ในหลวง พระราชินี ทรงเปิดนิทรรศการสานสัมพันธ์ทางการทูตสหรัฐอเมริกา-ไทย 190 ปี

ในหลวง พระราชินี เสด็จฯ ทรงเปิดนิทรรศการสานสัมพันธ์ทางการทูตสหรัฐอเมริกา-ไทย 190 ปี

เมื่อเวลา 17.19 น. วันที่ 17 มกราคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปทรงเปิดนิทรรศการ “Weaving Our Stories (เวฟวิ่ง อาวร์ สตอรีส์) : สานสัมพันธ์ทางการทูตสหรัฐอเมริกา-ไทย 190 ปี” ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร

เมื่อเสด็จฯ ถึง นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายรอเบิร์ต เอฟ. โกเด็ก เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และคณะกรรมการจัดงานฯ เฝ้าฯ รับเสด็จ

Advertisement

จากนั้น เสด็จเข้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ประทับพระราชอาสน์ นายรอเบิร์ต เอฟ. โกเด็ก เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายของขวัญแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นางสาวเกวนโดลิน เจ. คาร์ดโน รองหัวหน้าสำนักงานสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายของขวัญแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

เสร็จแล้ว เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยกราบบังคมทูลรายงานเกี่ยวกับนิทรรศการ “Weaving Our Stories (เวฟวิ่ง อาวร์ สตอรีส์) : สานสัมพันธ์ทางการทูตสหรัฐอเมริกา-ไทย 190 ปี” และศิลปะจัดวาง “Time Owes Us Remembrance (ไทม์ โอว์ส อัส รีเมมบรานซ์) กาลเวลา คืนค่า หวนรำลึก” ฉลองครบ 190 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตสหรัฐอเมริกา-ไทย และกราบบังคมทูลเชิญเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดนิทรรศการฯ และทอดพระเนตรนิทรรศการฯ

Advertisement

ต่อจากนั้น ทอดพระเนตรวีดิทัศน์สารคดีสั้น “Weaving Our Stories (เวฟวิ่ง อาวร์ สตอรีส์) : สานสัมพันธ์ทางการทูตสหรัฐอเมริกา-ไทย 190 ปี” แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปทรงกดปุ่มไฟฟ้าเปิดนิทรรศการฯ และทอดพระเนตรนิทรรศการฯ ประกอบด้วย ชุดที่ 1 ผืนผ้าแห่งความสัมพันธ์สหรัฐอเมริกาและไทย ชุดที่ 2 การร่วมสร้างสรรค์ผลงานศิลปะในสหรัฐอเมริกาและการสร้างสรรค์ผลงานของนักเรียนนักศึกษาในไทย ชุดที่ 3 การเดินทางของศิลปินเก็บเกี่ยวประสบการณ์และแรงบันดาลใจจากชุมชนผ้าทอและผ้าพื้นเมืองทั่วประเทศไทย และชุดที่ 4 การสร้างสรรค์ผลงานศิลปะจัดวาง “Time Owes Us Remembrance (ไทม์ โอว์ส อัส รีเมมบรานซ์) กาลเวลา คืนค่า หวนรำลึก”

จากนั้น เสด็จเข้าห้องรับรอง ทรงลงพระปรมาภิไธย และพระนามาภิไธยในสมุดที่ระลึก สมควรแก่เวลา จึงประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับ

นิทรรศการ “Weaving Our Stories (เวฟวิ่ง อาวร์ สตอรีส์) : สานสัมพันธ์ทางการทูตสหรัฐอเมริกา-ไทย 190 ปี” เป็นงานแสดงศิลปะเพื่อสะท้อนความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยกับสหรัฐอเมริกา ในโอกาสการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตครบ 190 ปี เมื่อพุทธศักราช 2566 ซึ่งจัดโดยสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ร่วมกับศูนย์ซีอาเซียน (C-ASEAN) โดยความร่วมมือ ของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดยมีภาคเอกชนไทยและสหรัฐอเมริการ่วมให้การสนับสนุน นิทรรศการดังกล่าวนำเสนอผลงานศิลปะสิ่งทอและเรื่องราวที่สะท้อนถึงมิตรภาพอันยาวนานระหว่างประเทศไทยกับสหรัฐอเมริกาภายใต้ชื่อ “Time Owes Us Remembrance (ไทม์ โอว์ส อัส รีเมมบรานซ์) กาลเวลา คืนค่า หวนรำลึก”

จัดทำโดยนางสาวอแมนด้า พึ่งโพธิปักขิยะ ศิลปินชาวอเมริกันเชื้อสายไทย ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากความงดงามและงานศิลปะบนผืนผ้าไทยจากพิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ผนวกกับความประทับใจในพระวิริยะอุตสาหะและพระราชกรณียกิจด้านการอนุรักษ์ผ้าไทยที่สนับสนุนขนบธรรมเนียม วัฒนธรรม และวิถีชีวิตอย่างไทย จึงถ่ายทอดเป็นผลงานศิลปะการทอผ้าอย่างไทยที่มีความประณีตและซับซ้อน เปรียบเสมือนสายสัมพันธ์ระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของค่านิยมร่วมกัน และมีความเชื่อมโยงอย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่อดีต จวบจนปัจจุบัน และจะสืบต่อไปยังอนาคต ดังเช่นสายสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทยกับสหรัฐอเมริกาที่มีสัมพันธไมตรีแน่นแฟ้นยาวนาน

ประเทศไทยและสหรัฐอเมริกาสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตมาตั้งแต่พุทธศักราช 2376 อันเป็นปีที่มีการลงนามในสนธิสัญญาไมตรีและพาณิชย์ เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2376 ตรงกับรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า รัชกาลที่ 3 และประธานาธิบดีแอนดรูว์ แจ็กสัน ประธานาธิบดีคนที่ 7 ของสหรัฐอเมริกา สนธิสัญญาดังกล่าวนับเป็นสนธิสัญญาฉบับแรกที่สหรัฐอเมริกา ลงนามเป็นคู่สัญญากับประเทศในทวีปเอเชีย

นับจากนั้น ประเทศไทยและสหรัฐอเมริกาก็ได้เริ่มถักทอสายสัมพันธ์จนมาถึง 190 ปี โดยทั้งสองประเทศต่างมุ่งหวังที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พร้อมทั้งมีความก้าวหน้าและเจริญรุ่งเรือง ผ่านการประสานความร่วมมือในมิติต่างๆ ทั้งด้านสาธารณสุข การค้า การลงทุน ความมั่นคง อีกทั้งยังมีการแลกเปลี่ยนทางด้านวัฒนธรรม การศึกษา และด้านอื่น ๆ ที่มีส่วนช่วยกระชับความสัมพันธ์อันดีของทั้งสองประเทศตลอด 190 ปีที่ผ่านมา และสะท้อนถึงสัมพันธไมตรีอันยาวนาน รวมถึงมิตรภาพและความใกล้ชิด ทั้งในระดับผู้นำและระดับประชาชน ตลอดจนความตั้งใจของทุกฝ่ายที่จะส่งเสริมมิตรภาพนี้ให้ยั่งยืนสืบไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image