ผงะ! กรมวิทย์ เผยผลตรวจโควิดกลายพันธุ์ หมอจุฬาฯ คาด 3 เดือนอินเดียแทนที่อังกฤษ ชี้แพร่เร็วกว่า 1.4 เท่า

ผงะ! กรมวิทย์ เผยผลตรวจโควิดกลายพันธุ์ หมอจุฬาฯ คาด 3 เดือนอินเดียแทนที่อังกฤษ ชี้แพร่เร็วกว่า 1.4 เท่า

เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ร่วมกับเครือข่ายห้องปฏิบัติการดำเนินงานเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ เพื่อให้ประเทศไทยมีข้อมูลเฝ้าระวังสายพันธุ์ได้ทั้งในระดับภูมิภาค และระดับประเทศ โดยเฉพาะสายพันธุ์เดลต้า (อินเดีย) และสายพันธุ์เบต้า (แอฟริกาใต้) ที่อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของวัคซีน

นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า รายงานผลการเฝ้าระวังตั้งแต่เดือน เม.ย.- 20 มิ.ย. พบสายพันธุ์อัลฟ่า (อังกฤษ) จำนวน 5,641 ตัวอย่าง สายพันธุ์เดลต้า (อินเดีย) จำนวน 661 ตัวอย่าง และสายพันธุ์เบต้า (แอฟริกาใต้) จำนวน 38 ตัวอย่าง ข้อมูลล่าสุดพบว่า สายพันธุ์เดลต้ามีการพบเพิ่มในเขตสุขภาพที่ 4 จากเดิม จำนวน 40 ราย เป็น 65 ราย รวม 105 ราย ส่วนเขต 13 จากเดิม 404 ราย เพิ่มอีก 87 ราย รวมเป็น 491 ราย สายพันธุ์เบต้า จากข้อมูลการเฝ้าระวังของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ขณะนี้ยังพบในภาคใต้ จำนวน 38 ราย โดยพบในเขตสุขภาพที่ 11 จำนวน 2 ราย และเขตสุขภาพที่ 12 จากเดิม 28 ราย เพิ่มอีก 5 ราย รวม 33 ราย

“จากการติดตามเด็กนักเรียนใน จ.ยะลา เบื้องต้นพบมีทั้งสายพันธุ์อัลฟ่าและสายพันธุ์เบต้า ซึ่งขณะนี้หน่วยงานสาธารณสุขกำลังติดตามหาต้นตอว่าติดมาจากที่ไหน และกำลังเร่งติดตามว่าเชื้อมีการกระจายไปจังหวัดอื่นๆ หรือไม่ สำหรับผลการตรวจเด็กนักเรียนที่จังหวัดสมุทรปราการและจังหวัดตราด ที่กลับมาจากจังหวัดยะลา ผลตรวจไม่พบเชื้อโควิด ซึ่งขณะนี้เด็กอยู่ระหว่างกักตัวเฝ้าระวังต่อไป” นพ.ศุภกิจกล่าว และว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมเฝ้าระวังในพื้นที่แล้ว สำหรับประชาชนขอให้สวมหน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่าง เพื่อป้องกันโควิด-19

Advertisement

ด้าน ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า สายพันธุ์เดลต้า หรือสายพันธุ์อินเดีย แพร่กระจายได้เร็วกว่าสายพันธุ์อังกฤษประมาณ 1.4 เท่า จึงไม่แปลกที่สายพันธุ์เดลต้าจะเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว และในอีก 3-4 เดือนข้างหน้า สายพันธุ์เดลต้าก็จะเป็นสายพันธุ์ที่ระบาดเกือบทั่วโลก ในอนาคตก็อาจจะมีสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้น โดยวัฏจักรแล้วจะใช้เวลาประมาณ 4 เดือน

“ส่วนวัคซีนทุกตัวที่ใช้อยู่ในปัจจุบันพัฒนามาจากสายพันธุ์ดั้งเดิม คือสายพันธุ์อู่ฮั่นทั้งนั้น เมื่อสายพันธุ์เปลี่ยนไปประสิทธิภาพของวัคซีนก็เปลี่ยนไป และเชื่อว่าในอนาคตทุกบริษัทก็จะผลิตวัคซีนให้ทันกับสายพันธุ์ที่เปลี่ยนแปลง ดังเช่นวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ที่เราต้องคาดคะเนการเปลี่ยนแปลงของไวรัสไว้ล่วงหน้า กระบวนการเปลี่ยนแปลงในสายการผลิตต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือน สายพันธุ์อัลฟ่าลดประสิทธิภาพของวัคซีนที่ผลิตมาก่อนไม่มาก และคงยังใช้อย่างมีประสิทธิภาพได้ดี” ศ.นพ.ยงกล่าว

Advertisement

ศ.นพ.ยงกล่าวว่า ในขณะนี้ประเทศไทยส่วนใหญ่ยังเป็นสายพันธุ์อัลฟ่า และมีแนวโน้มที่จะเกิดสายพันธุ์เดลต้าเข้ามาแทนที่ สิ่งที่เราจะทำได้ก็คงจะต้องช่วยกันควบคุมป้องกันให้เกิดสายพันธุ์เดลต้าระบาดในประเทศไทยช้าที่สุด และปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการให้วัคซีนในการควบคุมโรคในอนาคตให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดตามทรัพยากรที่เรามีอยู่

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image