โตโยต้า จ่อ เปิดรถไฮบริด 4 รุ่นปีนี้ ขอรบ.อย่าหนุนแค่ “อีวี” แนะปรับเกณฑ์ “แท็กซี่”

โตโยต้า จ่อ เปิดรถไฮบริด 4 รุ่นปีนี้ ขอรบ.อย่าหนุนแค่ “อีวี” แนะปรับเกณฑ์ “แท็กซี่”

เมื่อวันที่ 22 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังงาน แถลงข่าวเปิดบูธโตโยต้าในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 ระหว่างวันที่ 22 มีนาคม – 2 เมษายน 2566 ที่เมืองทองธานี เมื่อวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา นายโนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า บูธโตโยต้าในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ภายใต้แนวคิมอเตอร์โชว์ด “ทุกเส้นทางขับเคลื่อน มุ่งมั่นเพื่อโลกที่ดีกว่า” (Multi-ways for A Better World Drive) นำเสนอวิสัยทัศน์สู่การสร้างสังคมที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน ผ่านหลากหลายทางเลือกด้านเทคโนโลยีอันไร้ข้อจำกัด พบยานยนต์ต้นแบบ ขับเคลื่อนด้วยพลังงานทางเลือก ได้แก่ ไฮลักซ์ รีโว่ บีอีวี คอนเซ็ปต์ (BEV Concept) – แอลพีจี เอชอีวี แท็กซี่ คอนเซ็ปต์ (LPG HEV Taxi Concept) – พรีอุส เอชอีวี คอนเซ็ปต์ (HEV Concept) และ โคโรลล่า ครอส ไฮโดรเจน คอนเซ็ปต์

นายโนริอากิ ยามาชิตะ กล่าวว่า สำหรับแผนการประกอบรถยนต์เลกซัสในประเทศไทย คงยังไม่มีแผนชัดเจนในขณะนี้ แต่โตโยต้ามีแผนนำรถลักชัวรี่หรือรถหรูมาประกอบในไทย และรถยนต์คัมรี่ ทางโตโยต้าก็จัดประเภทอยู่ในกลุ่มรถหรูด้วย โดยในปีนี้โตโยต้ามีแผนจะเอารถยนต์ไฮบริดมาจำหน่ายในประเทศไทยประมาณ 4 รุ่น มีทั้งประกอบในประเทศและนำเข้า แต่ไม่นับรวม พริอุส คอนเซ็ปต์ ที่เอามาโชว์ในงานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้ ส่วนพริอุสจะเข้ามาทำตลาดหรือไม่ ขึ้นกับว่าตลาดเมืองไทยให้การตอบรับหรือไม่ โตโยต้าพร้อมทำตลาดอยู่แล้ว

เมื่อถามว่า โตโยต้ามีแผนจะเริ่มจำหน่ายรถกระบะไฟฟ้าหรือปิกอัพอีวีเมื่อไหร่ นายโนริอากิ ยามาชิตะ กล่าวว่า โตโยต้าเริ่มผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานและลดการใช้คาร์บอนมานาน นับตั้งแต่การผลิตรถยนต์ไฮบริดตั้งแต่ ปี 2009 ส่วนปิกอัพไฮลักซ์บีอีวี จะจำหน่ายเมื่อไหร่ จะภายในปีนี้หรือไม่ ยังไม่สามารถตอบได้ แต่จะพยายามนำมาจำหน่ายให้เร็วที่สุด เพราะโตโยต้าอยากสร้างรถที่ทำให้คนไทยมีความสุข สร้างรอยยิ้มให้คนไทย พยายามจะเร่งผลิตรถที่ลดการปล่อยคาร์บอนออกมาให้มากที่สุด

Advertisement

ผู้สื่อข่าวถามว่า แนวโน้มตลาดรถยนต์ปีนี้จะเป็นอย่างไร และจะเริ่มมีการเลือกตั้ง อยากฝากอะไรถึงรัฐบาลใหม่

นายโนริอากิ ยามาชิตะ กล่าวว่า เมื่อปี 2565 ยอดจำหน่ายรถยนต์รวมอยู่ที่ 8.49 แสนคัน ถือว่าเติบโตขึ้นมา แต่ก็ยังไม่เติบโตเท่ากับก่อนเกิดโควิดสามารถทำได้ถึง 1 ล้านคัน ทางโตโยต้าอยากให้ยอดจำหน่ายในประเทศกลับไปถึง 1ล้านคันให้ได้เหมือนก่อนโควิด อยากฝากถึงรัฐบาลสนับสนุนเทคโนโลยีอื่นๆ ที่นำไปสู่การสร้างสังคมที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนอย่างแท้จริง ควรส่งเสริมเทคโนโลยีประเภทอื่นๆ ด้วย นอกจากเทคโนโลยีเครื่องยนต์ไฟฟ้าหรือบีอีวี จะเห็นได้ว่าทางโตโยต้าพยายามผลิตรถยนต์เทคโนโลยีหลากหลายให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยคาร์บอน จึงอยากพูดคุยกับเจ้าหน้าที่รัฐ ให้ช่วยส่งเสริมเทคโนโลยีอื่นๆด้วย เช่น ไฮโดรเจน

นายโนริอากิ ยามาชิตะ กล่าวว่า เมื่อปลายปี 2565 นายอากิโอะ โตโยดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ประเทศญี่ปุ่น ได้เดินทางมาประเทศไทย และได้เห็นว่ารถแท็กซี่ในประเทศไทยแทบจะทั้งหมดใช้รถยนต์โตโยต้า จึงเห็นว่าควรสนับสนุนรัฐบาลไทยให้สามารถพัฒนาเทคโนโลยีที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน โตโยต้าจึงผลิต แจแปน แท็กซี่ เป็นรถยนต์ไฮบริดใช้น้ำมันและก๊าซแอลพีจี เพื่อให้เห็นถึงประโยชน์การใช้งาน

Advertisement

แต่สำหรับในประเทศไทยยังติดกฎเกณฑ์ ข้อกำหนดการเป็นรถแท็กซี่จะต้องมีเครื่องยนต์ไม่ต่ำกว่า 1.6 ลิตร นอกจากนี้มิติตัวรถก็มีข้อกำหนดเอาไว้ หากเป็นเช่นนี้ คงเป็นเรื่องยาก หากจะนำแจแปน แท็กซี่ เอามาทำแท็กซี่ในเมืองไทย จึงอยากฝากถึงรัฐบาลไทยว่า หากจะสนับสนุนเทคโนโลยีลดการปลอ่ยคาร์บอนให้หลากหลาย ก็น่าจะสนับสนุนเรื่องเหล่านี้

สำหรับ แจแปน แท็กซี่มีจุดเด่นทั้งความกว้างขวาง และเป็นรถไฮบริดใช้แอลพีจี ส่วนรถยนต์ไฮโดรเจนโตโยต้าเอามาทดสอบวิ่งตั้งแต่ปลายปีที่แล้วที่พัทยา คงต้องคุยกับทางรัฐบาลไทยว่ามีนโยบายส่งเสริมหรือไม่ อย่างไร และโตโยต้าจะตัดสินใจว่าจะนำเข้ามาทำตลาดในไทยลักษณะไหน

“การปล่อยคาร์บอนต้องใช้เวลากว่า 100ปี กว่าจะหมดไป ดังนั้นการลดการปล่อยคาร์บอนจึงเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นความเป็นกลางทางคาร์บอนเป็นกลางจึงเป็นไปได้มากกว่า เพื่อช่วยลดปัญหาฝุ่นควันพิษที่เป็นปัญหาในประเทศไทยขณะนี้ ดังนั้นการนำรถที่ลดคาร์บอนเป็นไปได้มากกว่าวิธีอื่น” นายโนริอากิ ยามาชิตะ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image