ย้อนตำนาน “ฮอนด้า ซีวิค” บทพิสูจน์43ปี เส้นทางสู่รถเก๋งยอดนิยม

ฮอนด้า ซีวิค กำเนิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.1972 และนับตั้งแต่นั้นมายนตรกรรมต้นแบบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของฮอนด้า รุ่นนี้ก็ได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับความต้องการของผู้ใช้รถทั่วโลกในทุกยุคทุกสมัย จวบจนถึงปัจจุบันรวมระยะเวลา 43 ปี โดยมีพื้นฐานแนวคิดแห่งการสร้างสรรค์และพัฒนาคือ การออกแบบเทคโนโลยียานยนต์ให้ก้าวล้ำนำสมัยอยู่เสมอ พร้อมทั้งตอบสนองความต้องการของผู้ใช้รถให้ได้มากที่สุด

พบกับเรื่องราวของฮอนด้า ซีวิค ทั้ง 9 รุ่น สำหรับบทพิสูจน์กว่า 43 ปี แห่งการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ของฮอนด้า ซีวิค สู่ความเป็นยนตรกรรมอันมีเอกลักษณ์

1.ฮอนด้า ซีวิค รุ่นที่ 1 (ค.ศ.1972-1979) : จุดกำเนิดของนวัตกรรม

1
นับเป็นการพัฒนาครั้งสำคัญของโลก และเป็นจุดกำเนิดของนวัตกรรมของฮอนด้า ซีวิค นั่นคือการนำเสนอเครื่องยนต์ CVCC หรือ Compound Vortex Controlled Combustion (คอมปาวด์ วอร์เท็กซ์ คอนโทรล คอมบัสชั่น) เป็นเครื่องยนต์รุ่นแรกที่สามารถผ่านมาตรฐานมัสกี้ แอ๊ก (Muskie Act) หรือกฎหมายควบคุมมลพิษในไอเสียเข้มงวดที่สุดในสหรัฐอเมริกา โดยออกแบบเพื่อให้เป็นรถยนต์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและประหยัดน้ำมัน และยังถือเป็นครั้งแรกที่ฮอนด้า ซีวิค ได้พลิกโฉมประวัติศาสตร์การออกแบบรถยนต์คอมแพกต์ กลายเป็นมาตรฐานสำหรับรถยนต์ทั่วโลกด้วยการออกแบบที่มีลักษณะเป็นทรง 2 มิติ (Two-box Styling) วางเครื่องยนต์ไว้ด้านหน้าพร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหน้า และยังเป็นครั้งแรกที่ขยายสายผลิตภัณฑ์ด้วยการนำเสนอระบบเกียร์อัตโนมัติ

2.ฮอนด้า ซีวิค รุ่นที่ 2 (1979-1983) : รถยนต์คุณภาพแห่งยุค 80’s

2
ตอกย้ำความสำเร็จของเครื่องยนต์จากรุ่นแรกด้วยการพัฒนาเครื่องยนต์สำหรับรุ่นที่ 2 ด้วยเครื่องยนต์ CVCC-II เพิ่มประสิทธิภาพในการเผาไหม้และช่วยให้เครื่องยนต์ทรงพลังมากขึ้น ส่งผลให้ฮอนด้า ซีวิค เป็นรถยนต์ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น มีการแนะนำโฉมใหม่ ทั้งในรูปแบบของรถคันทรี สเตชั่น แวกอน (Country Station Wagon) และแบบรถยนต์ 4 ประตู เป็นยนตรกรรมแห่งยุค 80?s (เอจท์ตี้)

Advertisement

3.ฮอนด้า ซีวิค รุ่นที่ 3 (1983-1987) : ความสำเร็จทั้งในเอเชีย สหรัฐอเมริกา และยุโรป

3
ด้วยคอนเซ็ปต์ในการพัฒนาฮอนด้า ซีวิค รุ่นที่ 3 นี้ คือ แม็กซิมั่ม สเปซ ฟอร์ พีเพิล, มินิมั่ม สเปซ ฟอร์ แมคคานิซึม (maximum space for people, minimum space for mechanisms) เป็นการมอบพื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวางขึ้นเพื่อความสะดวกสบายของผู้ใช้รถ ส่งผลให้ฮอนด้า ซีวิครุ่นนี้มีรูปแบบหลากหลายมากขึ้น ทั้งแบบแฮทช์แบ๊ก 3 ประตู ซีดาน 4 ประตู และแบบชัตเทิล 5 ประตู (shuttle) และเป็นครั้งแรกที่เผยโฉมฮอนด้า ซีวิค เอสไอ เครื่องยนต์ดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (DOHC) เทคโนโลยีเฉพาะในรถแข่งฟอร์มูล่าวันเท่านั้น ส่งผลให้เป็นรุ่นที่ได้รับกระแสความนิยมอย่างล้นหลามในยุคนั้นด้วยนวัตกรรมล้ำหน้า การออกแบบของหลังคายาวมากขึ้น ฮอนด้า ซีวิคได้รับรางวัลคาร์ ออฟ เดอะ เยียร์ (Car of the Year) ในประเทศญี่ปุ่น ปี 1984 และในปีเดียวกัน ฮอนด้า ซีวิค ได้รับคะแนนสูงสุดจากการทดสอบอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันจาก ยู.เอส. เอ็นไวรอนเมนทัล โปรเท็กชั่น เอเยนซี่ (U.S. Environmental Protection Agency) นอกจากนี้ ฮอนด้า ซีวิค รุ่นที่ 3 ยังเป็นรุ่นแรกที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยก่อนเริ่มมีการประกอบและจำหน่ายในประเทศในรุ่นถัดไป

4.ฮอนด้า ซีวิค รุ่นที่ 4 (1987-1991) : อีกขั้นแห่งยนตรกรรมเร้าใจสไตล์สปอร์ต

รุ่นนี้เป็นอีกรุ่นที่สนองตอบทุกความต้องการของผู้ใช้รถด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีการออกแบบเพื่อการขับขี่ที่สะดวกสบายและสนุกเร้าใจสไตล์สปอร์ต อาทิ ระบบกันสะเทือนดับเบิลวิชโบน เป็นปีกนก 2 ชั้น ทั้ง 4 ล้อ เป็นเทคโนโลยีมีเฉพาะในรถแข่งฟอร์มูล่าวันและรถสปอร์ตเท่านั้น สำหรับตัวถังได้รับการออกแบบให้ลู่ลมและกว้างขวางขึ้น อีกทั้งยังนำเสนอเครื่องยนต์วีเทค (VTEC) ระบบทวินแคม (Twin Cams) เพิ่มประสิทธิภาพในการเปิด-ปิดวาล์ว สอดคล้องกับรอบของเครื่องยนต์ ทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างราบรื่นในรอบความเร็วต่ำ และช่วยให้เร่งเครื่องได้อย่างไม่สะดุดที่รอบความเร็วสูง

5.ฮอนด้า ซีวิค รุ่นที่ 5 (1991-1995) : พลิกโฉมการออกแบบรูปลักษณ์ครั้งสำคัญ

5

Advertisement

ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของฮอนด้า ซีวิค กับการพลิกโฉมให้มีรูปทรงโค้งมน เป็นการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์เพื่อลดแรงต้านทานและเพิ่มการลู่ลม การออกแบบตัวถังภายในตอบความต้องการของคนรุ่นใหม่ในยุค 90?s (ไนน์ตี้) เป็นโครงสร้างตัวถังแซมบ้า ได้รับแรงบันดาลใจมาจากคอนเซ็ปต์งานคาร์นิวัลในกรุงรีโอเดจาเนโร เน้นพลังและความมีชีวิตชีวาในทุกด้าน เป็นการเปลี่ยนแปลงสู่ความปลอดภัยด้วยการติดตั้งเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัย มีเฉพาะในรถยนต์ระดับหรูเท่านั้น อาทิ ป้องกันการหลุดโค้งด้วยระบบควบคุมการทรงตัว (TCS) ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) และระบบป้องกันการลื่นไถล (LSD)

6.ฮอนด้า ซีวิค รุ่นที่ 6 (1995-2000) : เปี่ยมด้วยสมรรถนะ ความปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

6
ฮอนด้า ซีวิค ยังคงพัฒนาโครงสร้างตามหลักอากาศพลศาสตร์และโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ตอบรับความต้องการของผู้ใช้รถในยุคนั้น คำนึงถึงสมรรถนะของเครื่องยนต์สูงขึ้น ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยเครื่องยนต์ VTEC เอกลักษณ์เฉพาะของฮอนด้า

7.ฮอนด้า ซีวิค รุ่นที่ 7 (2000-2005) : มาตรฐานความปลอดภัยที่เหนือระดับ สร้างบรรทัดฐานใหม่แก่วงการยานยนต์

7

ใช้โครงสร้างตัวนิรภัยจี-คอน (G-CON) เพื่อช่วยปกป้องห้องโดยสารจากการชนรอบทิศทาง ทำให้ฮอนด้า ซีวิค รุ่นที่ 7 เป็นรถยนต์ที่มีเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยสูงสุด ประกอบกับแนวคิดการออกแบบและพัฒนาเพื่อให้เป็นมาตรฐานของรถยนต์ระดับคอมแพกต์ ส่งผลให้ฮอนด้า ซีวิคมีพื้นที่ห้องโดยสารกว้างขวางมากยิ่งขึ้น ประหยัดน้ำมัน และให้การขับขี่ที่นุ่มนวล รวมถึงเปลี่ยนแปลงด้านการออกแบบด้วยการผสมผสานระหว่างตัวถังแบบทรงกล่อง และเพิ่มความโค้งมนให้กลมกลืนมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังนับเป็นครั้งแรกที่มีการจำหน่ายเครื่องยนต์ไฮบริดในสหรัฐอเมริกา ผ่านการรับรองว่าเป็นรถยนต์ปล่อยไอเสียเป็นศูนย์ และมีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ 19.5 กม./ลิตร

8.ฮอนด้า ซีวิค รุ่นที่ 8 (2005-2012) : ยนตรกรรมระดับโลกอย่างแท้จริง

8

อีกครั้งที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ฮอนด้า ซีวิค รุ่นที่ 8 ได้รับการผลิตใน 6 ภูมิภาคทั่วโลก เครื่องยนต์ใหม่มีขนาดเล็กลง แต่มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ และให้ประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันสูงสุด ได้รับเสียงตอบรับจากทั่วโลกว่าเป็นรุ่นที่สวยที่สุดและมียอดจำหน่ายสูงสุดด้วยเช่นกัน

9.ฮอนด้า ซีวิค รุ่นที่ 9 (2012-2016) : ยกระดับความหรูหรา สะดวกสบายด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย

9

ภายใต้แนวคิดในการพัฒนาฮอนด้า ซีวิค ให้เป็นยนตรกรรมที่โดดเด่นแห่งอนาคต ฮอนด้า ซีวิค รุ่นที่ 9 นี้ได้รับการพัฒนาขึ้นภายใต้ความประณีตและหรูหรายิ่งขึ้น และยังคงเน้นการเป็นรถยนต์ประหยัดพลังงานมากที่สุด รองรับการใช้พลังงานทางเลือก E85 เป็นครั้งแรกที่มีเทคโนโลยีไอ-มิด (i-Mid) หน้าจอแสดงข้อมูลแบบอัจฉริยะ

ฮอนด้า ซีวิค ทั้ง 9 รุ่นได้วิวัฒนาการเทคโนโลยียานยนต์ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นตลอด 43 ปี และไม่เกินเดือนมีนาคมนนี้ ฮอนด้า ซีวิค รุ่นที่ 10 เตรียมจะเปิดตัวในตลาดประเทศไทย ส่วนจะพัฒนามาตรฐานรถยนต์อย่างไร คงต้องคอยติดตามชม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image