บีที-50 โปร ธันเดอร์ ปิกอัพ‘อเนกประสงค์’ : โดย นายพล

ตลาดรถปิกอัพเริ่มร้อนระอุ เมื่อค่ายมาสด้าหวนกลับมาทำตลาดรถปิกอัพอีกครั้ง หลังจากทุ่มเทอย่างหนักกับตลาดเก๋งจนประสบความสำเร็จ ทำให้รถยนต์นั่งก้าวขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็ก และครองอันดับ 3 ของตลาดรถเก๋ง

ล่าสุดมาสด้าฮึดสู้บรรดาค่ายปิกอัพยักษ์ใหญ่ ประกาศทวงบัลลังก์ยอดขายรถปิกอัพ หลังจากปล่อยให้คู่แข่งขันเปิดสงครามแลกหมัดกันอย่างเมามัน

ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมามาสด้าไม่ได้นิ่งเฉย กลับซุ่มเงียบเพื่อการออกแบบดีไซน์ใหม่

แล้ววันนี้ มาสด้าก็เผยหมัดเด็ดล่าสุดด้วยการส่งรุ่นพิเศษลงสู้ศึก ภายใต้ชื่อ มาสด้า บีที-50 โปร ธันเดอร์ (Mazda BT-50 PRO THUNDER) โดยวางกลยุทธ์ไม่ต้องต่อกรกับคู่แข่งโดยตรง

Advertisement

แต่ใช้วิธีฉีกหนีภาพลักษณ์แบบรถปิกอัพสไตล์เดิมๆ เน้นแข็งแกร่งดุดัน หันมามุ่งเจาะกลุ่มลูกค้ารถปิกอัพอเนกประสงค์ เน้นลูกค้าต้องการความหรูหรา ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันหลากหลาย

ดังนั้น มาสด้าจึงเน้นการออกแบบสวยงาม ดีไซน์สปอร์ตและเติมความหรู พร้อมกับห้องโดยสารกว้างขวาง เพราะมั่นใจว่ารถกระบะไม่ใช่เพียงรถบรรทุกของ แต่ยังนำมาใช้เพื่อการเดินทางในชีวิตประจำวัน รวมถึงเพื่อการท่องเที่ยวเดินทางไปยังที่สถานที่ต่างๆ ได้อย่างปลอดภัย

มาสด้าได้เผยโฉม มาสด้า บีที-50 โปร ธันเดอร์ ใหม่ ภายใต้แนวคิด “ให้ทุกเป้าหมายเป็นจริงได้”

Advertisement

สำหรับรุ่นพิเศษ 2018 มีการปรับดีไซน์ใหม่ เพิ่มสติ๊กเกอร์ลายกราฟิกด้านข้าง พร้อมดีไซน์กันชนหน้าใหม่ เพิ่มกระจังหน้าแบบโครเมียมดีไซน์ใหม่ ให้มุมมองความสปอร์ตและเพิ่มความหรูหราขึ้น

การเปิดตัวรถปิกอัพ บีที-50 โปร ธันเดอร์ ในครั้งนี้ ถือเป็นการกระตุ้นกลุ่มผู้บริโภคในเรื่องของการสร้างการจดจำของแบรนด์ในส่วนของไลน์รถปิกอัพของมาสด้า

ปีนี้มาสด้าวางเป้ายอดขายรถปิกอัพ บีที-50 โปร ไว้ที่ 7,000 คัน หรือเติบโต 15% ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ต้องการรถปิกอัพสมรรถนะสูง

ช่วงล่างอัจฉริยะ ซุปเปอร์ ดีอี-เอส (super DE-S) ถูกพัฒนาให้นุ่มสบายและดูดซับแรงสะเทือนไม่ให้เข้าถึงห้องโดยสารได้ดีกว่ารุ่นก่อนหน้านี้มาก

แถมยังเสริมด้วยเหล็กกันโคลงหน้า ช่วยเพิ่มเสถียรภาพการทรงตัว และประสิทธิภาพสูงในเรื่องยึดเกาะถนน พร้อมสมรรถนะการบังคับควบคุมที่ดีขึ้น

จุดที่ทำให้ บีที-50 โปร ธันเดอร์ ใหม่ ดูโดดเด่นขึ้น ได้แก่

โครงสร้างตัวถังขึ้นรูปจากเหล็กกล้าทนแรงดึงสูง แข็งแกร่งและมีน้ำหนักเหมาะสมกับขนาดเครื่องยนต์ ทำให้ไม่เป็นอุปสรรคทำให้อืดอาดยืดยาด

ระบบเพิ่มแรงเบรกฉุกเฉิน EBA (Emergency Brake Assist) และระบบเบรกอัตโนมัติ BOS (Brake Override System) ถือว่าต้องมีไว้สำหรับรถปิกอัพกำลังแรง

ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ และระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ ช่วยอำนวยความสะดวกไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ารถเก๋ง

ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินกะพริบเมื่อเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal) เข็มขัดนิรภัยแบบดึงรั้งกลับอัตโนมัติ 3 จุด 2 ตำแหน่ง ถุงลมนิรภัยคู่หน้าเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่น

เครื่อง DVD พร้อมระบบนำทาง ถือว่ากลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรถปิกอัพไปแล้ว

เฟืองท้ายแบบลิมิติสลิป เหมาะสำหรับปิกอัพขาลุย เพื่อใช้ตะกุยเส้นทางออฟโรดได้ดี

กล้องมองหลังชัดแจ๋ว ถือว่าเป็นอีกทีเด็ดสำหรับปิกอัพยุคใหม่

รุ่นพิเศษนี้มีให้เลือกทั้งตัวถังแบบฟรีสไตล์แค็บ หรือบานแค็บเปิดได้ เอฟเอสซี ไฮ-เรซ (FSC Hi-Race) เกียร์ธรรมดา 6 สปีด และรุ่น 4 ประตู ดีบีแอล ไฮ-เรเซอร์ (DBL Hi-Racer) ทั้งแบบเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด

ส่วนเครื่องยนต์ยังคงเป็น 2.2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า

มีให้เลือก 4 สี ประกอบด้วย สีขาว คูลไวท์, สีเงิน อะลูมิเนียม เมทัลลิค, สีดำ เจ็ทแบล็ก และสีขาวมุก สโนว์เฟลก
ราคาจำหน่าย รวมอุปกรณ์ตกแต่ง ไม่รวมสีเมทัลลิคและสีขาวมุก สโนว์เฟลก 7,000 บาท

FSC Hi-Racer 2.2L 6MT (เกียร์ธรรมดา) ราคา 701,000 บาท DBL Hi-Racer 2.2L 6MT (เกียร์ธรรมดา) ราคา 792,000 บาท และรุ่น DBL Hi-Racer 2.2L 6AT (เกียร์อัตโนมัติ) ราคา 952,000 บาท

เรียกได้ว่างานนี้ มาสด้าสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง ไม่เน้นความแรงเหมือนรายอื่น

แต่หยิบยื่นความอเนกประสงค์ให้ครบครันมากขึ้น

 

นายพล

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image