ศบค.ยกระดับ 6 จังหวัด คุมโควิด ‘พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด’ ห้ามนั่งกินในร้าน

ศบค.ยกระดับ 6 จังหวัด คุมโควิด ‘พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด’ ห้ามนั่งกินในร้าน

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 29 เม.ย.64  นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงมติ ศบค. ว่าที่ประชุมมีมติในการปรับพื้นที่โซนสีใหม่ ดังนี้

พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 6 จังหวัด (สีแดงเข้ม)

ได้แก่ กทม. ชลบุรี นนทบุรี เชียงใหม่ สมุทรปราการ ปทุมธานี โดยห้ามการจัดกิจกรรมซึ่งมีการรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่า 20 คน

มีมาตรการดังนี้ 1.ให้สวมหน้ากากอนามัยเมื่อออกนอกเคหสถาน หรืออยู่ในพื้นที่สาธารณะ 2.ร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม ให้จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มในลักษณะของการนำกลับไปบริโภคที่อื่นได้เท่านั้น โดยงดการบริโภคอาหาร เครื่องดื่ม สุราและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้าน และเปิดให้บริการได้จนถึงเวลา 21.00 น.

 

Advertisement

3.สนามกีฬา สถานที่เพื่อการออกกำลังกาย ยิม ฟิตเนส ให้ปิดให้บริการ ยกเว้น สถานที่ใช้เป็นเอกเทศตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ ส่วนสนามกีฬา หรือสถานที่ เพื่อการออกกำลังกาย ประเภทกลางแจ้งหรือที่ตั้งอยู่ในพื้นที่โล่งแจ้ง สามารถเปิดให้บริการได้ไม่เกินเวลา 21.00 น. และสามารถจัดการแข่งขันกีฬาได้โดยไม่มีผู้ชมในสนาม สำหรับการแข่งขันกีฬาที่เคยได้รับอนุญาตจากนายกรัฐมนตรี ให้จัดการแข่งขันได้ เมื่อได้มีการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนดแล้ว ให้สามารถจัดการแข่งขันได้ต่อไป

4.ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ หรือสถานประกอบการอื่นที่มีลักษณะคล้ายกันให้เปิดดำเนินการได้ตามเวลาปกติของสถานที่นั้นๆ จนถึงเวลา 21.00 น. โดยให้จำกัดจำนวนผู้ใช้บริการและงดเว้นการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ยกเว้นส่วนที่เป็น ตู้เกม เครื่องเล่น ร้านเกม และสวนสนุก ที่งดการให้บริการ 5.ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เกต ตลาดนัดกลางคืน ตลาดโต้รุ่ง ถนนคนเดิน ให้เปิดดำเนินการได้ตามเวลาปกติของสถานที่นั้นๆ เปิดบริการ เวลา 04.00-23.00 น.

Advertisement

สำหรับ ร้านหรือสถานที่ซึ่งตามปกติเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ให้เริ่มเปิดดำเนินการได้ใน เวลา 04.00 น. ทั้งนี้ งดการเดินทางออกนอกพื้นที่ ให้ประชาชนที่อยู่ในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด งดการเดินทางออกนอกพื้นที่โดยไม่มีเหตุจำเป็น เพื่อลดการเดินทางที่อาจเสี่ยง ต่อการติดโรค ยืนยันว่าไม่ใช่เคอร์ฟิว แต่เป็นการขอความร่วมมือ

สำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง)

มีจำนวน 45 จังหวัด จากเดิม 18 จังหวัด ประกอบด้วย กาญจนบุรี กำแพงเพชร ขอนแก่น จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชัยภูมิ เชียงราย ตาก ตรัง นครปฐม นครราชสีมา นครศรีธรรมราชนครสวรรค์ นราธิวาส น่าน ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี ปัตตานี พระนครศรีอยุธยา พัทลุง พิจิตร พิษณุโลก เพชรบุรี เพชรบูรณ์ภูเก็ต มหาสารคาม ยะลา ร้อยเอ็ด ระนอง ระยอง ราชบุรี ลพบุรี ลำปาง ลำพูน ศรีสะเกษ สระแก้ว สงขลา สมุทรสาคร สระบุรี สุโขทัย สุพรรณบุรี สุราษฎร์ธานี อ่างทอง อุดรธานี อุบลราชธานี

โดยมีมาตรการ 1.ให้สวมหน้ากากอนามัยเมื่อออกนอกเคหสถาน หรืออยู่ในพื้นที่สาธารณะ 2.ห้ามการจัดกิจกรรมซึ่งมีการรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจานวนรวมกันมากกว่า 50 คน 3.การจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม ให้บริโภคอาหารและเครื่องดื่มในร้านได้ ไม่เกินเวลา 21.00 น. และให้จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มได้จนถึงเวลา 23.00 น.

ในลักษณะของการนำไปบริโภคที่อื่น 4.ห้ามการจำหน่ายสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร และสถานที่จำหน่ายสุรา 5.ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ หรือสถานประกอบการอื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน ให้เปิดดำเนินการได้ตามเวลาปกติของสถานที่นั้นๆ จนถึงเวลา 21.00 น.

โดยให้จำกัดจำนวนผู้ใช้บริการและงดเว้นการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ยกเว้นส่วนที่เป็นตู้เกม เครื่องเล่น ร้านเกม และสวนสนุก ที่งดการให้บริการ 6.ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เกต ตลาดนัดกลางคืน ตลาดโต้รุ่งถนนคนเดิน ให้เปิดดำเนินการได้ตามเวลาปกติของสถานที่นั้นๆ เปิดบริการเวลา 04.00-23.00 น. สำหรับร้านหรือสถานที่ ซึ่งตามปกติเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ให้เริ่มเปิดดำเนินการได้ในเวลา 04.00 น.

7.สนามกีฬาหรือสถานที่เพื่อการออกกาลังกาย ยิม ฟิตเนส สามารถเปิดให้บริการได้ ไม่เกินเวลา 21.00 น. และสามารถจัดการแข่งขันกีฬาได้โดยจำกัดจำนวนผู้ชมในสนาม ทั้งนี้ ให้มีการตั้งจุดสกัดหรือจุดคัดกรอง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการเท่าที่จำเป็น

และเหมาะสมของแต่ละพื้นตามมาตรการที่ศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19 (ศปก.ศบค.) กำหนด และต้องไม่เป็นการก่อความเดือดร้อนแก่ประชาชนเกินสมควรแก่เหตุ และให้กระทรวงคมนาคมหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบตรวจสอบและกำกับดูแลการให้บริการขนส่งผู้โดยสารที่เป็นการขนส่งสาธารณะทุกประเภท โดยต้องมีการจัดระบบ และระเบียบต่างๆ เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคและแนวปฏิบัติตามพื้นที่สถานการณ์ ที่ ศปก.ศบค. กำหนด

สำหรับพื้นที่ควบคุม (สีส้ม)

จังหวัด รวม 26 จังหวัด จากเดิม 59 จังหวัด ประกอบด้วย กระบี่ กาฬสินธุ์ ชัยนาท ชุมพร ตราด นครนายก นครพนม หนองคาย บึงกาฬ บุรีรัมย์ พังงา พะเยา แพร่ มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน ยโสธร เลย สกลนคร สตูล สมุทรสงคราม สิงห์บุรี สุรินทร์ หนองบัวลำภู อุตรดิตถ์ อุทัยธานี อำนาจเจริญ

โดยมีมาตรการดังนี้ 1.ให้สวมหน้ากากอนามัยเมื่อออกนอกเคหสถาน หรืออยู่ในพื้นที่สาธารณะ 2.ห้ามการจัดกิจกรรมซึ่งมีการรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจานวนรวมกันมากกว่า 50 คน 3.การจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม ให้การบริการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มและการบริโภคในร้านได้ไม่เกินเวลา 23.00 น. 3. ห้ามการบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้านหรือสถานที่จำหน่ายสุรา

4.ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ หรือสถานประกอบการอื่นที่มี ลักษณะคล้ายกัน ให้เปิดดำเนินการได้ตามเวลาปกติของสถานที่นั้นๆ จนถึงเวลา 21.00 น.โดยให้จำกัดจานวนผู้ใช้บริการและงดเว้นการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ยกเว้นส่วนที่เป็นตู้เกม เครื่องเล่น ร้านเกมและสวนสนุก ที่งดการให้บริการ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม ในทุกพื้นที่ ทุกจังหวัด สถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ และคาราโอเกะยังคงปิดให้บริการ

การปรับระดับพื้นที่จากเดิมพื้นที่ควบคุมสูงสูด (สีแดง) เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) เนื่องจากมีการะบาดในชุมชน มีผู้ป่วยมากกว่า 100 รายต่อวัน ใน 1 สัปดาห์ ส่วนพื้นที่พื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) มีจำนวนผู้ป่วยมากกว่า 10 รายต่อวันใน 1 สัปดาห์ รวมถึงมีจังหวัดพื้นที่ที่ติดกับพื้นที่แพร่ระบาดอย่างน้อยมากกว่า 1 จังหวัด และจังหวัดที่ติดกับชายแดน และเคยมีผู้ติดเชื้อเดินทางเข้ามา อย่างไรก็ตาม การตั้งจุดสกัดหรือจุดคัดกรอง

ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการเท่าที่จำเป็น และเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ ตามมาตรการที่ศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) กำหนด และต้องไม่เป็นการก่อความเดือดร้อนแก่ประชาชนเกินสมควรแก่เหตุ ขณะเดียวกันให้กระทรวงคมนาคม หรือหน่วยงานที่รับผิดชอบตรวจสอบและกำกับดูแลการให้บริการ ขนส่งผู้โดยสารที่เป็นการขนส่งสาธารณะทุกประเภท โดยต้องมีการจัดระบบและระเบียบต่างๆ เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคและแนวปฏิบัติตามพื้นที่สถานการณ์ที่ ศปก.ศบค. กำหนด

ในทุกพื้นที่และทุกจังหวัดยังคงงดจัดกิจกรรมงานเลี้ยงสังสรรค์ หรืองานรื่นเริงในช่วงเวลานี้ ยกเว้นจัดพิธีตามประเพณี เช่น งานศพหรือเป็นกิจกรรมที่อยู่ในครอบครัว โดยมีมาตรการป้องกัน และให้จังหวัดกำหนดพื้นที่ย่อยให้เข้มกว่า ศบค.กำหนดได้ ตามสถานการณ์ของจังหวัด

โดยมาตรการทั้งหมดนี้ จะกำหนดใช้ในวันที่ 1 พ.ค. นี้ สำหรับแผนการจัดหาวัคซีนของคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ โดยวัคซีนลอตหลักจะทยอยเข้ามาในประเทศ ปลายเดือน พ.ค. โดยจะฉีดให้ประชาชนในประเทศ 50 ล้านคน ตั้งแต่เดือน มิ.ย.เป็นต้นไป และคาดว่าจะได้รับการฉีดเข้มสอง อย่างครบถ้วนปลายปี 2564

ทั้งนี้ ปัจจัยเสี่ยงของการติดเชื้อโควิด-19 ในการระบาดของเดือน เม.ย.นี้ ข้อมูลถึงวันที่ 25 เม.ย.พบว่าอันดับ 1 9,177 ราย หรือร้อยละ 44.3 สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันรายกก่อนหน้านี้ โดยอันดับ 2 จากสถานบันเทิง 5,226 ราย หรือร้อยละ 25.2

อย่างไรก็ตาม กำหนดให้มีการปรับระยะเวลากักตัวไป 14 วันสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร โดยไม่อนุญาตให้ออกนอกห้องพัก ยกเว้นเพื่อการตรวจหาเชื้อและรักษาพยาบาล สำหรับผู้ที่ได้รับอนุมัติตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. และก่อนวันที่ 1 พ.ค. ที่เดินทางมาถึงราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 6 พ.ค.เป็นต้นไปให้มีการตรวจหาเชื้อทั้งหมด 3 ครั้ง นอกจากนี้ ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเจ้าของกิจการหรือผู้ประกอบการเอกชนพิจารณาทำงานที่บ้านตามมาตรการขั้นสูงสุดอย่าง 14 วันเพื่อลดการรวมกลุ่มของบุคคล

 

 

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image