“ฮอนด้า บีอาร์-วี” มินิเอสยูวี-ทุบตลาดเก๋ง

โหมโรงกันมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว รถยนต์รุ่นใหม่ของค่าย “ฮอนด้า” อย่าง “บีอาร์-วี” (BR-V) ด้วยการปล่อยโฆษณาทั้งทีวี-สิ่งพิมพ์ และส่งข่าวประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง

ด้วยคอนเซ็ปต์ “How BRAVE are we?-ให้ความกล้าพาชีวิตไปให้สุด”

“บีอาร์-วี” เป็นรุ่นที่ฮอนด้า ผลิตขึ้นมาเพื่อเจาะตลาดเอเชีย-แปซิฟิกโดยเฉพาะ และเลือกเปิดตัวครั้งแรกในโลกที่อินโดนีเซีย ซึ่งถือว่าเป็นตลาดใหญ่ของรถเซ็กเมนต์นี้

ในเมืองไทยนั้น ฮอนด้า หมายมั่นปั้นมือว่า “บีอาร์-วี” จะมาเติมเต็มในทุกเซ็กเมนต์ของกลุ่มรถเอสยูวี (SUV-Sport Utility Vehicle) หรือรถตรวจการณ์อเนกประสงค์ ซึ่งครองความเป็นเต้ยอยู่

Advertisement

เพราะ “ซีอาร์-วี” เป็นเอสยูวีที่จับตลาดบน และ “เอชอาร์-วี” จับตลาดกลาง สร้างกระแสและยอดขายดีต่อเนื่อง

“บีอาร์-วี” จึงตามมาเพื่อเจาะตลาดระดับล่าง เพราะตั้งราคามาใกล้เคียงกับ “ซิตี้คาร์”

จริงๆ แล้วตอนแรกที่ทราบข่าวการมาของบีอาร์-วี ผมยังทะแม่งๆ อยู่นิดหน่อย เพราะทราบว่าใช้พื้นฐานของอีโคคาร์ “ฮอนด้า บริโอ”

ซึ่งก็สงสัยว่ารุ่นนี้จะตบตีกับ “ฮอนด้า โมบิลิโอ” ที่ฮอนด้าบอกว่าเป็นกลุ่ม “เอ็มยูวี” (MUV-Military Utility Vehicle) เป็นรถที่คล่องตัว สะดวกสบาย และความประหยัด หรือเปล่า

เนื่องจากทั้งคู่ถือว่าเป็น “คู่แฝด” ที่ใกล้เคียงกันมาก

เพราะโมบิลิโอเองก็ใช้พื้นฐานของบริโอเช่นกัน

อีกทั้งรูปร่างหน้าตาก็ดูจะใกล้เคียงกันระดับหนึ่ง

เครื่องยนต์เองก็ใกล้เคียง เป็นบล็อกที่ใช้ในแจ๊ซ และซิตี้

เบาะนั่งภายในยิ่งแล้วใหญ่ เพราะมีให้เลือกทั้งแบบ 5 และ 7 ที่นั่งเหมือนโมบิลิโอ และปรับ-พับเบาะในลักษณะเดียวกันด้วย

เพียงแต่หน้าตาภายนอก และการตกแต่งภายในรวมถึงการออกแบบคอนโซลหน้านั้น บีอาร์-วี ดูดุดันและไฮโซกว่า

ฮอนด้า ระบุว่า บีอาร์-วี เป็นรถในกลุ่มแอ๊กทีฟสปอร์ตครอสโอเวอร์ เจาะลูกค้าระดับซับคอมแพ็กต์ หรือกลุ่มซิตี้คาร์

หน้าภายนอกดูคมเข้มตามสไตล์เอสยูวี กระจังหน้าเด่นด้วยเส้นคาดโครเมี่ยมขนาดใหญ่ อารมณ์คล้ายรุ่นซิตี้อยู่บ้าง

ไฟหน้าโปรเจ็กเตอร์ พร้อมไฟหรี่แบบ LED และไฟท้ายแบบ LED ดีไซน์รูปตัว C แต่มีแผงสีแดงเชื่อมถึงกันพาดกลางประตูท้าย

ต่ำลงมาจากไฟหน้าเป็นไฟตัดหมอกทรงกลมกรอบสีเงินเช่นกัน เพื่อให้เข้ากับกระจังหน้า ด้านล่างติดตั้งการ์ดสีเงินดูคมมากขึ้น

โป่งล้อพร้อมคิ้วสีดำ ล้อโตขนาด 16 นิ้วกำลังเหมาะ

ด้านข้างนี่ได้อารมณ์ “โมบิลิโอ” สุดๆ มีเหลี่ยม มีสัน และเส้นสายเหมือนกัน

ชายล่างด้านข้างเป็นสีดำแต่ตัดด้วยเส้นสีโครเมี่ยมเช่นกัน เพื่อให้เข้ากับด้านหน้าและหลัง

ด้านบนติดราวหลังคามาให้ด้วย

ภายในเน้นโทนดำออกแบบด้วยความหรูหรา คอนโซลหน้ามีกลิ่นอายของรุ่นแจ๊ซ และซิตี้ ไม่ว่าจะเป็นเส้นสาย รูปแบบช่องแอร์รวมไปถึงแผงหน้าปัดและพวงมาลัย

เน้นสีดำตัดกับเส้นสายโครเมียม เพื่อให้รับกับภายนอก

โดยพวงมาลัยแบบแรคแอนด์พีเนี่ยน ผ่อนแรงด้วยระบบไฟฟ้า

มาตรวัดเรืองแสงสีขาว พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID ไฟแสดงผลการขับขี่แบบประหยัด และเทคโนโลยีล้ำสมัย

เช่น ระบบสตาร์ตเครื่องยนต์อัจฉริยะ (One Push Ignition System) และระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ (Honda Smart Key System) มอบความสะดวกสบายในการเข้า-ออกตัวรถ

ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 6.1 นิ้ว ที่รองรับระบบ iOS และ Android เชื่อมต่อภาพและเสียงได้อย่างง่ายดายผ่านช่องเชื่อมต่อ HDMI, USB และ AUX อีกทั้งระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย (Bluetooth)

ส่วนคันเกียร์กับฐานรองยกชุดมาจากรุ่นพี่ และคู่แฝดอย่างโมบิลิโอ แบบไม่ต้องดัดแปลงใดๆ

เครื่องยนต์เป็นบล็อกเดียวกับซี้ตี้ และแจ๊ซ เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร SOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว กำลังสูงสุด 117 แรงม้า แรงบิด 146 นิวตันเมตร รองรับพลังงานทางเลือก E85

ระบบเกียร์ CVT ใหม่ ที่พัฒนาภายใต้เอิร์ธดรีมเทคโนโลยี

ความปลอดภัยครบครัน อาทิ ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก (EBD) ระบบควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA) ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) ถุงลมคู่หน้า (Dual SRS)

พร้อมเพิ่มความสะดวกสบายในขณะถอยหลัง ด้วยกล้องส่องภาพด้านหลัง (Rearview Camera) เพื่อความมั่นใจในทุกการขับขี่

ช่วงล่างเป็นแบบยอดนิยม ด้านหน้าแม็กเฟอร์สันสตรัต พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังทอร์ชั่นบีม แบบ H-shape

มิติตัวถัง (กว้างยาวสูง) 1,666 x 4,456 x 1,666 ม.ม.

ความกว้างแคบกว่าโมบิลิโอ นิดหน่อย แต่ความยาวและความสูงเหนือกว่า

ความน่าสนใจหนึ่งของรถประเภทนี้คือการปรับเปลี่ยนเบาะนั่ง เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกของ

ฮอนด้า บีอาร์วี (ภายใน)

บีอาร์-วี มี 2 รุ่นย่อยคือ “V” มาพร้อมเบาะนั่งแบบผ้า 2 แถว 5 ที่นั่ง พื้นที่อเนกประสงค์ด้านท้ายขนาดใหญ่

เบาะนั่งแถวที่ 2 สามารถปรับพับแยกแบบ 60:40 พร้อมพับตลบจังหวะเดียว (One Motion) พร้อมถาดรองสัมภาระท้ายรถและกล่องอเนกประสงค์ใต้เบาะนั่งแถวที่ 2 ตั้งราคา 750,000 บาท

ส่วนรุ่นท็อป “SV” ใช้เบาะนั่ง 7 ที่นั่ง เบาะนั่งแถวที่ 2 พนักพิงปรับเอนได้ 2 ระดับ สามารถปรับเลื่อนหน้า-หลัง เพื่อช่วยให้ผู้โดยสารแถวที่ 3 เข้า-ออกได้สะดวกยิ่งขึ้น

เบาะนั่งแถวที่ 3 มีพื้นที่วางขาที่กว้างขวาง พนักพิงสามารถพับแยกแบบ 50:50 หรือพับตลบไปด้านหน้า 2 จังหวะ เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านท้าย

บนเพดานเจาะช่องแอร์เพื่อผู้โดยสารแถวหลังด้วย

ราคารุ่นนี้อยู่ที่ 820,000 บาท

แน่นอนว่าการมาของบีอาร์-วี จะเขย่าตลาดรถเก๋งกลุ่มซิตี้คาร์ครั้งใหญ่ เนื่องจากที่ผ่านมากลุ่มรถเอสยูวี จะสู้กับรถเก๋งใหญ่ที่ราคาล้านกลางๆ ขึ้นไป

ที่ผ่านมายังไม่เคยมีค่ายไหนทำรถเอสยูวี หรือมินิเอสยูวี ออกมาเปิดศึกกับรถซิตี้คาร์ เพราะทำรายได้ค่อนข้างยากนั่นเอง

แต่สำหรับฮอนด้า ถือว่าทำได้สวยทั้งรุ่นซีอาร์-วี และมาประสบความสำเร็จแบบเด็ดดวงในรุ่นเอชอาร์-วี ที่ออกมาเขย่าตลาดคอมแพ็กต์คาร์ หรือเก๋งขนาดกลาง

ไม่ต้องดูอื่นไกลตลาดรถปีที่แล้ว ในส่วนของเก๋งทรุดวูบเห็นๆ แต่เอชอาร์-วี ซึ่งตั้งราคามาพอๆ กับคอมแพ็กต์คาร์ ที่เฉียดๆ ล้าน-ล้านต้นๆ โกยยอดเป็นว่าเล่น

ฮอนด้า จึงโดดใส่กลุ่มรถอเนกประสงค์ในรุ่นต่ำลงมาอีก เพราะเชื่อว่าคนไทยให้ความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะการขับขี่ไม่ต่างจากรถเก๋งแต่ปรับเปลี่ยนใช้งานได้หลายรูปแบบมากกว่า

การมาของบีอาร์-วี น่าจะทำให้ตลาดเก๋งเล็ก หรือซิตี้คาร์ ซึ่งช่วง 2 ปีที่ผ่านมาซึ่งได้รับผลกระทบพอสมควร ยิ่งต้องทำงานหนักขึ้นเพราะมีคู่แข่งหน้าใหม่เข้ามาแชร์ส่วนแบ่งตลาดไปอีก

สำหรับบีอาร์-วี ทางฮอนด้าตั้งเป้าในปีแรกเบาะๆ ที่ 15,000 คัน

หากดูจากความสำเร็จของเอชอาร์-วี แล้ว เป้าขนาดนี้ต้องบอกว่า ชิล…ชิล

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image