หมอโอภาส ชี้เปิดหน้ากากทำโควิดระบาดซ้ำในยุโรป ยันไม่กระทบเปิดปท.ไทย
เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีมีรายงานว่าองค์การอนามัยโลกประกาศให้ยุโรปกลับมาเป็นศูนย์กลางการระบาดของโรคโควิด–19 ว่า ที่ระบาดในยุโรปมีหลายปัจจัย เพราะ 1.ช่วงนี้เริ่มเข้าหน้าหนาว 2.มีกิจกรรมมาก แข่งกีฬา ไม่สวมหน้ากากอนามัย ทำให้มีการคาดการณ์อยู่แล้วว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้น แต่จำนวนตัวเลขที่เพิ่มขึ้นนั้นไม่ใช่สิ่งที่เราต้องกังวลมากนัก แต่ที่ต้องกังวลคือ ป่วยหนักหรือไม่ เสียชีวิตหรือไม่ ซึ่งข้อมูลค่อนข้างชัดว่า วัคซีนสามารถลดอัตราการป่วย และเสียชีวิตได้ และวันนี้เรามีข้อมูลที่ดีว่าการฉีดวัคซีนสามารถลดการติดเชื้อได้ด้วย
“ผมเองก็ยังสงสัยว่า เหตุใดพื้นที่กรุงเทพมหานครการติดเชื้อลดลงเร็ว พอข้อมูลออกมาก็สอดคล้องกันว่า วัคซีนที่เราฉีดนั้นสามารถลดการติดเชื้อได้ร้อยละ 50-70 ทำให้การติดเชื้อชะลอตัวลง ดังนั้น ไม่ต้องกังวล คนยุโรปจะมาประเทศไทย เราก็มีมาตรการ Test and go มาตรการแซนด์ บ็อกซ์ มาตรการกักตัว เชื่อว่าเราจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ แต่ก็ขอให้ช่วยกันระมัดระวังด้วย” นพ.โอภาส กล่าวและว่า ในเดือนหน้าจะมีการเปิดพื้นที่สีฟ้าเพิ่มเติมอีก 16 จังหวัด ก็ขอให้เร่งดำเนินการฉีดวัคซีนด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า บทเรียนจากยุโรปที่มีการกลับมาระบาดมากอีกครั้งประเทศไทยจะนำมาปรับใช้อย่างไร เพื่อไม่ให้ซ้ำสถานการณ์แบบเขา เนื่องจากตอนนี้เรากำลังเดินหน้าเปิดประเทศมากขึ้น นพ.โอภาส กล่าวว่า การเปิดประเทศ คนมีการเดินทางมากขึ้น มีการทำกิจกรรมมากขึ้น โอกาสติดเชื้อมีแน่ๆ ถ้าไม่มีการติดเชื้อเลยจะถือว่าแปลก คงแปลว่าเราจับสัญญาณไม่ได้ ดังนั้นจะทำอย่างไรให้ผู้ติดเชื้อมีอาการน้อยที่สุด ซึ่งนี่คงเป็นบทเรียน และบางอันหากไม่จำเป็นเราก็ไม่ต้องรีบเปิด เราก็เห็นตัวอย่างแล้วว่า เขาเปิดหมด แข่งกีฬา ไม่สวมหน้ากากอนามัย ผับ บาร์ เปิดหมด เราคงเลือกกิจกรรมที่เหมาะสมกับสภาพของเรา เช่น โรงเรียน ถึงอย่างไรก็ต้องเปิด รู้ว่าเสี่ยง แต่ถึงอย่างไรก็ต้องเปิด เพราะเราปล่อยให้เด็กอยู่กับบ้านอย่างเดียวไม่ได้ แต่กิจกรรมอื่นๆ หากความเสี่ยงมาก ความจำเป็นไม่เยอะ เราก็อาจจะต้องชะลอไปก่อน
