ทดลองขับ “โตโยต้า คัมรีใหม่” เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หรูหรา-ปลอดภัย ขับสนุกขึ้น

ตลาดรถหรูระดับกลางกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังมีเปิดตัวอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สำหรับ Toyota Camry ใหม่ โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ก็ได้นำทัพสื่อมวลชน มาทดสอบสมรรถนะ กันที่สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์

Toyota Camry ตัวใหม่นี้ มีขายในตลาดด้วยกัน 4 รุ่น คือรุ่น 2.0G เกียร์อัตโนมัติ ราคา 1,445,000 บาท รุ่น 2.5G เกียร์อัตโนมัติ ราคา 1,589,000 บาท รุ่น 2.5HV เกียร์อัตโนมัติ ราคา 1,639,000 บาท และรุ่น 2.5 hv Premium ราคา 1,799,000 บาท

สำหรับ Toyota Camry ใหม่นี้ จัดเป็นรถซีดานขนาดกลาง ที่เน้นความหรูหรา มีการเปลี่ยนแปลงในเชิงภาพลักษณ์เครื่องยนต์ และระบบการขับเคลื่อนอย่างมากทีเดียว ออกแบบภายใต้แรงบันดาลใจที่เรียกว่า Sensual- Smart Conference โตโยต้าพยายามนำเสนอแนวคิด ที่เรียกว่าสถาปัตยกรรมยานยนต์ใหม่ หรือ TNGA ได้แก่การนำเสนอโครงสร้างที่พัฒนาขึ้นใหม่ จับเข้ากับเครื่องยนต์ Dynamic Force รุ่นล่าสุด รวมถึงยังนำระบบ Hybrid Generation ที่ 4 มาใส่อีกด้วย

รูปลักษณ์ภายนอกดูสปอร์ต เส้นสายคมชัด กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ ดูโฉบเฉี่ยว พื้นที่ภายใน กว้างขวาง ในส่วนมิติภายนอกนั้น มีความยาว 4,885 มิลลิเมตร กว้าง 1,840 มิลลิเมตร สูง 1,445 มิลลิเมตร ความยาวช่วงล้อ 2,825 มิลลิเมตร  ระยะจากพื้นถนนถึงส่วนต่ำสุดของรถ หรือ Ground clearance อยู่ที่ 140 มิลลิเมตร ส่วนน้ำหนักของรถนั้น รุ่น 2.0 G หนัก 1,520 กิโลกรัม รุ่น 2.5 G หนัก 1,550 กิโลกรัม 2 รุ่นนี้มีความจุถังน้ำมันเท่ากันคือ 60 ลิตร ส่วน รุ่น 2.5 hv หนัก 1,630 กิโลกรัม และรุ่น 2.5 hv Premium หนัก 1,650 กิโลกรัม 2 รุ่นหลังนี้มีความจุถังน้ำมันเท่ากันหรือ 50 ลิตร

Advertisement
ภายนอกดูสปอร์ต เส้นสายคมชัด กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ ดูโฉบเฉี่ยว
มีความยาว 4,885 มิลลิเมตร กว้าง 1,840 มิลลิเมตร สูง 1,445 มิลลิเมตร ความยาวช่วงล้อ 2,825 มิลลิเมตร

Toyota ระบุว่า Camry ตัวใหม่ ใช้เหล็กกล้าคุณภาพเยี่ยม ทำให้โครงสร้างตัวถังรถมีความแข็งแรง ทนทานต่อแรงบิด นอกจากนั้นตัวรถยังได้รับการออกแบบให้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ซึ่งจะช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ มีการทรงตัวที่ดี มีฐานล้อกว้างขึ้น ระดับฝากระโปรงหน้าและความสูงโดยรวมต่ำลง พร้อมด้วยระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท ส่วนช่วงล่างหลังเป็นแบบอิสระแบบปีกนกคู่ (Double Wishbone Suspension) พร้อมดิสก์เบรกทั้งหน้าหลัง ในเรื่องของท่อไอเสีย รุ่น 2.5 G คุณจะได้ท่อไอเสียคู่ด้วยต่างจากรุ่นอื่น

ไฟหน้าแบบแอลอีดีพร้อม daytime running lights ไฟเลี้ยวแบบแอลอีดี เช่นเดียวกับไฟท้าย และไฟตัดหมอก ใช้กระจกแบบกันเสียงรบกวนและแสงแดด ซึ่งก็ช่วยได้ดีระดับหนึ่งแต่ก็ไม่ถึงขนาดดีเยี่ยม มีหลังคามูนรูฟทุกรุ่นยกเว้นรุ่น 2.0 g มีระบบควบคุมการเปิดปิดไฟหน้าแบบอัตโนมัติ พร้อมระบบ Follow Me Home ที่ไฟจะเปิดส่องแสงสว่างให้ผู้ขับในยามค่ำคืน แม้ดับเครื่องแล้ว ขณะที่กระจกมองข้างก็เป็นระบบตอบอัตโนมัติขณะถอยหลังและพับเก็บอัตโนมัติ

Camry ใหม่ มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว มาพร้อมยางขนาด 215/55 ในรุ่น Hybrid ซึ่งมองเผินๆก็บอกเลยว่าไม่ค่อยสวย ดูเชยๆยังไงบอกไม่ถูก ส่วนรุ่น 2.5 G เป็นล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ซะอย่างนั้น มาพร้อมยางขนาด 235/45 ส่วนรุ่น 2.0 g ยังไม่ได้เห็นคันจริงแต่ตามสเปกบอกว่า ใช้ยางขนาด 205 /65 ล้อขนาด 16 นิ้ว

Advertisement
ไฟหน้า Projector LED Headlamp พร้อม daytime running lights ปิดเปิดอัตโนมัติ ปรับไฟสูงอัตโนมัติ พร้อมระบบ Follow Me Home

 

ไฟเลี้ยวแบบแอลอีดี เช่นเดียวกับไฟท้าย และไฟตัดหมอก
ท่อไอเสีย รุ่น 2.5 G แบบคู่ ต่างจากรุ่นอื่น
Camry ใหม่ มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว มาพร้อมยางขนาด 215/55 ในรุ่น Hybrid
รุ่น 2.5 G ในชุดแต่งแบบ TRD ได้ล้อที่ดูสปอร์ต สวยกว่า

จุดเด่น ในห้องโดยสาร เบาะของรุ่น Hybrid จะเป็นวัสดุหุ้มเบาะหนังแบบ Smooth leather และวัสดุสังเคราะห์ ส่วนรุ่น 2.5 G และ 2.0 G เป็นหนัง เบาะคู่หน้าของทุกรุ่น ปรับได้ 8 ทิศทางพร้อมปุ่มดันหลังไฟฟ้า ยังมีพัดลมใต้เบาะและพนักพิงช่วยลดความอับชื้น และระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่ง กระจกมองข้างและพวงมาลัยของผู้ขับด้วย

ด้าน ความสะดวกสบายของผู้โดยสาร มีเบาะนั่งด้านหลังที่สามารถปรับเอนได้ (Rear Reclining Seat) ด้วยระบบไฟฟ้า จัดว่าดีมาก สำหรับคนนั่ง แต่เสียใจด้วยที่ต้องบอกว่า ตรงนี้ให้มาแค่รุ่นท็อป ส่วนพนักพิงก็สามารถพับได้ 3 ระดับให้มาในทุกรุ่น ใน รุ่นท็อปยังมีความพิเศษอีกอย่างคือ มีที่วางแขนด้านหลังที่จะมีแผงควบคุมแบบดิจิตอล จะปรับอุณหภูมิของแอร์ หรือจะเปลี่ยนเพลงที่ชอบ ก็ง่ายแค่ปลายนิ้วสัมผัส ส่วนรุ่นที่เหลือลงมา ตรงนั้น จะเป็นที่วางแก้ว

จากการทดลองนั่ง ผู้เขียนสูง180 กว่าๆ เบาะหน้าอยู่ในระดับที่ดี พื้นที่เหนือศรีษะเหนือเยอะ  แต่เบาะหลัง นั่งปกติก็พอได้ แต่เหลือพื้นที่ตรงหัวน้อยไปหน่อย ประมาณนิ้วเดียว คาดกว่าเกิดจากความพยายามในการกดตัวรถให้เตี้ยลงนั่นเอง

เบาะคู่หน้าของทุกรุ่น ปรับได้ 8 ทิศทางพร้อมปุ่มดันหลังไฟฟ้า ยังมีพัดลมใต้เบาะและพนักพิงช่วยลดความอับชื้น
มีระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่ง กระจกมองข้างและพวงมาลัยของผู้ขับด้วย
เบาะนั่งด้านหลังที่สามารถปรับเอนได้ (Rear Reclining Seat)
ที่วางแขนด้านหลังที่จะมีแผงควบคุมแบบดิจิตอล ดูหรูหรา มีเฉพาะตัวท็อป
ที่วางแขนด้านหลังที่จะมีแผงควบคุมแบบดิจิตอล จะปรับอุณหภูมิของแอร์ หรือจะเปลี่ยนเพลงที่ชอบ ก็ง่ายแค่ปลายนิ้วสัมผัส

ส่วนระบบปรับอากาศ รุ่น 2.5 hv Premium เพียงรุ่นเดียว ที่ เป็นแบบแยกอิสระ 3 โซน ซ้ายขวาและด้านหลัง พร้อมระบบกรองอากาศในห้องโดยสาร ส่วนที่เหลือ เป็นแบบอัตโนมัติ 2 โซนปรับอิสระแยกซ้ายขวา

Toyota Camry ใหม่ยังเพิ่มความสะดวกสบายมาให้ อีก เช่นระบบ Wireless charger ที่สามารถชาร์จไฟแบบไร้สายได้ ช่องต่อ USB ด้านหลัง 2 ช่อง ม่านบังแดดไฟฟ้ากระจกหลัง และประตูหลัง

Toyota Camry ใหม่ ทุกรุ่น มาพร้อมระบบสตาร์ทอัตโนมัติเปิดประตูอัจฉริยะ หรือ Push start and Smart Entry พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน มีแป้นเปลี่ยนเกียร์บนพวงมาลัย หรือ Paddle Shift มาให้ด้วยในทุกรุ่นยกเว้นรุ่น 2.0 G ช่วยให้ควบคุมเปลี่ยนเกียร์โดยไม่ต้องละมือจากพวงมาลัย นอกจากนี้ยังมีระบบตรวจวัดแรงดันลมยางอัตโนมัติ มีหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้ารถให้ในรุ่น 2.5 hv Premium จะแสดงทั้งรอบเครื่องยนต์และอัตราความเร็ว ข้อดีคือทำให้ไม่ต้องละสายตาเมื่อขับขี่ จอแสดงข้อมูลแบบ TFTขนาด 7 นิ้ว ส่วนรุ่น 2.5 G และ 2.0 G เป็นขนาด 4.2 นิ้ว มีระบบหน่วงแรงเบรกอัตโนมัติ และระบบเบรคมือไฟฟ้า ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ

ม่านบังแดดไฟฟ้ากระจกหลัง และประตูหลัง
พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน มีแป้นเปลี่ยนเกียร์บนพวงมาลัย หรือ Paddle Shift ในรุ่น 2.5G และ รุ่นไฮบริด
จอแสดงข้อมูลแบบ TFTขนาด 7 นิ้ว เฉพาะรุ่นไฮบริด

ส่วนความบันเทิง มี เครื่องเล่น DVD แบบหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว ลำโพง JBL 9 จุด ซึ่ง JBL พัฒนาให้กับ Toyota Camry ใหม่โดยเฉพาะ วันที่ทดสอบ ทาง Toyota นำเจ้าหน้าที่ของ JBL มาสาธิตและลองให้เรานั่งฟังเลยทีเดียว โดย JBL ได้ทำการวางลำโพงเสียงเบส ไว้ในช่วงท้ายของรถเป็นทางยาว นอกจากนั้น ยังฟังเสียงเบสไว้บริเวณประตูทุกด้าน ส่วนเสียงกลางอยู่ด้านหน้าคู่กับเสียงแหลม จากที่ลองฟังแล้ว อยู่ในระดับที่ใช้ได้ ทิศทางเสียงดี แต่บริเวณด้านหน้ายังขาดเสียงเบสไปนิด แล้วจะเพราะมากๆเลย

ข่าวร้ายคือไอ้ที่บอกมา มีแค่อยู่ในรุ่นท็อป ส่วนอีก 3 รุ่นที่เหลือคุณจะได้เครื่องเล่น DVD พร้อมลำโพง 6 ตำแหน่ง และจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว เท่านั้น

ส่วนระบบ T-Connect Telematics ระบบที่เชื่อมต่อรถและผู้ใช้รถ ช่วยให้อัพเดตสถานะรถได้ตลอดเวลา ทั้งตรวจสอบตำแหน่งรถผ่านสมาร์ทโฟน แจ้งเตือนเมื่อรถเคลื่อนออกจากบริเวณที่กำหนด ตรวจสอบรถได้เมื่อถูกโจรกรรม ก็มีเฉพาะรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริดเท่านั้น

หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว
ลำโพง JBL 9 จุด ซึ่ง JBL พัฒนาให้กับ Toyota Camry ใหม่โดยเฉพาะ
ลำโพง JBL 9 จุด

มาดูกันที่เครื่องยนต์กันบ้าง รุ่น 2.5 G ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร Dynamic Force รหัส A25A-FKB แบบ vvt-IE 209 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตรที่ 5,000 รอบต่อนาที มาพร้อมกับชุดเกียร์ใหม่ คือ เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ให้อัตรา อัตราการประหยัดน้ำมันตาม Eco Sticker อยู่ที่ 15.6 กิโลเมตรต่อลิตร ส่วน รุ่น 2.0 G เป็นเครื่องยนต์รหัส 6AR-FBS ขนาด 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 167 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 199 นิวตันเมตร พี่ 4,600 รอบต่อนาที มีหนึ่งอย่างที่รุ่นอื่นไม่มี คือมีระบบตัดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติหรือ Start-Stop System โดยทั้งสองเครื่องยนต์นี้รองรับน้ำมัน E 85

สำหรับรุ่นไฮบริด ทั้ง 2 ตัว ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร รหัส A25A-FXS กำลังสูงสุด 178 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 221 นิวตันเมตร ที่ 3,600 ถึง 5,200 รอบต่อนาที ไม่รองรับน้ำมัน E85 มาพร้อมกับไฮบริดเจเนอเรชั่นที่ 4 ที่โตโยต้าบอกว่าแบตเตอรี่จะเล็กลงแต่เก็บประจุไฟฟ้าได้เร็ว ทนทานมากขึ้น โดยมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 88 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 202 นิวตันเมตร โดยเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกันให้กำลังสูงสุด 211 แรงม้า จับคู่กับเกียร์ E-CVT ซึ่งระบบจะใช้กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าสำหรับเดินทางหลายรอบความเร็วต่ำ

จากที่ทดลอง ความเร็วสูงสุดที่มอเตอร์ไฟฟ้าทำงานอยู่ที่ระดับ 50 กม./ชม. (เท้านิ่งๆเคยได้สูงสุด 60 กม./ชม. ) อัตราการประหยัดน้ำมันตาม Eco Sticker ดูที่ 25 กิโลเมตรต่อลิตร ทั้งนี้โตโยต้ารับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี และรับประกันระบบ Hybrid 5 ปี

เครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร
มีโหมดขับขี่มาให้ Normal Eco Sport และ โหมด EV หรือไฟฟ้า พร้อมปุ่มเบรกมือไฟฟ้าใกล้ๆ

ส่วนระบบความปลอดภัย จัดว่าเป็นจุดเด่นของรถคันนี้เหมือนกัน Toyota Camry ใหม่ เฉพาะรุ่น 2.5 hv Premium จัดมาเต็ม เช่น ระบบความปลอดภัยก่อนการชน ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยหน่วงอัตโนมัติหรือ Lane Keeping Assist ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ หรือ Automatic High Beams ระบบควบคุมและปรับลดความเร็วอัตโนมัติ หรือ Dynamic Radar Cruise Control ส่วนรุ่นที่เหลือเป็น Cruise control แบบธรรมดา

ส่วนที่มีครบทุกรุ่นเช่นระบบกุญแจนิรภัย immobilizer และสัญญาณเตือนการโจรกรรม ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน กล้องมองภาพขณะถอยหลังพร้อมเส้นนำทางการถอย ระบบช่วยเตือนขณะถอยจอด หรือRear Cross Traffic Alert ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง หรือ Blind Spot Monitor มีสัญญาณเตือนกะระยะด้านท้ายและมุมกันชนทั้งสี่มุม ส่วนระบบความปลอดภัยทั่วไปก็มีมาให้ เช่นระบบป้องกันล้อหมุนฟรี หรือ Traction Control System (TRC) ระบบควบคุมการทรงตัว หรือ Vehicle stability control (VSC) และระบบป้องกันล้อล็อก ABS กระจายแรงเบรก EBD และระบบเสริมแรงเบรก BA

ยังจัดหนักถุงลมนิรภัยมาให้ถึง 9 ตำแหน่งมากกว่าเจ้าอื่น เฉพาะรุ่น 2.5 hv Premium เท่านั้น ที่เหลือลงมาคุณจะได้ถุงลม 7 ใบ จุดที่หายไปคือถุงลมเสริมความปลอดภัยด้านข้างเบาะหลัง

สำหรับการทดสอบการขับขี่ รุ่นเครื่องไฮบริด และ 2.5 G ในสนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต  เริ่มจากการออกจากปากทางพิต สู่ทางตรงขับไปเข้าสถานีสลาลอมที่ความเร็ว 60 กม./ชม. ต่อเนื่องด้วยการเปลี่ยนเลนกะทันหันที่ความเร็ว 70- 80 กม./ชม. แล้วต่อด้วยการเข้าโค้งซ้ายกว้างด้วยความเร็ว 120 กม./ชม. จากนั้น Instructor ทดลอง เปลี่ยนโหมดการขับเป็น Sport สลาลอมที่ความเร็วสูงมากขึ้น

ให้อารมณ์การขับขี่ที่ดี มีความมั่นใจเพิ่มขึ้น โดยส่วนตัวเห็นว่า อารมณ์ความรู้สึกของรุ่น 2.5 G จะให้ความรู้สึกช่วงล่างที่ค่อนข้างดีกว่ารุ่นเครื่องไฮบริดทั้ง 2 ตัว อาจจะเป็นเพราะขนาดของล้อและยาง ที่ช่วยลดอาการโคลงของตัวรถเวลาเข้าโค้งที่ความเร็วสูง จนรู้สึกเหมือนเราไม่ได้กำลังขับรถที่น้ำหนัก1.65 ตัน แต่กำลังขับขับรถเก๋งคันเล็กๆอยู่  เครื่องยนต์ตอบสนองในระดับที่รับได้ ด้วยน้ำหนักมาก อาจไม่ได้ออกตัวแรงสะใจ แต่ให้ความรู้สึกดีกว่าตัวเก่าแน่ ส่วนในรุ่น 2.5 G การใช้ Paddle Shift มีจังหวะหน่วงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร

ส่วนการทดสอบประหยัดน้ำมัน มีการแข่งขัน เส้นทางจราจรจริง จากบุรีรัมย์ถึงสุรินทร์ ระยะทางประมาณ 60 กิโลเมตร จับเวลาใน 1 ชั่วโมง ผู้เขียนขับรุ่น Hybrid ได้ 27.8 กม./ลิตร อันนี้คือเท้านิ่งมาก ลงจากรถมาขาแข็งเลยทีเดียว เพราะมันเป็นการทดสอบแข่งขัน แต่ถ้าใช้จริง น่าจะอยู่ที่ราวๆ 20 กว่าๆกิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือต่ำกว่านั้น ส่วนรุ่น 2.5 G ที่พี่ผู้สื่อข่าวนั่งไปด้วยกันขับแข่งขันนั้น ได้ที่ประมาณ 18 กิโลเมตรต่อลิตร ใช้จริงน่าจะอยู่ที่ราวๆ 13-14 กิโลเมตรต่อลิตร

ส่วนเรื่องความเร็ว การเบรก อารมณ์พวงมาลัย การขับขี่ในสภาพถนนจริงด้วยความเร็วปกติ การเก็บเสียงในย่านความเร็วสูง อะไรนั้น ขอออกตัวขอโทษไว้ก่อนเลย ผู้เขียนไม่ได้มีโอกาสได้ทดสอบ

ถามว่ารถคันนี้เหมาะกับใคร Toyota Camry จัดว่าเป็นรถที่ขับสนุก ให้ความมั่นใจได้ดีระดับหนึ่ง และผู้เขียนมั่นใจได้ว่า ถ้าผ่านได้ไปขับก็จะรู้สึกดี ส่วนจะสวยงามถูกใจหรือไม่ก็แล้วแต่ผู้อ่าน ส่วนตัวมองว่าสวยและดีไซน์ของโตโยต้ารอบนี้ กล้าที่จะแตกต่างกว่าเดิม เบาะนั่งทั้งด้านหน้าและด้านหลังค่อนข้างสบาย โดยเฉพาะด้านหลังสามารถปรับเอนได้ด้วย  เหมาะกับผู้บริหารโดยแท้ แถมรุ่นท็อป ยังมีแผงสั่งการต่างๆแบบสัมผัส บริเวณที่วางแขน เท่ไม่เบา Toyota Camry ยังจัดความบันเทิงและระบบเครื่องเสียงในระดับที่ดีมาให้ ทั้งหมดนี้ต้องแลกมากับราคาเฉียด 1.8 ล้าน ส่วนรุ่นอื่นๆที่เหลือนั้น Option เด่นๆด้านความปลอดภัย จะหายไปทันที ก็อยู่ที่ว่าผู้บริโภคจะเลือกเอาให้เหมาะสมและเงินในกระเป๋าแล้วกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นทั้งหมดเป็นเพียงความเห็นจากคนๆเดียวที่ได้ทดสอบสั้นๆ ขอแนะนำให้ผู้ที่สนใจต้องไปทดลองขับที่โชว์รูม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image