นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยยังคงผันผวนต่อ โดยอาจมีแรงขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มขนาดใหญ่ หลังปรับตัวขึ้นแรงในสัปดาห์ก่อนขณะที่ราคาน้ำมันยังคงผันผวนต่อเนื่อง แม้ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส) จะสามารถบรรลุข้อตกลงในการปรับลดกำลังการผลิตเหลือ 9.7 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งมีผล 1 พฤษภาคม ถึงสิ้นเดือน มิถุนายน 2563 ลดจาก 10 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากการประชุมวันแรก ส่งผลให้โกลด์แมน แซคส์คาดราคาน้ำมันดิบจะร่วงลงอีกเนื่องจากลดปริมาณกำลังการผลิตน้อยเกินไปไม่มากพอที่จะช่วยชดเชยผลกระทบของ ดีมานด์น้ำมันที่ทรุดตัวลงอย่างหนัก เนื่องจากสต็อกน้ำมันยังคงปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้ออกมาคาดการณ์ว่า การระบาดของไวรัสโควิด-19 จะทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่เลวร้ายที่สุด จึงคาดว่าดัชนีดัชนีตลาดหุ้นไทยจะมีการเคลื่อนไหวในกรอบ 1,230-1,300 จุด
นางสาววิลาสินีกล่าวว่า ส่วนสถานการณ์ที่ยังคงต้องจับตาในขณะนี้ อาทิ การเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนมีนาคม ของสหรัฐ รวมทั้งดัชนีภาคการผลิต ในเดือนเม.ย.จากเฟดนิวยอร์ก และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค. ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนเม.ย. สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.พ. สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ในวันที่ 15 เม.ย. ส่วนรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะรู้ผลในเช้าวันที่ 16 เม.ย. และในวันเดียวกันนี้จีนจะเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนมี.ค. เช่นเดียวกับอียู จะมีการเปิดเผยตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.พ. และทางสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนมี.ค. และดัชนีการผลิตเดือนเม.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย สุดท้ายวันที่ 17 เม.ย. ทางจีน จะเปิดเผยตัวเลขจีดีพี ในไตรมาส 1/2563ทั้งในส่วนของตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร และอียูเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อและสหรัฐเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจในเดือนมี.ค. ซึ่งจะเป็นตัวเลขที่มีการสะท้อนผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้มากขึ้น
“ตลาดหุ้นไทยตอบรับปัจจัยบวกจากสถานการณ์ของผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในประเทศไทย ในสัปดาห์ที่ผ่านมาต่ำกว่า 100 รายต่อวันเป็นสัญญาณที่ดี และการจัดตั้งกองทุนบีเอสเอฟ วงเงินกว่า 4 แสนล้านบาทที่จัดตั้ง โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ช่วยเสริมสภาพคล่องและสร้างความเชื่อมั่นในตลาดตราสารหนี้และตลาดการเงินโดยรวมเพียงแค่ระยะสั้นเท่านั้น เพราะปัจจัยลบยังไม่คลีคลาย” นางสาววิลาสินีกล่าว
ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ทิศทางราคาทองคำปรับตัวลง 78 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ในสัปดาห์ก่อนปรับตัวขึ้นแรงหลังจากเฟดประกาศอัดฉีดเงินกว่า 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเยียวยาภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เพิ่มเติม นอกจากนี้กองทุนเอสพีดีอาร์กลับเข้ามาซื้อทองคำกว่า 15.2 ตัน ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐทั้งยอดผู้ขอรับสวัสดิการอ่อนแอลงหนุนราคาทองคำเพิ่มเติมโดยปัจจัยหลักที่หนุนทองคำคือ เฟดได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ซึ่งรวมถึงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) ในวงเงินไม่จำกัด มองกรอบทองคำสัปดาห์นี้ที่ 1,680-1,750 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ หรือคิดเป็นทองคำไทย 25,560-26,750 บาทต่อบาททองคำ