รอยัล เอนฟิลด์ส่ง’คัสตอมไบค์’ ดีไซน์เมืองผู้ดียุคสงครามโลกบุก

ม.ล.พลอยนภัส ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เจเนอรัล ออโต้ ซัพพลาย จำกัด ศูนย์บริการและตัวแทนจำหน่ายรอยัล เอนฟิลด์ ทองหล่อ เปิดเผยว่า รถจักรยานยนต์รอยัล เอนฟิลด์ เป็นรถจักรยานยนต์คลาสสิกสไตล์รถทหารที่ใช้ในสมรภูมิรบในสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 เป็นรถจักรยานยนต์คลาสสิกสัญชาติอังกฤษ มีสายการผลิตต่อเนื่องยาวนานมากที่สุดในโลกถึง 115 ปี สายการผลิตเริ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2444 ต่อมาในยุคสงครามโลกครั้งที่ 1 (พ.ศ.2457-พ.ศ.2461) ทางรอยัล เอนฟิลด์ได้เข้าร่วมสงครามโลกครั้งแรกด้วยการผลิตรถจักรยานยนต์เป็นจำนวนมากให้แก่กองทหารของฝ่ายสัมพันธมิตร เป็นรถจักรยานยนต์ที่มีรถพ่วงข้างติดปืนกลแบบวิคเกอร์สามารถโจมตีทางด้านอากาศ นอกจากนี้ยังได้ผลิตรถจักรยานยนต์เป็นจำนวนมากให้กับกรมกิจการสงครามอังกฤษและรัฐบาลจักรวรรดิรัสเซียในช่วงเวลาเดียวกันจนกระทั่งยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 (พ.ศ.2482-2488) ทางรอยัล เอนฟิลด์ก็ได้รับคำสั่งให้ช่วยผลิตรถจักรยานยนต์สำหรับกองทหารอังกฤษอีกครั้ง รถคันดังกล่าวถูกเรียกขานโดยเหล่าทหารว่าเจ้าหมัดบิน (Flying Flea) เป็นรถจักรยานยนต์ขนาดเครื่องยนต์ 125 ซีซี ออกแบบสำหรับใช้ลำเลียงไปกับร่มชูชีพโดยกองกำลังทางอากาศของฝ่ายสัมพันธมิตร
“หลังจากสงครามโลกสิ้นสุดลง รอยัล เอนฟิลด์ยังคงผลิตรถรุ่นที่พัฒนาขึ้นในช่วงสงครามมาอย่างต่อเนื่องจนได้กลายมาเป็นจุดเริ่มต้นแห่งตำนานของรถจักรยานยนต์อันยิ่งใหญ่อย่างรถรุ่นบัลเล็ต (Bullet) ในเวลาต่อมา และกล่าวได้ว่าเป็นรุ่นที่ยังคงมีการผลิตมาอย่างต่อเนื่องยาวนานที่สุดในโลก ด้วยจุดเด่นด้านความทนทานและสามารถใช้งานได้ทุกสภาวะ ชื่อของรอยัล เอนฟิลด์จึงถูกจารึกไว้บนหน้าประวัติศาสตร์ว่าเป็นรถจักรยานยนต์ที่เคียงคู่กับเหล่าทหารกล้าแห่งสมรภูมิรบของสงครามโลกครั้งที่ 1 และสงครามโลกครั้งที่ 2” ม.ล.พลอยนภัสกล่าว

ม.ล.พลอยนภัสกล่าวว่า สำหรับงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2016 ระหว่างวันที่ 2-12 ธันวาคมนี้ ที่เมืองทองธานี รอยัล เอนฟิลด์ ทองหล่อ ได้สานต่อตำนานความยิ่งใหญ่ของรอยัล เอนฟิลด์ ด้วยการนำเอกลักษณ์ของรถจักรยานยนต์ในยุคสงครามโลกมาถ่ายทอดดีไซน์ใน รอยัล เอนฟิลด์ คัสตอมไบค์ ยุคสมัยปัจจุบัน โดยสำนักแต่งรถ ลิเบอโร่ โมโต (Libero Moto) หลากหลายรุ่น ได้แก่ รถคัสตอม รอยัล เอนฟิลด์ คลาสสิก 500 ไซด์ คาร์ (Custom Royal Enfield Classic 500 Side Car) รถคัสตอมแบบพ่วงข้างกลิ่นอายสมัยสงครามโลก มาพร้อมกับเทคโนโลยีของยุคปัจจุบัน ทั้งชิลด์หน้าทรงสูง กันชนหน้าสเตนเลส ระบบดิสก์เบรกลิงก์กับเบรกหลัง ระบบสัญญาณหน้า ไฟเลี้ยว ไฟท้าย กล่องเก็บของพร้อมตะแกรงหลัง รวมถึงเบาะที่นั่งพร้อมเข็มขัดนิรภัย ราคา 255,800 บาทสำหรับรุ่นคลาสสิก 500 ไซด์ คาร์ (Classic 500 Side Car) และราคา 269,800 บาทสำหรับรุ่นคลาสสิก โครม ไซด์ คาร์ (Classic Chrome Side Car)

รอยัล3-8ธค

รุ่นคอนทิเนนทัล จีที ไวท์ (Continental GT White) ตัวถังน้ำมันสีขาวคาดดำ มาพร้อมแผงคอบน-ล่าง และบังโคลนหน้า-หลังสีเงิน นอกจากนี้ยังให้ความรู้สึกแข็งแกร่งดุดันผ่านการคัสตอมองค์ประกอบต่างๆ ทั้งก้านเบรก คลัตช์ แฮนด์ ปลอกแฮนด์ กระจกปลายแฮนด์ทรงกลม ฝาครอบด้านข้างซ้าย-ขวา ยางหุ้มโช้ก ชุดเกียร์โยง และไฟท้ายในโทนสีดำ เบาะยาวสะดวกกับคนซ้อน ล้อรางนี้พร้อมชุดซี่ลวดขอบ 17 นิ้วหน้า-หลังสีเงิน ท่อจากสำนักแต่งรถลิเบอโร่ โมโต ราคา 289,800 บาท

Advertisement

รอยัล1-8ธค

รุ่นคลาสสิก ฟลายอิ้ง ไทเกอร์ส (Classic Flying Tigers) ได้รับแรงบันดาลใจมาจากฝูงบินของนักบินอาสาสมัครช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีสัญลักษณ์รูปฉลามบนส่วนหัวของเครื่องบินรบ P-40 เพื่อใช้ในการข่มขวัญคู่ต่อสู้ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการรำลึกถึงผู้กล้าที่ฝ่าฟันข้าศึก จึงใช้ถังน้ำมันรูปฉลาม มีงานตัวอักษรที่ฝาครอบและกรองอากาศแบบเดียวกับเครื่องบินรบ P-40 พร้อมของแต่งทั้งมือเบรก คลัตช์ ไฟเลี้ยว ท่อฟูลลี่ ซิสเต็ม จากลิเบอโร่ โมโต ราคา 218,800 บาท

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image