหม่) ตำบลตลาดเหนือ อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต เมื่อเสด็จฯ ถึง เสด็จเข้าพลับพลาพิธี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธนวราชบพิตร ทรงกราบ
ต่อจากนั้น เสด็จฯ ไปยังแท่นพิธี ทรงกดปุ่มไฟฟ้าเปิดแพรคลุมป้ายอาคารศาลากลางจังหวัดภูเก็ต (หลังใหม่) แล้วเสด็จเข้าพลับพลาพิธี ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรม ถวายพระสงฆ์ ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ต่อจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงลงพระปรมาภิไธย และทรงลงพระนามาภิไธยในแผ่นศิลา
ต่อจากนั้น ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จฯ ไปยังท่าอากาศยานภูเก็ต อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต เสด็จขึ้นแท่นทรงรับการถวายความเคารพจากกองทหารเกียรติยศ แล้วประทับเครื่องบินพระที่นั่ง เสด็จฯ กลับกรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ อาคารศาลากลางจังหวัดภูเก็ต (หลังใหม่) ก่อสร้างขึ้นเพื่อทดแทนอาคารศาลากลางจังหวัดภูเก็ต (หลังเก่า) ซึ่งใช้งานมาเป็นระยะเวลากว่า 100 ปี มีสภาพคับแคบ และไม่เพียงพอต่อการให้บริการประชาชน โดยจังหวัดภูเก็ตดำเนินการก่อสร้างอาคารศาลากลางจังหวัดภูเก็ต (หลังใหม่) ในพื้นที่ศูนย์ราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กแบบจัตุรมุข ขนาดความสูง 5 ชั้น มีโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมแบบชิโนยูโรเปียน ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อพุทธศักราช 2565
ในการเสด็จฯ ไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์และทรงเปิดอาคารที่ทำการ ศาลอุทธรณ์ภาค 8 และเสด็จฯ ไปทรงประกอบพิธีเปิดอาคารศาลากลางจังหวัดภูเก็ต (หลังใหม่) ในครั้งนี้ มีราษฎรมารอเฝ้าฯ ตลอดสองฝั่งถนนที่เสด็จพระราชดำเนินผ่าน ทุกคนพร้อมใจกัน โบกธงพระปรมาภิไธย “ว.ป.ร.” และธงพระนามาภิไธย “ส.ท.” พร้อมเปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ” ต่างปลื้มปีติที่ได้ชมพระบารมี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงโบกพระหัตถ์ และแย้มพระสรวลแก่ราษฎรที่มาเฝ้าฯ รับเสด็จ ขณะที่รถยนต์พระที่นั่งเคลื่อนผ่านอย่างช้า ๆ ทั้งนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กองแพทย์หลวงสำนักพระราชวัง ร่วมกับโรงพยาบาลและหน่วยสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ออกให้บริการด้านสาธารณสุข ดูแลรักษาพยาบาลเบื้องต้นแก่ราษฎรที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ กับทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเจลแอลกอฮอล์กับพิมเสนน้ำ และให้จัดตั้งโรงครัวพระราชทาน เพื่อประกอบอาหารปรุงสุกใหม่ ถูกสุขอนามัย พระราชทานเลี้ยงแก่ราษฎรที่มาเฝ้าฯ รับเสด็จ การได้รับพระราชทานพระมหากรุณาในครั้งนี้ ยังความปลื้มปีติแก่ราษฎรที่มาเฝ้าฯ รับเสด็จอย่างหาที่สุดมิได้
นายสเลิน มอญ ชาวมอญที่มาอาศัยในประเทศไทยและมาทำงานอยู่ที่ จ.ภูเก็ต ได้นัดรวมตัวกับกลุ่มชาวมอญที่อาศัยอยู่ที่ประเทศไทย อย่างจังหวัดพังงา และจังหวัดกาญจนบุรี กว่า 20 คน มาร่วมเฝ้าฯ รับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เพราะพวกตนรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย ที่ให้ชาวมอญได้เข้ามาอาศัยทำมาหากินในผืนแผ่นดินไทยอย่างร่มเย็นเป็นสุขจนถึงทุกวันนี้
“พวกเราพอทราบข่าวว่าในหลวงและพระราชินี จะเสด็จฯ มาจังหวัดภูเก็ตในวันนี้ พวกเราเลยนัดกันขอลานายจ้างหยุดงาน 1 วัน เพื่อมารอเฝ้าฯ รับเสด็จทั้งสองพระองค์ ด้วยเพราะสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อชาวมอญที่มาอาศัยในแผ่นดินไทย พวกเราจึงอยากจะตอบแทนบุญคุณของพระองค์ด้วยการมาเฝ้าฯ รับเสด็จ เพื่อเป็นอีกเสียงของความจงรักภักดี” นายสเลิน มอญ กล่าวด้วยน้ำเสียงแห่งความจงรักภักดีอย่างสุดหัวใจ
ขณะที่ คุณยายสุวันดี แซ่ตัน วัย 80 ปี ชาวจังหวัดภูเก็ต แม้แขนขาจะไม่ค่อยแข็งแรงเหมือนดังแต่ก่อน แต่พอทราบข่าวว่าในหลวงและพระราชินีจะเสด็จฯ มาที่ จ.ภูเก็ต ตนและครอบครัวจึงพากันเดินทางมาเฝ้าฯ รับเสด็จ ซึ่งเป็นการได้รับเสด็จพระเจ้าแผ่นดินอย่างใกล้ชิดเป็นครั้งแรกในชีวิต
“ที่ผ่านมาไม่เคยมีโอกาสได้เฝ้าฯ รับเสด็จเจ้านายพระองค์ไหนมาก่อนเลย แต่พอรู้ข่าวว่าในหลวงจะเสด็จมาที่ภูเก็ต ก็เลยอยากมีโอกาสได้ชื่นชมพระบารมีของทั้ง 2 พระองค์สักครั้งหนึ่งในชีวิต และวันนี้ความฝันก็เป็นจริง ที่ได้ชื่นชมพระบารมีอย่างใกล้ชิด และทั้งสองพระองค์ยังโบกพระหัตถ์ และแย้มพระสรวลให้กับประชาชนอย่างไม่ถือพระองค์ด้วย” คุณยายสุวันดีกล่าว