BMW 330e “เอ็ม สปอร์ต” ล้ำสมัย”อี-ไดรฟ์”ปลั๊กอิน แรงจัด-ประหยัด 41.7 กม./ลิตร

กระแสรถไฟฟ้ายังคงมาแรง ค่ายรถทั่วโลกต่างพัฒนารถยนต์ใช้พลังงานไฟฟ้าไปไกลหลายรุ่น

ล่าสุด บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ก้าวไปอีกขั้นด้วยการประกาศบุกตลาดรถยนต์เทคโนโลยีปลั๊กอิน ไฮบริด ในรถยนต์ BMW 330e M Sport (เอ็ม สปอร์ต)

ถือเป็นการสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู ในประเทศไทยได้อีกสเต็ป

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้เริ่มต้นการประกอบทั้ง 2 รุ่นของ

Advertisement

บีเอ็มดับเบิลยู ไอเพอร์ฟอร์แมนซ์ (iPerformance) ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์ไฟว์ เอ็กซ์ไดรฟ์ 40อี (X5 xDrive40e) และ BMW 330e ปลั๊กอินไฮบริด ที่โรงงานในประเทศไทย ในช่วงครึ่งหลังของปี 2559

เป็นความต่อเนื่องจากการเริ่มเปิดตัวเทคโนโลยีในระบบปลั๊กอินไฮบริด รถยนต์บีเอ็ม

ดับเบิลยู i8 เมื่อปี 2557 เป็นการประกาศนโยบายนำพลังงานเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มาสู่ถนนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง

Advertisement

สำหรับ BMW 330e M Sport รถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริด เน้นโชว์ความประหยัดน้ำมันด้วยเทคโนโลยี ไอเพอร์ฟอร์แมนซ์ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ขุมพลังเบนซิน 4 สูบ บีเอ็มดับเบิลยู ทวินเพาเวอร์ เทอร์โบ (BMW TwinPower Turbo) อันลือลั่น กวาดรางวัล เอ็นจิ้น ออฟ เดอะ เยียร์ (International Engine of the Year) มาแล้วถึงสองครั้ง กำลังสูงสุด 135 กิโลวัตต์ หรือ 184 แรงม้า แรงบิดหรือทอล์ค 290 นิวตันเมตร

49

ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้าจัดกำลังเพิ่มเติมสูงสุดให้อีกชุด 65 กิโลวัตต์ 88 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ตอบสนองฉับไวประเภทกดเป็นมา คันเร่งไฟฟ้าตอบสนองได้ดี ทำงานประสานกับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ พร้อมทริปทรอนิกหรือแป้นเปลี่ยนเกียร์ด้านหลังพวงมาลัย ยิ่งทำให้การขับขี่ทำได้สนุกขึ้นมากมาย

อัตราเร่ง จาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ในเวลาเพียง 6.1 วินาที ด้วยศักยภาพของระบบไฮบริด ส่วนความเร็วสูงสุดตามข้อมูลจากทางบีเอ็มฯ แจ้งเป็น 225 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

50

จุดเด่นของ BMW 330e M Sport อีกข้อคือ รองรับการขับขี่โดยใช้พลังไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ที่ความเร็วสูงสุด 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเมื่อใช้งานร่วมกัน เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าชุดนี้จะมอบกำลังสูงถึง 185 กิโลวัตต์ หรือ 252 แรงม้า จึงเป็นที่มาของการตอบสนองของคันเร่งได้ดั่งใจนั่นเอง

ถึงจะแรงจัด แต่ยังประหยัดน้ำมันด้วยอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 41.7 กิโลเมตรต่อลิตร ระดับมลภาวะตราการปล่อย คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ที่ 57 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น

บีเอ็มฯมั่นใจว่าเป็นอัตราน้อยที่สุดเป็นอันดับหนึ่งในประเทศไทยสำหรับประเภทรถยนต์นั่งแบบซีดาน ส่วนรถปล่อย CO2 น้อยที่สุดอันดับหนึ่งในรถยนต์ทุกประเภท รวมถึงรถยนต์ อีโค คาร์ คือ BMW i8 ปล่อย CO2 ที่ 49 กรัมต่อกิโลเมตร

เทคโนโลยีปลั๊กอิน ไฮบริด ประเภทนี้ของบีเอ็มฯ จะเห็นประสิทธิภาพได้แบบจะจะในการขับขี่ในตัวเมือง โดยเฉพาะปล่อยมลภาวะออกจากท่อไอเสียน้อยมาก แบตเตอรี่รถสามารถชาร์จได้กับปลั๊กไฟบ้านทั่วไปด้วยสายชาร์จเก็บอยู่ใต้พื้นที่เก็บของ แบตเตอรี่ของ BMW 330e M Sport จะชาร์จไฟได้เต็มในเวลาราว 3 ชั่วโมง

51

ส่วนการตกแต่งชุดเอ็มสปอร์ตไม่ต้องพูดถึง คันที่ทดลองขับภายในแซ่บเว่อร์ด้วยเบาะสีแดงโอบกระชับนั่งสบายสไตล์สปอร์ตหรู ระบบความบันเทิงมาแบบเต็มพิกัด แบบย่อโลกมาไว้ในรถด้วยระบบเครือข่ายสื่อสารทั้งแบบทัชสกรีนบนจอคล้ายแท็บเล็ต จอภาพขนาด 8.8 นิ้วหรือการสั่งงานด้วยเสียง เครื่องเสียงนุ่มหูขับเสียงดนตรีได้ละเอียดได้ระดับไฟหน้าแบบ LED กล้องมองหลังของตัวรถ ระบบแผนที่นำทาง แอพพลิเคชั่น BMW สำหรับมือถือสมาร์ทโฟน ราคา 3.099 ล้านบาท

โดยรวมแล้ว 330e เอ็มสปอร์ต อีไดรฟ์ ครบเครื่องด้านสมรรถนะ ไม่มีข้อสงสัยในพลังขับเคลื่อน การตกแต่งมาแบบสปอร์ตเต็มพิกัด แถมประหยัดแบบได้ใจ เหมาะสำหรับผู้บริหารรุ่นใหม่ ชื่นชอบเทคโนโลยีแถมรักษ์สิ่งแวดล้อมอะไรประมาณนั้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image