| ที่มา | มติชนรายวัน |
|---|---|
| ผู้เขียน | นายพล |
| เผยแพร่ |
รถยนต์มินิ ถือว่าเป็นรถในใจของใครหลายคน จากรูปร่างหน้าตา สมรรถนะการขับขี่ ไม่ได้เล็กอย่างรูปร่างที่เห็น แต่เป็นรถสปอร์ตไซซ์เล็ก ดีไซน์เก๋ๆ แต่สมรรถนะสูง ช่วงล่างปึ้ก รุ่นหนึ่งเลยทีเดียว
มาระยะหลัง มินิพยายามปรับปรุงตัวรถ เน้นความสะดวกสบายในการใช้งานมากขึ้น จึงเป็นที่มาของการออกรุ่นใหม่ๆ รูปร่างใหญ่กว่าเดิม มีพื้นที่ใช้สอย มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเพิ่มขึ้น
ล่าสุด มินิประเทศไทย ได้เปิดตัว “มินิ คลับแมน” โฉมใหม่ เมื่อช่วงปลายปี 2558 ขนาดใหญ่กว่ารถยนต์ในตระกูลมินิทุกรุ่น นับเป็นก้าวแรกของมินิในการเข้าสู่เซ็กเมนต์รถยนต์คอมแพคระดับพรีเมียม แถมยังพัฒนาความรู้สึกในการขับขี่ให้สนุกสนาน ขับง่ายขึ้น ที่สำคัญมีการตกแต่งมีสไตล์เป็นของตนเอง
ความยาวเพิ่มขึ้น 27 เซนติเมตร กว้างขึ้น 9 เซนติเมตร และฐานล้อยาวขึ้น 10 เซนติเมตร เมื่อเทียบกับรถยนต์มินิ แฮตช์ 5 ประตู มีช่องเก็บสัมภาระจุมากถึง 360 ลิตร สามารถขยายขนาดเพิ่มขึ้นเป็น 1,250 ลิตร เมื่อพับเบาะที่นั่งหลัง แยกกันที่ 40:20:40
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ใหม่ คือช่องระบายอากาศหรือ แอร์ เคอร์เทนส์ (Air Curtains) และ แอร์ บรีทเธอร์ส (Air Breathers) เสริมประสิทธิภาพช่องระบายอากาศ เพิ่มคุณสมบัติทางด้านแอโรไดนามิกส์ถูกนำมาใช้ในรถยนต์มินิเป็นครั้งแรก เป็นช่องลมขนาดเล็กในแนวตั้งที่กันชนหน้า ช่วยให้กระแสลมไหลผ่านไปยังซุ้มล้อหน้า ทำงานร่วมกับช่องระบายอากาศ (Air Breathers) ด้านหลังของซุ้มล้อคู่หน้า ช่วยระบายแรงสั่นสะเทือนอันเกิดจากแรงดันอากาศ
ฝากระโปรงท้ายแบบบานพับสองข้าง พร้อมไฟหลัง LED ดีไซน์ใหม่ ใช้วัสดุโลหะโดดเด่นสะดุดตา เสากลางระหว่างบานกระจกซ้าย-ขวามีขนาดเล็กลงกว่าในรุ่นก่อนหน้า ช่วยให้วิสัยทัศน์การมองด้านหลังดียิ่งขึ้น การเปิดฝากระโปรงท้ายใช้มือเปิดจากปุ่มที่มือจับฝากระโปรงทั้งสองข้าง ทำจากวัสดุชุบโครเมียม หรือเปิดได้โดยไม่ต้องสัมผัสตัวรถด้วยการใช้เท้าไปจ่อใต้กันชนท้าย ฝากระโปรงท้ายก็จะเปิดโดยอัตโนมัติทีละข้าง ฟีเจอร์นี้สามารถใช้งานได้เมื่อผู้ขับมีกุญแจรถอยู่กับตัว
สำหรับ มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน และ มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน ไฮทริม โฉมใหม่ มีแอลอีดี เฮดแลมป์ (LED headlamp) ประกอบด้วย แอลอีดี เดย์ไทม์ ไดรฟ์วิ่ง ไลท์, แอลอีดี เรียร ไลท์ส และ แอลอีดี ฟ็อก ไลท์ (LED daytime driving light, LED rear lights และ LED fog light)
เมื่อโครงสร้างภายนอกใหญ่ขึ้น แน่นอนว่าพื้นที่ภายในย่อมกว้างขวางขึ้น ตรงตามการใช้งานของยานยนต์เพื่อการใช้งานมากขึ้น
แต่ที่แจ่มแจ๋วแต๋วจ๋า คงเป็นระบบแสงไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร หน้าจอแสดงผลส่วนกลางเป็นเอกลักษณ์ของมินิ มาพร้อมหน้าจอสีขนาด 8.8 นิ้ว แสดงผลข้อมูลการขับขี่ จอควบคุมความบันเทิง และโทรศัพท์
เพิ่มลูกเล่นให้แพรวพราวด้วยเทคโนโลยี LED ใหม่ล่าสุด เปลี่ยนสีไฟรอบวงแหวนหน้าปัดแสดงผลกลางตามสถานะ ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่บนถนน หรือการทำงานของฟังก์ชั่นต่างๆ มีทั้งสีฟ้า สีแดง สีเขียว สีเหลือง สีส้ม สีม่วง เป็นฟีเจอร์พิเศษที่เรียกว่า มินิ เอ็กซ์ไซท์เมนท์ แพคเกจ (MINI Excitement Package) สามารถปรับเปลี่ยนสีได้ และการเปิดการทำงานของหน้าจอเมื่อเปิดหรือปิดประตูรถ แถมด้วยลูกเล่นการฉายไฟลงมาบนพื้นถนนฝั่งคนขับ เป็นโลโก้ MINI เมื่อเราปลดล็อกรถยนต์ ช่วยให้มีแสงสว่างบนพื้น มองเห็นได้ขณะอยู่ในที่มืด ทำให้นึกถึงหนังเรื่องแบตแมน จะมีรูปค้างคาวอยู่ที่พื้นในยามมนุษย์ค้างคาวจะออกปฏิบัติการพิทักษ์โลก
และอีกหนึ่งฟีเจอร์มาตรฐานใหม่ คือ การปรับตั้งค่าต่างๆ ของเบาะที่นั่งผู้ขับและผู้โดยสารตอนหน้าด้วยระบบไฟฟ้า โดยระบบจะจดจำองศาของที่นั่งคนขับ และยังเป็นครั้งแรกของรถยนต์มินิที่การปรับระดับต่างๆ ของเบาะ ไม่ว่าจะเป็นที่รองศีรษะ การปรับที่นั่งตามยาว การจัดองศาของพนักพิงหลัง สามารถปรับควบคุมได้เพียงแค่กดปุ่มเดียว
เครื่องยนต์ใหม่ล่าสุด 3 รุ่น ประกอบด้วยเทคโนโลยี มินิ ทวินพาวเวอร์ เทอร์โบ (MINI TwinPower Turbo) ให้อารมณ์ในการขับขี่แบบโกคาร์ต แต่เป็นโกคาร์ตแบบช่วงล่างนุ่มเพิ่มสมรรถนะของเครื่องยนต์ด้านต่างๆ ที่ดียิ่งขึ้น ได้แก่
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ในมินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน กำลังสูงสุด 141 กิโลวัตต์/192 แรงม้า อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 5.9 ลิตร/100 กิโลเมตร ระดับการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) อยู่ที่ 141 กรัม/กิโลเมตร มินิ คูเปอร์ คลับแมน เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ กำลังสูงสุด 100 กิโลวัตต์/136 แรงม้า อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 5.3 ลิตร/100 กิโลเมตร ระดับการปล่อย CO2 อยู่ที่ 125 กรัม/กิโลเมตร และ มินิคูเปอร์ ดี คลับแมน เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ กำลังขับเคลื่อน 110 กิโลวัตต์/150 แรงม้า อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 4.9 ลิตร/100 กิโลเมตร ระดับการปล่อย CO2 อยู่ที่ 130 กรัม/กิโลเมตร
ครั้งแรกกับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด สเต็ปทรอนิก (Steptronic) ถูกนำมาใช้ในรถยนต์มินิ ช่วยให้เปลี่ยนเกียร์ฉับไว และนุ่มนวลไหลลื่นหรือสมูธขึ้นมาก เนื่องจากจำนวนเกียร์เพิ่มมากขึ้นส่งผลให้รอบเครื่องยนต์ในแต่ละเกียร์ใช้กำลังน้อยลง
ระบบกันสะเทือนเอกลักษณ์ของรถยนต์คือฟังก์ชั่นไดนามิค แดมเปอร์ คอนโทรล (Dynamic Damper Control) เป็นระบบปรับความนุ่มนวลของโช้กอัพอัตโนมัติ ปรับแต่งได้โดยเลือกการตั้งค่าที่เหมาะสมตามความชอบและสไตล์การขับขี่ เลือกได้ทั้งการขับขี่แนวรถแข่งแบบสปอร์ตหรือเลือกการขับขี่นุ่มนวล ระบบควบคุมด้วยไฟฟ้าของวาล์วแดมเปอร์ตอบสนองต่อพื้นผิวไม่ราบเรียบของท้องถนนที่มีความหลากหลาย
มินิ คูเปอร์ คลับแมน และ มินิ คูเปอร์ ดี คลับแมน มาพร้อมกับล้ออัลลอยน้ำหนักเบาแบบ เน็ตสโปค (Net Spoke) ขนาด 17 นิ้ว สีเงิน ในขณะที่ มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน และ มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน ไฮทริม โฉมใหม่ มาพร้อมกับล้ออัลลอยน้ำหนักเบาแบบ สตาร์สโปค (Star Spoke) ในสีเงินและสีดำสำหรับลุคสปอร์ต
ราคา (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) มินิคูเปอร์คลับแมน 2,388,000 บาท มินิคูเปอร์ ดี คลับแมน 2,688,000 บาท มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน 3,088,000 บาท มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน ไฮทริม 3,288,000 บาท
ต้องบอกว่าเป็นมิติใหม่ของรถยนต์มินิในเรื่องการใช้งานอย่างแท้จริง โดยเฉพาะรุ่น คูเปอร์ เอส ที่ได้ทดลองขับ เพราะทั้งอุปกรณ์เพื่อความสะดวกสบาย ขนาดตัวรถ ประตูหลัง การพับเบาะต่างๆ การพัฒนาให้เป็นรถยนต์ขับง่ายขึ้น ที่สำคัญยังคงความโดดเด่นในเรื่องดีไซน์ การตกแต่งแสงสีเสียง โดยเฉพาะสมรรถนะเครื่องยนต์แรงได้ใจ ช่วงล่างหนึบแน่นเหมือนเดิม
เป็นการผสมผสานระหว่าง การสงวนจุดแข็ง แสวงจุดต่างของรถมินิรุ่นใหม่ ได้อย่างตรงจุด
