กทม.วอนปชช.เข้าใจเหตุต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยันเลิกหลังวิกฤตโควิด-19 โลกดีขึ้น
เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ที่ศาลาว่าการ กทม. (เสาชิงช้า) พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กรุงเทพมหานคร (ผอ.ศบค.กทม.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุม ศบค.กทม.ว่า ศบค.กทม.ในฐานะผู้ปฏิบัติงานงานด้านการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ในขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของโลกยังน่าเป็นห่วง การบริหารงานจำเป็นที่จะต้องมีความเป็นเอกภาพ เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อันเป็นการสร้างความปลอดภัยในชีวิตและเพื่อสุขภาพของประชาชน รัฐบาลจึงจำเป็นต้องขยายระยะเวลาการประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ออกไปอีกช่วงระยะเวลาหนึ่ง
“อย่างไรก็ดี เมื่อรัฐบาลพิจารณาเห็นว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของโลกเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นหรือเข้าสู่ภาวะปกติ ความจำเป็นต่อการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อสร้างความเป็นเอกภาพในการปฏิบัติงานลดลง รัฐบาลจะยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินต่อไป ซึ่งในช่วงระยะเวลานี้ขอให้ประชาชนทุกภาคส่วนอดทน ร่วมมือ ร่วมใจ ร่วมกันฝ่าวิกฤตครั้งนี้ เพื่อทุกคนจะก้าวผ่านวิกฤตไปด้วยกัน” ผอ.ศบค.กทม.กล่าว
พล.ต.ท.โสภณ กล่าวว่า ที่ประชุมกำชับให้คณะทำงานด้านการประสานงานการดูแลความสงบเรียบร้อย และสำนักงานเขตตรวจแนะนำสถานประกอบการ กิจการ กิจกรรม ที่ได้รับการผ่อนปรนมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 อย่างเข้มข้น แม้ปัจจุบันไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในกรุงเทพมหานคร มาเป็นระยะเวลากว่า 92 วันแล้วก็ตาม
“แต่เนื่องจากปัจจุบันได้มีการผ่อนปรนสถานประกอบการ กิจการ กิจกรรมหลายประเภท จึงเป็นภารกิจสำคัญของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จะต้องตรวจแนะนำสถานประกอบการ กิจการ กิจกรรมที่ได้รับการผ่อนปรนอย่างเข้มงวด เพื่อให้ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดตามที่หน่วยงานภาครัฐกำหนดอย่างเคร่งครัด อันเป็นการลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 โดยให้เพิ่มจำนวนสถานที่และความถี่ในการตรวจแนะนำ หากพบสถานประกอบการใดไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดของมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด ให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มข้นและจริงจัง” ผอ.ศบค.กทม. กล่าวและว่า รวมทั้งขอให้รณรงค์กระตุ้นเตือนประชาชนระมัดระวังดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลตามมาตรฐานการใช้ชีวิตวิถีใหม่ อาทิ สวมหน้ากากอนามัย รักษาระยะห่างระหว่างบุคคล หมั่นล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงการใช้ของใช้ร่วมกับผู้อื่น ตลอดจนขอให้ประชาชนปฏิบัติตามข้อกำหนดของมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการ รวมถึงกทม.กำหนด
