ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง พบประชาชนจากทั่วทิศทั่วแดนทยอยเดินทางมาต่อแถวอย่างต่อเนื่องท่ามกลางสภาพอากาศเย็นสบายตลอดวัน โดยวันนี้สำนักพระราชวังเปิดให้เข้ากราบถวายสักการะตั้งแต่เวลา 04.50 น. จากเวลาปกติเปิดเวลา 08.00 น.
นางวรรณวนา พิทักษ์สงคราม อายุ 51 ปี ผู้อำนวยการโรงเรียนวังไพรวิทยาคม ต.วังใหม่ อ.วังสมบูรณ์ จ.สระแก้ว ที่เดินทางมาพร้อมกับคณะครูและนักเรียน จำนวน 39 คน ด้วยรถตู้ 3 คัน เผยว่า ได้เดินทางออกจากจ.สระแก้ว ตั้งแต่เวลา 23.00 น.ของวันที่ 6 มกราคม จนถึงท้องสนามหลวง เวลา 3.00 น. ของวันที่ 7 มกราคม จากนั้นต่อแถวประมาณ 7 – 8 ชั่วโมง จึงได้เข้ากราบสักการะพระบรมศพ ซึ่งเป็นความรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากที่พระองค์ได้จากไป เนื่องจากพระองค์ทรงมีเมตตาต่อคณะครู นักเรียน และโรงเรียนอย่างมาก ถึงแม้ว่าจะเป็นโรงเรียนชายขอบอยู่ห่างไกล แต่พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ก็ยังมาถึง และโดยเฉพาะเมื่อปี 2555 โรงเรียนได้รับเลือกเป็น 1 ใน 20 โรงเรียนรุ่นแรกที่ได้รับเงินทุนพระราชทานจากกองทุนการศึกษา ซึ่งถือเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริโครงการสุดท้ายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ช่วยให้โรงเรียนเกิดการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงหลายๆด้าน ทั้งการปรับปรุงและสร้างบ้านพักให้แก่บุคลากรครู การติดตั้งคอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศ เพื่อช่วยเป็นสื่อการเรียนและพัฒนาการศึกษาให้แก่นักเรียน รวมทั้งการให้ทุนแก่นักเรียนที่ยากไร้ และด้อยโอกาส ได้รับทุนการศึกษาจนเรียนจบปริญญาตรี
“แม้ว่าโรงเรียนจะอยู่ห่างไกลและกันดาร แต่น้ำพระเมตตาของพระองค์ก็ยังหลั่งไหลมาถึง ซึ่งโรงเรียนมีปัญหาเรื่องผลสัมฤทธิ์การศึกษา และผลคะแนนที่ต่ำในวิชาคณิตศาสตร์ และภาษาอังกฤษ เนื่องจากขาดแคลนครู ก็ได้รับเงินทุนพระราชทานจากกองทุนการศึกษาของพระองค์ มาพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อใช้เป็นสื่อการเรียนให้แก่นักเรียน ทำให้ผลสัมฤทธิ์ของนักเรียนขยับสูงขึ้น พร้อมทั้งในแต่ละปียังมีองคมนตรี และอาสานิเทศมาเยี่ยมโรงเรียนเพื่อติดตามความก้าวหน้า และถามความต้องการของโรงเรียนอยู่ตลอดว่าขาดแคลนอะไรบ้าง นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิใด ที่มีต่อโรงเรียนชายขอบแห่งนี้” นางวรรณวนากล่าว
น.ส.อนงค์ประภา เย็นเป็นสุข นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนวังไพรวิทยาคม นักเรียนในพระบรมราชานุเคราะจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 กล่าวว่า เนื่องจากบ้านของหนูมีฐานะยากจนและลำบาก พ่อแม่ต้องย้ายที่อยู่เพื่อไปทำงานบ่อยครั้ง ทำให้เมื่อตอนมัธยมศึกษาที่ 4 คุณครูได้แนะนำให้เขียนเรียงความถึงพระองค์ท่าน ซึ่งก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระองค์ให้เป็นนักเรียนในพระบรมราชานุเคราะ รับทุนการศึกษาจนจบชั้นปริญญาตรี จนตอนนี้หนูกำลังจะเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 6 แล้ว และสามารถเข้าเรียนต่อในคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพาได้แล้ว ถ้าไม่ได้รับทุนจากพระองค์ท่าน คงไม่มีโอกาสได้เรียนแน่ๆ เนื่องจากพ่อแม่คงไม่มีเงินส่ง
น.ส.มณเฑียร โพธิ์พุ่ม นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนวังไพรวิทยาคม นักเรียนทุนพระราชทานจากกองทุนการศึกษา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 กล่าวว่า ฐานะที่บ้านลำบากมาก เนื่องจากแม่พิการ ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ทำให้บางวันหนูต้องหยุดเรียน เพื่อมาดูแลแม่และรับจ้างหาเงินโดยการเก็บพริก ค่าแรง 200 – 300 บาทต่อวัน ซึ่งแม้ว่าชีวิตจะลำบากเพียงใด แต่ก็ถือว่าโชคดีมาก เนื่องจากได้รับพระราชทานความช่วยเหลือจากพระองค์ท่านมาโดยตลอด โดยครั้งแรก ตอนมัธยมศึกษาปีที่ 2 ได้รับพระราชทานบ้านหลังใหม่จากพระองค์ท่าน เพราะบ้านหลังเดิมทรุดโทรมมาก จากนั้นยังได้รับช่วยเหลือจากเงินกองทุนการศึกษา ซึ่งหากขาดเหลืออะไรก็ยังสามารถขอความช่วยเหลือได้โดยตรง พระองค์ท่านทรงช่วยเหลือและติดตามดูหนูอยู่ตลอด หนูสัญญาว่าจะตั้งใจเรียนและทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ตามที่พระองค์ทรงมีพระเมตตาแก่หนู
