| ที่มา | มติชนรายวันหน้า 18 |
|---|---|
| เผยแพร่ |
นับเป็นครั้งแรกที่คนไทยได้รับรู้เรื่องราวความรักความผูกพันระหว่าง “พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์” กับสุนัขทรงเลี้ยงพันธุ์ยอร์กเชียร์ เทอร์เรียร์ ผ่านพระนิพนธ์การ์ตูนเล่มแรกเรื่อง “The Princess’s dog diary บันทึกคุณน้ำหอม สุนัขทรงเลี้ยงของเจ้าหญิง”
สุนัขทรงเลี้ยงพันธุ์ยอร์กเชียร์ เทอร์เรียร์นี้คือ “คุณน้ำหอม” ที่เป็นแรงบันดาลพระทัยให้พระองค์นิพนธ์หนังสือการ์ตูนเล่มนี้ขึ้นมา โดยทรงมีพระประสงค์ให้ผู้อ่านได้เห็นความน่ารักและคาแร็กเตอร์อันโดดเด่นของคุณน้ำหอม โดยได้ปณิศา ภูมิสิงหราช หรือ fastbeam มาวาดการ์ตูนให้ ซึ่งจัดงานเปิดตัว ณ อาคารบันลือกรุ๊ป ซอยรัชดาภิเษก 3
ในการนี้ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงพาสุนัขทรงเลี้ยงมาร่วมงานเปิดตัวหนังสือด้วย ทำให้ผู้ร่วมงานได้เห็น “ครอบครัวคุณน้ำหอม” สร้างความสดใสให้ไม่น้อย โดยพระองค์ยังได้ประทานลายพระหัตถ์ให้กับผู้ซื้อหนังสือด้วยพระองค์เองอีกด้วย
หนังสือเล่มนี้บอกเล่าเรื่องราวของ “คุณน้ำหอม” ซึ่งถวายตัวเป็นสุนัขทรงเลี้ยงเมื่ออายุได้ 3 เดือน ได้ชื่อนี้เพราะเป็นสุนัขที่ตัวหอม นิ่ม สะอาด และชื่นชอบกลิ่นหอม มีความกล้าหาญ รักอิสระ รักสวยรักงาม และยังเป็นแฟชั่นนิสต้า นอกจากนี้ยังมีครอบครัวกับลูกๆ 5 สุนัข ได้แก่ แวร์ซาย น้ำปรุง ปารีส มิลาน ช้อปปิ้ง และยังมีสุนัขพันธุ์ยอร์กเชียร์ เทอร์เรียร์อีก 2 สุนัขคือ ตัวเล็ก และ โรเล็กซ์ ที่มาร่วมสร้างสีสันภายในเรื่อง
พระองค์หญิงประทานสัมภาษณ์ว่า “สมัยประถมเลี้ยงสายพันธุ์ชิสุ เป็นสุนัขพันธุ์เล็ก เมื่อตายแล้วจึงหันมาเลี้ยงสุนัขพันธุ์ใหญ่ อย่างพันธุ์ลาบราดอร์ โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ และไซบีเรียน ฮัสกี้
จากนั้นมีพระสหายนำสุนัขพันธุ์ยอร์กเชียร์ เทอร์เรียร์ ซึ่งเป็นสุนัขพันธุ์เล็กมาถวาย ตอนแรกไม่ชอบ แต่เมื่อได้สัมผัสพบว่ามีความน่ารัก ถือเป็นสายพันธุ์สุนัข 1 ใน 10 ของโลกที่ฉลาด และมีคาแร็กเตอร์เป็นของตัวเอง จึงได้เลือกคุณน้ำหอมมาจากฟาร์ม ซึ่งพระองค์หญิงเป็นคนที่ชอบสัตว์มาก ตั้งแต่สุนัข ม้า และปลา ยกเว้นแมวกับยุง”
นับตั้งแต่ทรงรับคุณน้ำหอมมาทรงเลี้ยง พระองค์หญิงตรัสว่า ได้เห็นว่าเขามีจินตนาการเพราะอยู่กับคนจำนวนมาก เป็นนางแบบ ไปร้านไหนมีคนรักและจำได้ และยังสามารถสื่อสารภาษาไทย อังกฤษ ฝรั่งเศสได้ ถือเป็นเสน่ห์ของเขา นอกจากนี้ด้วยความที่เขาชอบแฟชั่น พระองค์หญิงมีตัดเย็บชุดให้สุนัขทรงเลี้ยงบ้าง รวมทั้งส่งเศษผ้าไหมให้แบรนด์ต่างๆ ตัดเย็บ เช่น ฟลายนาว ธีรพันธ์ และได้ไปเลือกซื้อเสื้อผ้าเด็ก นำมาตัดเย็บให้เข้ากับเขาด้วย
“คุณน้ำหอมมาเติมเต็มความรัก มีความเป็นเพื่อนที่ดี เรามักจะเข้าใจกัน มองตากันก็เข้าใจ ทุกอารมณ์”
นั่นจึงเป็นสิ่งที่ทำให้พระองค์นำคาแร็กเตอร์นี้มาทำเป็นแฟนเพจในเฟซบุ๊กกับพระสหาย ถ่ายทอดภาพถ่ายคุณน้ำหอม จนกระทั่งรูปถ่ายต่างๆ เพิ่มมากขึ้น จนเป็นโอกาสอันดีให้นำมาร้อยเรียงเป็นหนังสือ โดยทรงเป็นประธานคณะทำงานในการจัดทำหนังสือเล่มนี้อย่างใกล้ชิด และประทานคำแนะนำทั้งในส่วนของเรื่อง ภาพ ตลอดจนงานศิลปะต่างๆ เพื่อให้หนังสือมีความสวยงาม สมบูรณ์
ซึ่งเป็นพระนิพนธ์เล่มแรกในพระองค์
“จริงๆ แล้วเคยเขียนคอลัมน์ลงในนิตยสารบ้าง แต่เป็นพวกแฟชั่น แต่ถ้าเป็นหนังสือเล่มนี้เป็นเล่มแรก ความยากคือข้อมูลเยอะเกินไป จนไม่รู้จะเอาอะไรมาให้นักวาดดี เวลาเราก็มีจำกัด บวกกับเรื่องคาแร็กเตอร์ สี ต้องมีความชัดเจน หน้าตาต้องเป็นอย่างนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราต้องทำคาแร็กเตอร์ ก็พยายามดึงคาแร็กเตอร์ ดึงสี หลายอย่าง อยากที่จะให้ทุกท่านที่ได้อ่านได้รู้ว่า นี่คือคุณน้ำหอม”
และอย่างที่ทราบกันว่า พระองค์ทรงทุ่มเทพระวรกายให้กับการทำแบรนด์ “สิริวัณณวรี” แต่ยังทรงแบ่งเวลาให้กับการเขียนหนังสือ โดยพระองค์ตรัสว่า “ต้องแบ่งเวลาให้ได้ว่าเราต้องทำอะไร แต่โชคดีที่ทีมงาน เพื่อนๆ ก็ทำงานกันดีมาก ตั้งแต่พระพี่เลี้ยง พระสหาย ทีมหนังสือ ทำงานกันดีมาก บางทีหลังเลิกงานที่ทำเรื่องของเสื้อผ้าก็จะมานั่งคุยกันตอนเย็น หรือเลิกงานประมาณ 5 โมง 6 โมง ก็จะนั่งคุยกันแล้ว ถึงเวลาตอนไหนที่ว่างก็คุย ดึกแค่ไหนก็คุย อย่างไรก็ต้องทำให้ได้”
นอกจากนี้ยังทรงนำรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายช่วยเหลือสัตว์ในโรงพยาบาลสัตว์ ม.เกษตรศาสตร์ด้วย
“จริงๆ แล้วอยากช่วยโรงพยาบาลสัตว์ทุกที่ แต่เราเริ่มจากอะไรที่ใกล้ตัวก่อน คือสุนัขทรงเลี้ยงส่วนใหญ่อยู่ที่โรงพยาบาลสัตว์เกษตร ตั้งแต่คุณทองแดงเป็นต้นมา ตอนเราไปนั่งเฝ้าคุณน้ำหอมตอนคลอดลูก ก็ยังมีเวลาว่าง ให้ไปดูแผนกอื่น บางทีเราก็ชอบไปอ่านโปสเตอร์ตามที่เขาประกาศ เช่นว่ามีบริจาคเลือดให้สุนัข เราก็เอาหมาใหญ่ของเราไปบริจาค ก็ชอบมีกิจกรรมอะไรพวกนี้”
“เช่นเดียวกับตอนน้ำท่วม ก็จะเป็นคนแรกๆ ที่ระดมทุน เมื่อเราช่วยคนแล้วก็ต้องช่วยเจ้าที่ไม่มีเสียงพวกนี้ด้วย บางทีเราไปเราก็หวังดี เอาอาหารหมาเม็ดไปแจกหมาข้างนอกตามท้องถนน กลายเป็นว่ามันกินกันไม่เป็น ก็ต้องเปลี่ยนแนวมาเป็นข้าวคลุกอะไรก็ว่าไป ทำเหมือนค่ายเล็กๆ ไม่ได้ออกข่าวพระราชสำนัก ก็เลยเหมือนจุดประกายทำอะไรมาเรื่อยๆ รักหมามาเรื่อยๆ ท่านหญิงมีโครงการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ทะเลอยู่แล้ว อันนี้ก็เป็นอีกโครงการที่ดูแลเรื่องสัตว์ทะเลและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และทำหนังสือด้วย ก็จะกลายเป็นเจ้าหญิงรักษ์โลก”
ทั้งนี้ “เจ้าหญิงรักษ์โลก” ยังมีรับสั่งทิ้งท้ายสำหรับผู้รักสุนัขทุกคนว่า
“การรักสุนัขเป็นพื้นฐานของมนุษย์ตั้งแต่สมัยโบราณ สุนัขคือเพื่อนที่ติดตาม ซื่อสัตย์ที่สุดกับเจ้าของ และเป็นเพื่อนที่ทำงานด้วยกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุข และอยู่ได้กับทุกเพศทุกวัย ซึ่งทุกสายพันธุ์เป็นอย่างนี้ เมื่อเขาดูแลทางด้านจิตใจแล้ว เราก็ต้องดูแลเขาให้ดี” พระองค์หญิงรับสั่งทิ้งท้าย
ขณะที่ พิมพ์พิชา อุตสาหจิต กรรมการบริหาร บันลือกรุ๊ป กล่าวว่า ถือเป็นความภาคภูมิใจที่ได้รับโอกาสและมีส่วนร่วมในหนังสือเล่มนี้ ที่จะทำให้คนไทยได้อ่านเรื่องราวที่น่ารัก ซึ่งหนังสือเล่มนี้สามารถอ่านได้ทุกเพศทุกวัย จะช่วยสร้างความสุขให้กับผู้อ่านได้ และเป็นพระนิพนธ์เล่มแรกที่ทำในรูปแบบของการ์ตูน ถือเป็นผลงานชิ้นสำคัญ
“การได้ทำงานครั้งนี้ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงเป็นต้นแบบแห่งความประทับใจ อย่างที่ทราบกันว่าพระองค์ทรงงานหนัก ในด้านอื่นๆ ทั้งกีฬา แฟชั่น แต่พระองค์ก็ทรงตรวจทานงานตลอดเวลา และทรงตรงต่อเวลา เป็นแบบอย่างที่ดี ทั้งยังทรงเปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นที่ทีมงานเสนอ รวมถึงทรงมีไอเดียใหม่ๆ ทำให้ผู้จัดทำรู้สึกประทับใจอย่างยิ่ง” พิมพ์พิชากล่าว
นับเป็นเรื่องราวอันประทับใจ
