กรมวิทย์ฯ ชี้ถอดรหัสพันธุกรรม “โควิด-19” ไทยพบแค่ 2 กลุ่ม B 85% และ กลุ่ม C 15%

กรมวิทย์ฯ ชี้ถอดรหัสพันธุกรรม “โควิด-19” ไทยยังพบแค่ 2 กลุ่ม B 85% และ กลุ่ม C 15% ย้ำต้องตรวจโดยแพทย์เชี่ยวชาญเท่านั้น

ไวรัสโควิด-19 เมื่อวันที่ 27 เมษายน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ถอดรหัสพันธุกรรมเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ระบาดในประเทศไทยจากผู้ติดเชื้อ 40 ราย พบแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่ม B ที่เกิดการกลายพันธุ์จากกลุ่ม A ที่พบมากในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน และการระบาดเป็นไปอย่างรวดเร็วนอกประเทศจีน โดยประเทศไทยพบถึงร้อยละ 85 และ กลุ่ม C ที่เกิดการกลายพันธุ์จากกลุ่ม B โดยเริ่มพบการระบาดในยุโรปและสิงคโปร์ ในประเทศไทยพบร้อยละ 15 ทั้งนี้ กลุ่ม A ซึ่งเป็นเชื้อที่คล้ายกับเชื้อไวรัสโคโรนาที่พบในค้างคาวและตัวนิ่ม
ที่คาดว่าเป็นต้นกำเนิดของการระบาดในครั้งนี้ ยังไม่พบในประเทศไทย

นพ.โอภาส กล่าวว่า ทั้งนี้ เมื่อวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก โดยดูตำแหน่งความหลากหลายทางพันธุกรรม (polymorphism) ของสายพันธุ์โควิด-19 พบว่า กลุ่ม B และ C ที่ระบาดในประเทศไทย มี 3 สายพันธุ์หลัก คือ S, G และ V โดยสายพันธุ์ S พบมากที่สุด รองลงมาเป็น G และ V ตามลำดับ

“ทั้งหมดยังไม่มีข้อมูลทางวิชาการแสดงผลในการก่อโรคที่แตกต่างกัน และยังไม่สามารถระบุได้ว่า การกลายพันธุ์ทำให้ก่อโรครุนแรงหรือติดต่อไวขึ้น” นพ.โอภาส กล่าวและว่า การถอดรหัสพันธุกรรมโควิด-19 จะดำเนินการถอดรหัสจากตัวอย่างผู้ติดเชื้อทุกภูมิภาคของประเทศไทยให้ครบ 100 ราย เพื่อศึกษาการกระจายตัว ติดตามการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ และกลไกการก่อโรคของเชื้อต่อไป ซึ่งการถอดรหัสในอนาคตจะร่วมมือกับคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สภากาชาดไทย

Advertisement

นพ.โอภาส กล่าวว่า การตรวจเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย มีห้องปฏิบัติการ (แล็บ) ที่ผ่านการรับรองโดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์แล้ว 133 แห่ง ทำให้เข้าถึงการตรวจหาเชื้อได้ง่าย มีการส่งตัวอย่าง และรายงานผลผ่านระบบออนไลน์ รายงานผลได้ภายใน 1 วัน

“สำหรับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยนั้น ใช้วิธี RT – PCR ซึ่งเป็นการตรวจที่องค์การอนามัยโลกแนะนำ เป็นการตรวจหารหัสพันธุกรรม ซึ่งมีความแม่นยำ รวดเร็ว พร้อมกันนี้ จะเร่งพัฒนาการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธีตรวจทางน้ำลาย และ RT – LAMP ด้วย ทั้งนี้การตรวจหาเชื้อจะต้องทำในสถานพยาบาลและวิเคราะห์แปลผลโดยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ไม่แนะนำให้ซื้อชุดทดสอบทางออนไลน์มาตรวจเอง” นพ.โอภาส กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image