เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี เสด็จทอดพระเนตรผลิตภัณฑ์ผ้าไทย พระราชทาน ‘ผ้าลายชบาปัตตานี’ แก่ช่างทอผ้าปัตตานี

เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี เสด็จทอดพระเนตรนิทรรศการและการจัดงานแสดงผลิตภัณฑ์ผ้าไทยและงานหัตถกรรมชุมชนภาคใต้ และพระราชทานลายผ้าพระราชทาน “ผ้าลายชบาปัตตานี” เป็นของขวัญแก่ช่างทอผ้าชาวจังหวัดปัตตานี

เมื่อเวลา 13.45 น. วันที่ 24 มกราคม สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จทอดพระเนตรนิทรรศการและการจัดงานแสดงผลิตภัณฑ์ผ้าไทยและงานหัตถกรรมชุมชนภาคใต้ ณ แหล่งสมาคมนายทหารสัญญาบัตร กองบัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 ค่ายสมเด็จพระสุริโยทัย ตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง พลตรี ขจรศักดิ์ อินทร์ทอง ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 46 พลตำรวจตรี อาชาน จันทร์ศิริ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 นางพาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี นางสาวธนนนท์ นิรามิษ ภริยารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย นางสมฤดี ขำเขียว ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขากองพลทหารราบที่ 15 ข้าราชการและประชาชน เฝ้าฯ รับเสด็จ

เมื่อเสด็จถึง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จเข้าสู่บริเวณนิทรรศการและการจัดงานแสดงผลิตภัณฑ์ผ้าไทยและงานหัตถกรรมชุมชนภาคใต้ โดยมีกลุ่มผู้เฝ้ารับเสด็จขอพระราชทานคำแนะนำ จำนวน 30 กลุ่ม ได้แก่ ยาริงบาติก จังหวัดปัตตานี รายาบาติก จังหวัดปัตตานี บาติก เดอนารา จังหวัดปัตตานี ซาโลมาปาเต๊ะ จังหวัดนราธิวาส นินา ปาเต๊ะ จังหวัดนราธิวาส Yozama บาติกแฮนด์เพ้นท์ จังหวัดสตูล ธาตุดิน จังหวัดยะลา กลุ่ม ME-D นาทับ จังหวัดสงขลา กอร์ตานี จังหวัดสงขลา กลุ่มวนิดากระจูด จังหวัดสงขลา กลุ่มหัตถกรรมกระจูดวรรณี จังหวัดพัทลุง กลุ่มศิลปาชีพหัวป่าเขียว จังหวัดพัทลุง วิสาหกิจชุมชนหัตถกรรมแปรรูปกระจูดบ้านใหญ่ จังหวัดนราธิวาส วิสาหกิจชุมชนกลุ่มจักสานต้นคลุ้มบ้านวังตง จังหวัดสตูล สมาชิกศิลปาชีพฯ (งานจักสาน/ภาพปักซอย) จังหวัดนครศรีธรรมราช และนราธิวาส สมาชิกศิลปาชีพฯ (งานเครื่องปั้นดินเผา) จังหวัดนราธิวาส บาราโหม บรมซา จังหวัดปัตตานี เยาวชนบ้านดี จังหวัดปัตตานี Assama Batik จังหวัดยะลา เก๋บาติก จังหวัดยะลา กลุ่มสตรีตัดเย็บเสื้อผ้าตำบลสะเตงนอก จังหวัดยะลา มัดย้อมรอญามิง จังหวัดยะลา นารา บาติก จังหวัดนราธิวาส กลุ่มบ้านบาติก จังหวัดนราธิวาส กลุ่มสีพูบาติก จังหวัดพัทลุง กลุ่มคนังมัดย้อม จังหวัดพัทลุง กลุ่ม Young OTOP จังหวัดนราธิวาส กลุ่มกระจูดบ้านโคกพยอม จังหวัดนราธิวาส จักสานบ้านคลองปอม จังหวัดปัตตานี ห้องหัตถกรรม จังหวัดปัตตานี

Advertisement

ภายหลังจากทรงมีพระวินิจฉัยและพระราชทานคำแนะนำเสร็จสิ้นแล้ว สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา พระราชทานลายผ้าพระราชทาน “ผ้าลายชบาปัตตานี” แก่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พระราชทานแม่แบบพิมพ์ผ้าลายชบาปัตตานี แก่นายสุทธิพงษ์จุลเจริญปลัดกระทรวงมหาดไทย และพระราชทานลายผ้าพระราชทาน “ผ้าลายชบาปัตตานี” แก่นางพาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ซึ่ง “ผ้าลายชบาปัตตานี” นี้ เป็นลายที่ทรงศึกษาค้นคว้าลวดลายพื้นถิ่นของจังหวัดปัตตานี โดยทรงนํามาออกแบบผสมผสานกับ “ลายดอกชบา (Hibiscus ไฮบิสคัส) และลายเถาไม้เลื้อย” ที่สื่อถึงวัฒนธรรมพื้นถิ่นของจังหวัดปัตตานี และสร้างสรรค์ขึ้นเป็น “ผ้าลายชบาปัตตานี” พระราชทานเป็นของขวัญแก่ช่างทอผ้าชาวจังหวัดปัตตานี เพื่อสร้างอัตลักษณ์ สืบสาน และต่อยอดภูมิปัญญาและงานหัตถศิลป์พื้นถิ่น ให้ดำรงคงอยู่คู่แผ่นดินไทยอย่างยั่งยืน เนื่องในโอกาสที่พระองค์ทรงเจริญพระชนมายุครบ 3 รอบ 36 พรรษา

Advertisement

พร้อมทั้งพระราชทานแบบชุดกลางวัน สำหรับสุภาพบุรุษ แบบชุดกลางวัน สำหรับสุภาพสตรี แบบชุดกลางคืน สำหรับสุภาพบุรุษ และแบบชุดกลางคืน สำหรับสุภาพสตรี รวม 6 แบบ โดยผ้าลายชบาปัตตานีเป็นการผสมผสานลวดลาย ลายดอกชบา (Hibiscus ไฮบิสคัส) และลายเถาไม้เลื้อย ซึ่งดอกชบาเป็นดอกไม้ประจําจังหวัดปัตตานี มีอีกชื่อว่า บุหงารายา คำว่า “บุหงา” แปลว่า ดอกไม้ “รายา” แปลว่า พระราชา บุหงารายา จึงมีความหมายถึง “ดอกไม้ของพระราชา” ลายเถาไม้เลื้อยมาจากลายฉลุของช่องลมจากวังเจ้าเมืองยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี ที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2438 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยพระยาพิพิธเสนามาตยาธิบดีศรีสุรสงคราม เจ้าประเทศราชเมืองยะหริ่ง ลำดับ 3 ตัวเรือนไม้กึ่งปูน เป็นสถาปัตยกรรมแบบผสมผสานระหว่างศิลปะพื้นเมืองชวาและยุโรป และลายช่องลมหรือมัสยิดรายอฟาฏอนีหรือมัสยิดจะบังติกอเป็นสถาปัตยกรรมไม้แบบมลายูยุคเก่า ตกแต่งด้วยลวดลายสลักและเถาวัลย์พรรณพฤกษา และมีการผสมผสานลายช่องลมรูปทรงเรขาคณิต สร้างขึ้นระหว่างปี พ.ศ. 2388 – 2399

ก่อนเสด็จกลับ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทอดพระเนตรการแสดงชุด “ระบำรองเง็ง” พร้อมการบรรเลงดนตรี โดย วงอาเนาะบุหลัน (ลูกพระจันทร์) นักเรียนโรงเรียนวัดสุวรรณากร อำเภอหนองจิก ซึ่งอาเนาะบุหลัน คือ ดนตรีพื้นเมืองชายแดนใต้ที่ได้รับอิทธิพลทางดนตรีมาจากวงบุหลันตานีของอาจารย์เซ็ง อาบู และอาจารย์ขาเดร์ แวเด็ง ศิลปินแห่งชาติชาวจังหวัดปัตตานี คำว่า อาเนาะ หมายถึง ลูก บุหลัน หมายถึง พระจันทร์ ทั้งนี้ การแสดงของวงอาเนาะบุหลัน เป็นการแสดงดนตรีเพลงพื้นเมือง (รองเง็ง) ที่มีอยู่ในแถบแหลมมลายู ประกอบไปด้วยนักดนตรีและนักแสดง ซึ่งเป็นนักเรียนระดับประถมศึกษา จำนวน 14 คน เครื่องดนตรีที่ใช้ คือ ไวโอลิน แมนโดลิน แอคคอร์เดียน ฆ้อง กลองรำมะนาใหญ่ กลองรำมะนาเล็ก แทมโบลิน และมาราคัส ทำการแสดง 2 บทเพลง คือ 1) เพลงอูดังซามาอูดัง ซึ่งคำว่า อูดังซามาอูดัง หมายถึง กุ้งก็เหมือนกับกุ้ง คนเฒ่าคนแก่ได้เปรียบเปรยกุ้งกับปลาทูว่ามีความต่างกัน สอนให้มองหาเพื่อนหรือคู่ชีวิตด้วยความระมัดระวัง และ 2) เพลงเมาะอินังลามา ที่สื่อความหมายถึง “แม่นม” หรือ “พี่เลี้ยง” เป็นเพลงเก่าแก่ ลามา หมายถึง เก่าแก่ แต่บางครั้งก็เรียกชื่อเพลงนี้ว่า “กึมบังจีนา” ซึ่งหมายถึง “ดอกพุดที่กำลังแย้มบาน” การแสดงแบบเดิมเมื่อเริ่มการแสดงฝ่ายชายจะโค้งฝ่ายหญิงที่เป็นคู่เต้น พร้อมกับมอบผ้าเช็ดหน้าให้แก่ฝ่ายหญิง และขอผ้าคลุมไหล่ของฝ่ายหญิงมาคลุมไหล่ตนเอง ฝ่ายหญิงจะใช้ผ้าเช็ดหน้าโดยจับชายผ้าทั้ง 2 ชายไว้ ขณะเดียวกันก็เต้นหลบฝ่ายชายไปพร้อมกัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image