แพทย์ชี้ “ผัว-เมีย” ติด “โควิด-19” สูงถึง 50% ยันสอบสวน “ต่างด้าว” อ.สะเดา แล้วไม่มีติดเชื้อเพิ่ม

แพทย์ชี้ “ผัว-เมีย” ติด “โควิด-19” สูงถึง 50% ยันสอบสวน “ต่างด้าว” อ.สะเดา แล้วไม่มีติดเชื้อเพิ่ม

โควิด-19 เมื่อวันที่ 27 เมษายน ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กล่าวถึงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ที่พบผู้ป่วยรายใหม่ในประเทศไทย ว่า ในวันนี้พบผู้ป่วยใหม่เพียง 9 ราย เกิดจากความร่วมมือร่วมใจกันทุกภาคส่วน ซึ่งประเทศไทยพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมาในช่วงกลางเดือนมีนาคมจนถึงปัจจุบัน นับเป็น 6 สัปดาห์ และช่วงนี้พบผู้ป่วยน้อยที่สุด

“ผู้ป่วยใหม่ 9 ราย วันนี้ มี 2 รายที่เกิด มีเหตุจากสามีติดเชื้อจากภรรยา และภรรยาติดเชื้อมาจากสามี ดังนั้น ผู้ที่อยู่ร่วมบ้านกันเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก โดยจะต้องเว้นระยะห่างในบ้าน สวมหน้ากากอนามัย แยกสิ่งของเครื่องใช้ สำรับอาหาร เพื่อลดโอกาสการแพร่เชื้อ และเริ่มมีอาการป่วยให้ไปพบแพทย์ ข้อมูลพบว่าปัจจัยเสี่ยงจากการติดเชื้อระหว่างสามี-ภรรยา มีสูงถึงร้อยละ 50 การติดเชื้อระหว่างบุตรหลาน/พ่อแม่ คิดเป็นร้อยละ 15” นพ.โสภณ กล่าว

นพ.โสภณ กล่าวว่า ช่วงต้นเดือนเมษายน ที่ทางรัฐบาลไทยประกาศให้มีการยกเลิกเที่ยวบินที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย พบว่าจำนวนคนต่างชาติที่เข้าประเทศลดน้อยลง การแพร่โรคเปลี่ยนไปเป็นการติดเชื้อกันเองภายในประเทศ เช่น ผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย การเข้าไปในพื้นที่ชุมนุม ตลาด สถานบันเทิง หากต้องการลดจำนวนการพบผู้ป่วยใหม่ในประเทศไทยการคงมาตรการส่วนบุคคลในการป้องกันการรับ/แพร่เชื้อ ด้วยการสวมหน้ากากอนามัย และการรักษาอนามัยส่วนรวม/องค์กรจึงเป็นเรื่องสำคัญ หากสามารถดำเนินต่อได้โอกาสที่จะพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นก็จะน้อยลง

“ขณะนี้ รัฐบาลได้เริ่มพิจารณาผ่อนปรนมาตรการต่างๆ ดังนั้นมาตรการส่วนบุคคลจะยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น เพราะว่า เมื่อมีการผ่อนปรนแล้วก็จะมีการเดินทาง การพบปะกันมากขึ้น คนกลับมาทำงานมากขึ้น การเน้นย้ำมาตรการส่วนบุคคลจึงเป็นหัวใจสำคัญไม่ให้พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นต่อไป” นพ.โสภณ กล่าว

Advertisement

กรณีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิด-19 ที่เป็นแรงงานผิดกฎหมายในสถานที่กักกันคนเข้าเมือง อ.สะเดา จ.สงขลา จำนวน 42 ราย นพ.โสภณ กล่าวว่า ทีมสอบสวนโรคจากหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ คือ สำนักงานสาธารณสุข (สสจ.) สงขลา โรงพยาบาล (รพ.) สะเดา และสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 สงขลา ได้ลงพื้นที่สอบสวนแล้ว พบว่ามีเหตุมาจาก แรงงานต่างด้าวที่ติดเชื้อโควิด-19 รายแรกๆ ตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน แต่เนื่องจากเป็นกลุ่มอายุน้อย อยู่ในวัยทำงาน อาการป่วยจึงไม่มาก ทำให้เกิดการแพร่เชื้อระหว่างกันได้ และเป็นกลุ่มที่จะต้องดูแลเป็นอย่างดี ในการตรวจรักษาเพื่อไม่ให้เกิดการป่วยที่เพิ่มขึ้น

“เบื้องต้นยังไม่มีใครป่วยในอาการรุนแรงที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ กลุ่มผู้ที่ปฏิบัติงานร่วม นอกเหนือจากตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ที่มีการรายงานติดเชื้อไปแล้ว เมื่อมีการสอบสวนโรคไม่พบว่ามีผู้ติดเชื้อเพิ่มเติม รวมถึงผู้ต้องขังที่อยู่คนละจุดยังไม่มีรายงานพบผู้ป่วย พอจะสรุปได้ว่า เกิดการระบาดจริง แต่ว่าอยู่ในวงจำกัด แต่สามารถป้องกันการแพร่เชื้อ ป้องกันไม่ให้มีการเสียชีวิตจากกลุ่มนี้ได้” นพ.โสภณ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image