หมอเฉลิมชัยชี้โควิด ‘เดลต้าพลัส’ แพร่เชื้อเร็วขึ้น 15% จับตากรมวิทยาศาสตร์ฯแถลงรายละเอียดวันนี้

หมอเฉลิมชัยชี้โควิด ‘เดลต้าพลัส’ แพร่เชื้อเร็วขึ้น 15% จับตากรมวิทยาศาสตร์ฯแถลงรายละเอียดวันนี้

จากกรณีที่ นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน เปิดเผยถึงการพบชาย อายุ 49 ปี มีประวัติทำงานที่ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา มีการส่งตัวอย่างที่สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ทางทหาร กองทัพบก (AFRIMS) พบติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ AY.4.2 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ย่อยของสายพันธุ์เดลต้า ทว่าเป็นการตรวจพบตั้งแต่เดือนกันยายน 2564 ปัจจุบันผู้ป่วยได้รักษาหายแล้ว มีการสุ่มตรวจรายอื่นๆ และยังไม่พบผู้ติดเชื้อที่เชื่อมโยงกับผู้ป่วยรายดังกล่าว

เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว “ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย” ระบุถึงการพบสายพันธุ์เดลต้าพลัสในประเทศไทยว่า ไทยพบไวรัสเดลต้าพลัส (Delta Plus) รายแรกที่พระนครศรีอยุธยา แพร่ระบาดเร็วขึ้น 15% หลังจากที่มีข่าวการระบาดของไวรัสกลายพันธุ์เดลต้าพลัสในอังกฤษ โดยพบจำนวนผู้ติดเชื้อ 6% จนทางการอังกฤษจัดให้เป็น VUI (Variant Under Investigation) เนื่องจากมีความสามารถในการระบาดเพิ่มขึ้น 15% แต่ยังไม่ได้ยกระดับขึ้นเป็นไวรัสที่น่าเป็นกังวล : VOC (Variant of Concern) เพราะยังขาดข้อมูลเรื่องความรุนแรงในการก่อโรค และการดื้อต่อวัคซีน

“ไวรัสเดลต้าพลัสเป็นปัจจัยที่ทางอังกฤษให้ความสนใจ เพราะเกิดขึ้นในห้วงเวลาเดียวกับที่มีการระบาดระลอกใหม่ มีผู้ติดเชื้อหลายหมื่นคนต่อวัน แต่คงไม่ได้เกิดจากปัจจัยไวรัส Delta Plus เพียงลำพัง แต่น่าจะเกิดจากการผ่อนคลายมาตรการของทางการอังกฤษ ร่วมกับการที่ประชาชนอังกฤษหย่อนวินัยในการป้องกันโรคระบาด

“ทางกรมควบคุมโรคได้แถลงว่า พบไวรัส Delta Plus ที่พระนครศรีอยุธยา จากการถอดรหัสจีโนม ซึ่งทำเป็นประจำอยู่แล้ว และเคยพบว่ามีสายพันธุ์ย่อยของไวรัสเดลต้าในประเทศไทย 4 สายพันธุ์ ซึ่งไม่ได้มีลักษณะการแพร่ระบาด หรือความสามารถในการก่อโรครุนแรงแตกต่างกับไวรัสสายพันธุ์เดลต้า ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2564

Advertisement

“ในช่วงเดือนกันยายน 2564 จากการถอดรหัสตามปกติ ได้พบผู้ติดเชื้อที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นไวรัสเดลต้าพลัส (AY.4.2) จึงสมควรที่จะทำความรู้จักไวรัสก่อโรคโควิด และไวรัสกลายพันธุ์ สายพันธุ์ย่อยเดลตาพลัส ดังนี้

1.โควิดเกิดจากไวรัสตระกูลโคโรนาลำดับที่ 7

2.ไวรัสโคโรนาเป็นไวรัสอาร์เอ็นเอ (RNA) ที่เป็นสารพันธุกรรมเดี่ยว ไม่เหมือนสิ่งมีชีวิตอื่นที่มีดีเอ็นเอ (DNA) ที่เป็นสารพันธุกรรมคู่

Advertisement

3.สิ่งมีชีวิตสารพันธุกรรมเดี่ยว จะมีการกลายพันธุ์ได้ง่าย

4.จากการกลายพันธุ์ของไวรัสโคโรนา ขณะนี้มีจำนวนโดยประมาณมากกว่า 1,000 สายพันธุ์หลัก และสายพันธุ์ย่อย

5.ในการแบ่งกลุ่มไวรัสสายพันธุ์ต่างๆ จะใช้เรื่องความสามารถในการแพร่ระบาด ความรุนแรงในการก่อโรค และการดื้อต่อวัคซีน โดยกลุ่มที่ถือว่ามีความสำคัญก็คือกลุ่มที่น่ากังวล (VOC) ได้แก่ อัลฟ่า เบต้า แกมม่า และเดลต้า

6.ในกลุ่มไวรัสเดลต้านั้น พบสายพันธุ์ย่อยแล้วกว่า 20 สายพันธุ์ โดยในเดือนสิงหาคม 2564 ไทยพบ 4 สายพันธุ์ย่อย ซึ่งไม่มีไวรัสสายพันธุ์เดลต้าพลัส

7.ไวรัสสายพันธุ์เดลต้าพลัสเป็นสายพันธุ์ย่อยจากสายพันธุ์ที่เคยพบเมื่อเดือนสิงหาคมแล้ว และขณะนี้พบระบาดในประเทศอังกฤษ

8.ขณะนี้ประเทศไทยได้พบไวรัสเดลต้าพลัสหนึ่งราย นับเป็นรายแรกที่พระนครศรีอยุธยา

9.เดลต้าพลัสเป็นไวรัสสายพันธุ์ย่อยที่พบว่ามีการระบาดกว้างขวางรวดเร็วกว่าไวรัสเดลต้า 15% ส่วนความรุนแรงในการก่อโรคและการดื้อต่อวัคซีนยังไม่มีการรายงาน

“กล่าวโดยสรุป ไทยได้พบไวรัสสายพันธุ์เดลต้าพลัสแล้ว นับเป็นรายแรกที่พระนครศรีอยุธยา และยังไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อรายอื่นๆ เพิ่มเติม กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จะแถลงรายละเอียดในวันที่ 26 ตุลาคม 2564

“เดลต้าพลัสแพร่รวดเร็วขึ้น 15% เมื่อเทียบกับไวรัสสายพันธุ์เดลต้า จึงสมควรจะต้องระมัดระวัง แต่ยังไม่ต้องตระหนกตกใจ เพียงแต่ให้ตระหนักว่าไวรัสมีความสามารถในการปรับตัวเก่งมาก มนุษย์จึงต้องต่อสู้อย่างเต็มที่ ทั้งในเรื่องวินัยในการป้องกันตนเอง การเร่งฉีดวัคซีน ตลอดจนมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลทุกประเทศจะต้องระดมออกมาเพื่อควบคุมโรคระบาดครั้งนี้”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image