โฆษก ศบค. เผยยอดผู้ติดเชื้อแตะสามหลักอีกรอบ ที่ 111 ราย ส่วนผู้เสียชีวิต 3 ราย เป็นต่างชาติทั้งหมด รวมเป็น 30 กลับจากอินโดฯ ป่วยรวดเดียว 42 คน
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 8 เมษายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) แถลงว่า ผู้ป่วยติดเชื้อใหม่ 111 ราย ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 2,369 ราย หายป่วยแล้ว 888 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 3 ราย รวมเป็น 30 ราย รายละเอียดผู้เสียชีวิตรายที่ 28 เป็นชายสัญชาติรัสเซีย อายุ 48 ปี มีประวัติเดินทางไป จ.ภูเก็ต ในช่วงเวลา 8-21 มีนาคม เริ่มมีอาการป่วยวันที่ 22 มีนาคม ต่อมาได้รับการรักษาเมื่อวันที่ 25 มีนาคม ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่จ.ชลบุรี ด้วยอาการไข้ ไอ เจ็บคอ โดยรักษาตัวที่บ้าน ก่อนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา ผู้เสียชีวิตรายที่ 29 เป็นชายสัญชาติอินเดีย อายุ 69 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว มีประวัติโรคประจำตัว คือ โรคเบาหวาน โรคหัวใจ เริ่มมีอาการป่วยวันที่ 17 มีนาคม เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งใน กทม. ต่อมาวันที่ 21 มีนาคม มีอาการไข้ 39.3 องศาเซลเซียส พ่วงด้วยอาการไอ มีน้ำมูก ปวดกล้ามเนื้อ และถ่ายเหลว ย้ายเข้าแผนกไอซียูในวันเดียวกัน จากนั้นและส่งตัวเข้าโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในวันที่ 29 มีนาคม ซึ่งอาการไม่ดีขึ้น ก่อนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 7 เมษายน และผู้เสียชีวิตรายที่ 30 เป็นชายสัญชาติอเมริกัน อายุ 69 ปี มีโรคประจำตัวคือ โรคไตเรื้อรัง เริ่มมีอาการป่วยในวันที่ 9 มีนาคม ด้วยอาการไอ ปวดกล้ามเนื้อ หายใจลำบาก เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจ.บุรีรัมย์ ต่อมาวันที่ 22 มีนาคม ก็มีอาการหายใจหอบเหนื่อยมากขึ้น และเสียชีวิตในวันที่ 7 เมษายน ทั้ง 3 รายนี้เป็นชาวต่างชาติทั้งสิ้น ฉะนั้นเราจะต้องเชื่อมโยงกับคนที่เดินทางมาจากต่างประเทศทั้งคนไทย และชาวต่างชาติ
สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ 111 ราย แบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ 1.ผู้ป่วยรายใหม่จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ 69 ราย 1.1ผู้ป่วยที่มีประวัติกับผู้ป่วยยืนยัน หรือเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่พบผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 37 ราย 1.2 ผู้ป่วยกลุ่มอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยก่อนหน้านี้ จำนวน 11 ราย แบ่งเป็น คนไทยเดินทางกลับจากต่างประเทศ 2 ราย ไปสถานที่ชุมชน เช่น ห้างสรรพสินค้า ตลาดนัด สถานที่ท่องเที่ยว 3 ราย อาชีพเสี่ยง เช่น ทำงานในสถานที่แออัด หรือทำงานใกล้ชิดสัมผัสชาวต่างชาติ 4 ราย บุคลากรด้านการแพทย์และสาธารณสุข 2 ราย และ 1.3 อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค 21 ราย และ 2.ผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้า State Quarantines คือคนที่เดินทางมาจากอินโดนีเซีย 42 ราย
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า จากตัวเลขผู้ติดเชื้อจากการเดินทางกลับมาจากอินโดนีเซียข้างต้น แม้ว่าท่านจะมีใบรับรองแพทย์ยืนยัน แต่ก่อนมาท่านอาจจะไม่มีไข้แต่อาจจะมาป่วยตอนลงเครื่องก็ได้ ทั้งนี้เรายังทำการตรวจคนที่เดินทางมาจากต่างประเทศ เช่น เกาหลีใต้ 57 คน และกาตาร์ 14 คน รวม 71 คน ซึ่งคนที่กลับมาจากเกาหลีใต้ไม่ผ่านการตรวจคัดกรอง 8 คน จึงได้ส่งต่อไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล ส่วนคนที่เหลือได้เข้าสู่ระบบ State Quarantines ในสถานที่ที่รัฐจัดไว้ให้ หลังจากนี้จะมีคนไทยเดินทางกลับมาจากต่างประเทศมากขึ้น จึงเป็นกลุ่มที่ต้องเฝ้าระวัง ส่วนประชาชนที่อยู่ในประเทศอีก 60 กว่าล้านคน ก็มีหน้าที่ต้องดูแลตัวเอง ไม่ออกไปข้างนอก คือเราต้องลดจำนวนผู้ติดเชื้อที่มาจากต่างประเทศ และคนที่อยู่ในประเทศไปพร้อมๆ กัน
ทั้งนี้ในจำนวน 111 ราย กระจายตัวอยู่ใน 14 จังหวัด ประกอบด้วย กทม. 23 ราย สตูล (จากอินโดนีเซีย) 16 ราย ยะลา 14 ราย สงขลา 10 ราย ปัตตานี 9 ราย นนทบุรี 7 ราย กระบี่ นครปฐม นราธิวาส พัทลุง ภูเก็ต สมุทรปราการ จังหวัดละ 2 ราย นครราชสีมา ปทมุธานี จังหวัดละ 1 ราย อยู่ระหว่างการสอบสวน 18 ราย สถิติจังหวัดที่รับรักษาผู้ป่วยยืนยันสะสมทั่วประเทศจำนวน 2,369 คนใน 67 จังหวัด พบผู้ป่วยในกทม. 1,223 ราย นนทบุรี 141 ราย ภูเก็ต 140 ราย สมุทรปราการ 102 ราย ชลบุรี 70 ราย ยะลา 68 ราย ปัตตานี 55 ราย สงขลา 47 ราย เชียงใหม่ 39 ราย ปทุมธานี 27 ราย อยู่ระหว่างการสอบสวน 92 ราย สำหรับ 10 จังหวัดที่ยังไม่มีรายงานการรักษาผู้ป่วยประกอบด้วย กำแพงเพชร ชัยนาท ตราด น่าน บึงกาฬ พังงา พิจิตร ระนอง สิงห์บุรี และอ่างทอง จะเห็นว่า สตูลเริ่มมีผู้ติดเชื้อเป็นครั้งแรก อาจจะเรียกว่าเมืองแตกก็จะแรงเกินไป แต่อย่างไรก็ตามเมื่อป่วยก็ต้องรักษา อีก 10 จังหวัดที่เหลืออยู่ก็ต้องช่วยกันให้เต็มที่
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า อัตราป่วยติดเชื้อต่อประชากรแสนคน จำแนกตามจังหวัดที่รับรักษา จากจำนวน 2,369 คน ใน 67 จังหวัด พบว่า อันดับหนึ่งคือ ภูเก็ต อัตราป่วยต่อประชากรแสนคนอยู่ที่ 33.9 ตามมาด้วย กทม. 21.6 ยะลา 12.7 นนทบุรี 11.2 สมุทรปราการ 7.6 ปัตตานี 7.6 สตูล 5.0 ชลบุรี 4.5 กระบี่ 3.4 และสงขลา 3.3 เหตุที่เราเสนอสิถิตินี้ก็เพราะเราจะได้มามาตรการแยกเฉพาะของจังหวัดที่มีความเสี่ยงสูง โดยในช่วงที่ผ่านมาภูเก็ตใช้วิธี active case finding เป็นความร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข และจังหวัด เพื่อเจาะหาคนติดเชื้อในบางพื้นที่ ไม่ได้เลือกตรวจคนทั้งหมด 6 แสนคน เพราะเปลืองค่าใช้จ่ายมาก แต่จะเลือกตรวจจากข้อมูลที่มีอยู่ เบื้องต้นเก็บตรวจได้ 2 พันกว่าคน หากพบว่ามีคนติดเชื้อในส่วนนี้ก็จะขีดวงเพื่อตรวจหาในพื้นที่นั้น เป็นแนวทางของระบาดวิทยา
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 โลกพบว่าขณะนี้มีผู้ติดเชื้อรวม 1,425,803 คน รักษาหายแล้ว 301,828 คน อาการหนัก 47,912 และมีผู้เสียชีวิตรวม 81,972 คน โดยสหรัฐอเมริกามีผู้ติดเชื้อสะสมสูงสุดจำนวน 395,612 คน สเปน 141,942 คน อิตาลี 135,586 คน และฝรั่งเศส 109,069 คน ประเทศไทยอยู่อันดับที่ 42
