สภาองค์กรผู้บริโภคจี้ รมว.สธ.-อภ.ยึดข้อสั่งการนายกฯ เร่งซื้อเอทีเค 8.5 ล้านชิ้น
เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม สภาองค์กรของผู้บริโภค ได้ออกจดหมายเปิดผนึกขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ปฎิบัติตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี และเร่งจัดซื้อ ATK ที่มีคุณภาพตามมาตรฐาน WHO โดยเร็ว ทั้งนี้ ข้อความระบุว่า
จากมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2564 นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคติดเชื้อโควิด – 19 (ศปก.สธ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งแก้ปัญหาโดยเร่งด่วน โดยเฉพาะประเด็นสำคัญข้อ 6 ที่ระบุไว้อย่างชัดว่า “เร่งดำเนินการจัดหาชุดตรวจหาเชื้อโควิด – 19 แบบแอนติเจน (Antigen Test Kits : ATK) ที่ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีจำหน่ายในไทย มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (WHO) รวมทั้งต้องมีความแม่นยำในการตรวจ เพื่อนำไปสู่การรักษาที่ทันท่วงที และพร้อมจัดส่งให้ได้ในเวลาที่กำหนด” นั้น
สภาองค์กรฯ ขอให้รัฐมนตรีว่าการ สธ. ปฏิบัติตามข้อสั่งการของนายกฯ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ อภ.ยุติข้อกำหนดการจัดซื้อชุดตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบแอนติเจน (Antigen Test Kits : ATK) ที่ไม่ได้มาตรฐานการรับรองตามที่องค์การอนามัยโลกกำหนด ซึ่งตามกรอบในแบบยื่นซองเสนอราคาตามการสงวนสิทธิ์ของ อภ. ในข้อ 4.1 ผู้เสนอราคาไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อหนึ่งข้อใด อภ.จะไม่พิจารณาซื้อหรือพิจารณาซื้อรายถัดไป แล้วแต่จะเห็นสมควร และ 4.2 อภ.ทรงไว้ซึ่งสิทธิ์ที่จะลดหรือเพิ่มจำนวน จะงดซื้อหรือเลือกซื้อโดยไม่จำเป็นต้องซื้อจากผู้เสนอราคาต่ำสุดเสมอไป รวมทั้งสงวนสิทธิ์ที่จะพิจารณายกเลิกการเสนอราคาเพื่อประโยชน์ของ อภ.เป็นสำคัญ ซึ่งสะท้อนว่า อภ.สามารถยกเลิกการประมูลในครั้งนี้ได้
“กรณี ชุดตรวจ ATK ยี่ห้อเล่อปู๋ (LEPU) นั้น หากพิจารณาคุณสมบัติแล้ว เล่อปู๋มีคุณสมบัติไม่ตรงตามมาตรฐานการรับรองที่ WHO กำหนด ซึ่งเล่อปู๋นั้นมีค่าความไว (Sensitivity) ร้อยละ 90 ความจำเพาะ (Specificity) ร้อยละ 98 ขณะที่มาตรฐานของ WHO กำหนดค่าความไวไว้ที่ร้อยละ 95 และค่าความจำเพาะไว้ที่ร้อยละ 99 ซึ่งความแตกต่างของตัวเลขที่ว่านี้ หากนำไปใช้ตรวจเชื้อโควิด-19 จำนวน 8.5 ล้านครั้ง ภายใต้ความชุกของโรคที่ร้อยละ 10 จะก่อให้เกิดผลลบลวง (False Negative) เพิ่มมากถึงจำนวน 40,000 คน ซึ่งหมายความว่า การตรวจเชิงรุก จะชี้ว่าผู้ป่วยไม่ติดเชื้อ ทั้งที่ติดเชื้อ และในทางกลับกัน ชี้ว่าติดเชื้อ แต่ในความจริงแล้วไม่ติดเชื้อ และจะทำให้มีข้อผิดพลาดจากการตรวจเพิ่มขึ้นทั้งหมดราว 110,000 คน ส่งผลให้ผู้ที่มีผลตรวจระบุว่าติดเชื้อ ทั้งที่ไม่ติดเชื้อ จะถูกส่งตัวไปรักษาดูแลในศูนย์พักคอย โรงพยาบาลสนาม ซึ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19 เป็นอย่างมาก”
ดังนั้น สภาองค์กรฯ เห็นว่า คุณภาพของ ATK ควรต้องพิจารณาจากชุดตรวจที่ให้ผลลบลวงน้อยที่สุด มีประสิทธิภาพ และความแม่นยำมากที่สุด มาเป็นลำดับแรก เพราะผลลบลวงเหล่านี้ จะส่งผลให้ผู้ป่วยขาดโอกาสที่จะได้รับการดูแลรักษาพยาบาล โดยเฉพาะการได้รับยาจำเป็นอย่างทันการณ์ และการส่งต่อไปยังสถานพยาบาลเมื่อมีอาการรุนแรง อีกทั้งยังส่งผลให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อโรคสู่ชุมชนโดยผู้ป่วยไม่รู้ตัว ทำให้ยากต่อการควบคุมโรค ซึ่งขัดกับแนวทางการควบคุมโรคที่ต้องการให้มีการควบคุมโรคให้ได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากที่สุด
ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ของประชาชนในฐานะผู้บริโภค สภาองค์กรฯ จึงขอให้ทุกหน่วยงานปฏิบัติตามข้อสั่งการนายกฯ และมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ต้องการให้มีการจัดซื้อ ATK ที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก ดังนั้น สภาองค์กรฯ จึงมีข้อเสนอและการดำเนินการ ดังนี้ 1.ขอให้รัฐมนตรีว่าการ สธ. และอภ.ปฏิบัติตามมติ ครม.ที่มีความชัดเจนในการจัดซื้อจัดจ้างให้ได้ชุดตรวจ ATK ที่มีคุณภาพระดับที่ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก เพื่อให้เกิดข้อผิดพลาดในการตรวจเชิงรุกให้น้อยที่สุด และเร่งจัดซื้อชุดตรวจที่มีคุณภาพให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) โดยเร็ว 2.ขอให้นายกฯ และสำนักงานศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) ยืนยันตามมติ ครม.และข้อสั่งการของนายกฯ ตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2564