ศบค.ขอความร่วมมืองดเดินทางข้ามจังหวัดถึง 31 ม.ค.ไทยติดโควิดทะลุหมื่น-กระจายทั่วปท.58จว. ด้าน ‘อนุทิน’ ขู่เลิกรักษาฟรีกลุ่มเข้าเมืองผิดกม.
สถานการณ์การติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ยังพุ่งต่อเนื่องอย่างน่าเป็นห่วง โดย
เมื่อวันที่ 9 มกราคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19) (ศบค.) แถลงว่า ยอดผู้ป่วยของประเทศไทยตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคมจนถึงขณะนี้มีความชันและแตะที่ 1 หมื่นราย มีความชันเกือบตั้งตรง ไม่ใช่พรุ่งนี้แน่ๆ ที่จะลดลง จะเป็นเดือนหน้าไหมก็ไม่แน่ใจ แต่จะแน่ใจก็คือเราทุกคนพร้อมใจกันเดี๋ยวนี้ มันจะหักหัวลงได้ทันที ทั้งนี้การพบผู้ป่วยในประเทศไทยกระจายไปใน 58 จังหวัด ที่เพิ่มมาใหม่คือหนองบัวลำภู
นพ.ทวีศิลป์กล่าวต่อว่า ข้อสรุปของการประชุม ศบค.ชุดเล็กพบปัญหาว่าประชาชน ยังมีการเดินทางอยู่ และในการขออนุญาตเดินทางเพิ่มความไม่สะดวกนั้น เพราะไม่อยากให้มีการเดินทาง แต่จะใช้ความไม่สะดวกนี้เฉพาะคนที่ไม่จำเป็นในการเดินทาง ถ้ามีเหตุผลเดินทางก็แจ้งเพื่อขออนุญาตเดินทางได้ มาตรการใน 5 จังหวัด ประกอบด้วย สมุทรสาคร ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ต้องทำ 3 ข้อคือ 1.วัดอุณหภูมิ สังเกตอาการ 2.มีแอพพลิเคชั่นหมอชนะ และ 3.ขอทราบเหตุผลความจำเป็นในการเดินทาง รวมถึงเอกสารรับรอง ส่วนในอีก 72 จังหวัดทำในลักษณะเดียวกัน แต่ไม่ต้องแสดงเอกสารรับรอง
“ขณะที่ภาพรวมทุกจังหวัดทั่วประเทศ ขอความร่วมมืองดหรือชะลอการเดินทางข้ามจังหวัดจนถึงวันที่ 31 มกราคม หรือจนกว่าการแพร่ระบาดจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เพื่อความยืดหยุ่นในการควบคุมโรค” นพ.ทวีศิลป์กล่าว
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก แสดงความเห็นเรื่อง เรื่องต้องคิด ต้องแก้ คนทำผิดได้สิทธิ สุจริตชนเสียโอกาส รัฐเสียเงิน มีใจความสรุปว่าเข้าประชุมกับคณะแพทย์ ของกระทรวงสาธารณสุข ด้วยความไม่สบายใจ คณะแพทย์ พูดถึงเรื่องการลักลอบเล่นการพนันที่ยังมีอยู่ ซึ่งตำรวจจับได้ตามข่าว และ การเข้ามาของคนไทยที่มีอาการป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่ชายแดนแม่สอด จังหวัดตาก ถูกนำตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ยังมีอีก 200-300 คน ที่ลักลอบข้ามแดนออกไปทำงานในบ่อน รอกลับเข้ามา เพราะบ่อนปิด และมีอาการป่วย ตนตั้งคำถามกับที่ประชุมว่า กับผู้กระทำผิดกฎหมาย ทั้งเล่นการพนัน ลักลอบข้ามแดนไปมา แล้วป่วย โรงพยาบาลต้องเสียเงิน เสียทรัพยากร เสียกำลังคน ไปดูแลคนเหล่านี้ และต้องจำกัดเวลาให้บริการประชาชนทั่วไป ต้องเลื่อนนัดทั้งตรวจรักษา ผ่าตัด รับยาเงินงบประมาณที่ควรจะเอาไปดูแลรักษาประชาชนทั่วไป ต้องเอามาใช้ดูแลคนทำผิดกฎหมายเหล่านี้อีกนาน และมากแค่ไหนยังไม่รู้
“อันที่จริง กฎหมายโรคติดต่อ มาตรา 41 และ 42 กำหนดไว้ชัดว่า คนที่เป็นเจ้าของพาหนะหรือนำผู้ป่วย ผู้ต้องสงสัยว่าจะติดเชื้อโรค รวมทั้งผู้เดินทางเข้ามาต้องเสียค่าใช้จ่ายในการกักตัว เฝ้าระวังอาการ ดูแล รักษาพยาบาล รวมถึง การป้องกัน ควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ และการส่งเสริมภูมิคุ้มกันโรค คนที่พาเข้ามา และตัวเอง โดยที่รัฐไม่ต้องจ่ายให้แต่ก็ถูกแย้งว่าไม่สามารถทำได้ เพราะขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 47 กำหนดไว้ คำถามคือ รัฐควรจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาผู้กระทำผิดกฎหมายเหล่านี้ หรือหากต้องจ่าย ก็น่าจะต้องเรียกเก็บจากผู้ที่นำเชื้อโรคเข้ามา ทั้งผู้ป่วย และผู้จัดหานำเข้ามา จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้ โดยผมจะนำเรื่องนี้ไปประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางปฏิบัติ ป้องกันไม่ให้มีการกระทำผิดกฎหมาย โดยไม่มีความรับผิดชอบ เพราะคิดว่าเมื่อป่วย รัฐมีหน้าที่ต้องรักษาให้ฟรี โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายอีกต่อไป” นายอนุทินกล่าว
