ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ “มิตซูบิชิ”จัดให้

ถึงแม้ว่าจะไม่หวือหวาด้านยอดขาย แต่สำหรับ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต รถปิกอัพดัดแปลงหรือพีพีวี ถือว่าประสบความสำเร็จไม่น้อย พิสูจน์ได้จากมีประชากรรุ่นนี้วิ่งกันอยู่เกลื่อนเมือง ตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงรุ่นล่าสุด โมเดล 201

ด้วยความที่เป็นรถพีพีวีค่อนข้างลงตัว ทั้งสมรรถนะเครื่องยนต์ การยึดเกาะถนน ความสะดวกสบายในการโดยสาร เบาะกว้างนั่งสบาย อุปกรณ์ต่างๆ ค่อนข้างครบ แม้จะไม่หรูหราเหมือนคู่แข่งรายอื่น แต่ถ้าพูดถึงเนื้อหาแล้วล่ะก็ถือว่าใช้ได้

มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ มี 3 รุ่น ให้เลือก ได้แก่ รุ่น GT-Premium (จีที-พรีเมียม) รุ่น GT (จีที) และรุ่น GLS-LTD (จีแอลเอส-ลิมิเต็ด)

ปาเจโร3

Advertisement

การออกแบบด้านหน้าในสไตล์ “Dynamic Shield” (ไดนามิก ชิลด์) เอกลักษณ์เฉพาะของรถยนต์มิตซูบิชิ

ไฟหน้าดีไซน์ใหม่แบบโปรเจ็กเตอร์ Bi-LED พร้อมระบบปรับลำแสงไฟหน้าอัตโนมัติ และไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบสเปกตรัม LED (Spectrum LED Daytime Running Light) ให้ความรู้สึกล้ำสมัย (เฉพาะรุ่น GT และ GT-Premium)

ไฟท้ายแบบสเปกตรัม LED (Spectrum LED) ล้ำสมัยด้วยการออกแบบแนวตั้งมองเห็นได้อย่างชัดเจนทั้งในระยะใกล้และระยะไกล

Advertisement

กันชนหน้าได้รับการออกแบบใหม่ให้โค้งมน

โป่งข้างซุ้มล้อหน้า-หลัง ออกแบบใหม่ ในขณะที่บันไดข้างกันโคลน และฟังก์ชั่นอื่นๆ ได้รับการออกแบบให้ลงตัวกับตัวรถ พร้อมเส้นสายของตัวรถที่ให้อารมณ์ของการขับเคลื่อนไปข้างหน้า

ล้ออัลลอยลายใหม่ ขนาด 18 นิ้ว สีทูโทนสำหรับรุ่น GT-Premium และสีเงินสำหรับรุ่น GT และรุ่น GLS-LTD

ห้องโดยสารโดดเด่นด้วยโทนสีดำ พร้อมการตกแต่งแบบสีเงิน ซิลเวอร์ เดคคอเรชั่น ผสมผสานกับสีดำแบบ เปียโน แบล็ก (Piano Black) บริเวณแผงคอนโซลหน้า แผงประตู และคอนโซลกลาง

ปาเจโร7

ออกแบบคอนโซลแบบทีเชพ-ไฮคอนโซล (T-Shape High Console) ด้วยการยกคอนโซลกลางให้สูงขึ้นเพิ่มความหรูหราและสะดวกในการใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ ทั้งเกียร์ ปุ่มปรับเลือกระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (เฉพาะรุ่น GT-Premium) และปุ่มเบรกมือไฟฟ้า ถือว่าครั้งแรกที่ติดตั้งในรถยนต์มิตซูบิชิ

พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มหนังแบบ 4 ก้าน สามารถปรับตำแหน่งได้ 4 ทิศทาง พร้อมสวิตซ์ควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ บนพวงมาลัย

มาตรวัดความเร็วและความเร็วรอบดูง่ายชัดเจนพร้อมจอแสดงข้อมูลอเนกประสงค์ (Multi-information display) แสดงผลข้อมูลได้หลากหลาย ทั้งอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย ระยะทางขับขี่ที่เหลือจากปริมาณน้ำมันที่มีอยู่ในถัง รวมถึงแสดงการขับขี่ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ในสภาพพื้นผิวถนนที่แตกต่างกันเมื่อเลือกโหมดการขับขี่แบบออฟโรด

เบาะนั่งได้รับการออกแบบใหม่ (ergo seat design) ให้โอบรับกับสรีระของผู้นั่งมากยิ่งขึ้น เบาะคู่หน้าเน้นให้กระชับพร้อมแผ่นรองรับบริเวณไหล่ สามารถปรับเปลี่ยนเบาะเพื่อตอบสนองความต้องการใช้งานที่หลากหลาย โดยเบาะนั่งคู่หน้าปรับระดับได้ 8 ทิศทางด้วยระบบไฟฟ้า ขณะที่เบาะนั่งแถวที่สองสามารถแยกพับแบบ 60:40 ส่วนเบาะนั่งแถวที่สามสามารถแยกพับให้ราบไปกับพื้นห้องโดยสารเพื่อให้การเก็บสัมภาระด้านหลังรถเป็นไปได้อย่างสะดวกสบาย

ปาเจโร5

แชสซีส์เหล็กกล้าพร้อมโครงสร้างตัวถังนิรภัย ไรส์ บอดี้ (RISE Body) ใช้เหล็กกล้าแข็งแกร่งพิเศษ เพิ่มความแข็งแรงมากยิ่งขึ้นด้วยคานเหล็กกันกระแทกด้านหน้าเพื่อลดความเสียหายและแรงปะทะจากการชนด้านหน้า

ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล ใหม่ รหัส 4N15 แบบ 4 สูบ ไมเวค คลีนดีเซล ขนาด 2.4 ลิตร พร้อมการฉีดน้ำมันด้วยอัตราส่วนกำลังอัดต่ำเพียง 15.5:1 โดยการใช้อะลูมินัม อัลลอย บล็อก (Aluminum Alloy Block) ที่น้ำหนักเบา ประสานการทำงานของระบบเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะ 8 สปีด จึงประหยัดน้ำมันขึ้น 17% เมื่อเทียบกับรุ่นที่ผ่านมา และปล่อยค่ามลพิษต่ำกว่า 200 กรัม / กิโลเมตร ภายใต้โครงสร้างภาษีใหม่ที่จะประกาศใช้ในเดือนมกราคม 2560 นี้

ระบบ MIVEC (Mitsubishi Innovative Valve Timing Electronic Control System) ลิขสิทธิ์เฉพาะของมิตซูบิชิ ควบคุมการปิด-เปิดวาล์วไอดี แบบแปรผันทำงานสอดคล้องกับความเร็วของเครื่องยนต์ ช่วยให้เครื่องยนต์มีแรงบิดดีขึ้นในรอบต่ำทำให้เครื่องยนต์มีอัตราเร่งดีเยี่ยม ให้การเผาไหม้หมดจด

ปาเจโร4

เทอร์โบ แปรผัน (VG Turbo) ให้เครื่องยนต์มีกำลังสูงทั้งในรอบต่ำ รอบกลางและรอบสูง ตอบสนองการขับขี่ได้ทันใจในทุกรอบความเร็ว และระบบหัวฉีดน้ำมันที่ให้แรงดันน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุดถึง 200 MPa (เมกะปาสคาล) ส่งผลให้รถมีพละกำลังสูงสุด 181 แรงม้าที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตรที่ 2,500 รอบต่อนาที

ระบบเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะ 8 สปีด พร้อมสปอตโหมด ให้ทั้งสมรรถนะดีขึ้นพร้อมอัตราเร่งที่ต่อเนื่องโดยผู้ขับขี่สามารถปรับเปลี่ยนเกียร์ได้ตามความต้องการจากทั้งด้ามเกียร์ หรือจะเลือกปรับเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift) ในรุ่น GT และ GT-Premium

นอกจากนี้ ยังมีระบบช่วยควบคุมและตัดกำลังไปยังเพลาขับโดยอัตโนมัติเมื่อเหยียบเบรก (Idle neutral control) เพื่อลดภาระการทำงานของเครื่องยนต์และลดการสูญเสียเชื้อเพลิงในขณะรถหยุดนิ่งเมื่อเกียร์อยู่ในตำแหน่ง D ท่ามกลางสภาพการจราจรที่แออัดส่งผลให้ประหยัดน้ำมันในทุกการขับขี่และลดการสึกหรอของระบบเกียร์ช่วยยืดอายุการใช้งานของเกียร์ให้ยาวนานขึ้น พร้อมด้วยระบบ จี-เซนเซอร์ (G-SENSOR) ช่วยควบคุมการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ให้มีความแม่นยำมากขึ้นในทางลาดชัน

รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ มาพร้อมระบบ ซุปเปอร์ ซีเล็กต์ โฟร์วีลไดรฟ์ ทู (Super Select 4WD-II) ให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนโหมดจากระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ (2H) เป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (4H) แบบ ฟูล ไทม์ ออล วีล คอนโทรล (Full-time All Wheel Control) ช่วยให้เกาะถนนมากขึ้นแม้ในทางลื่น และสามารถเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนเป็น 4HLc หรือ 4LLc เมื่อต้องการขับขี่บนเส้นทางแบบออฟโรดได้ตามความต้องการและง่ายขึ้นด้วยระบบไฟฟ้า

ปาเจโร1

โหมดขับเคลื่อนแบบออฟโรด ในรุ่น GT-Premium สามารถเลือกการขับขี่เพื่อรองรับสภาพเส้นทางออฟโรดได้ถึง 4 รูปแบบ ถือว่าเป็นครั้งแรกในมิตซูบิชิ โดยจะสัมพันธ์กับการทำงานของเครื่องยนต์ระบบขับเคลื่อน และเบรกทำให้สามารถขับเคลื่อนผ่านสภาพเส้นทางต่างๆ ไปได้ ได้แก่ GRAVEL เหมาะสำหรับขับขี่บนถนนลูกรังที่มีกรวดและดิน MUD/SNOW เหมาะสำหรับขับขี่ในบริเวณที่เป็นโคลนหรือหิมะหนา SAND เหมาะสำหรับขับขี่ในบริเวณที่เป็นทรายละเอียด ROCK เหมาะสำหรับขับขี่บนถนนที่พื้นผิวขรุขระเช่นมีหินมากหรือล้อลอยจากพื้น

ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว พร้อมระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล ( ASTC : Active Stability & Traction Control)

รัศมีวงเลี้ยวที่แคบสุดในรถระดับเดียวกันเพียง 5.6 เมตร พร้อมการลดระยะการหมุนของพวงมาลัยน้อยลงจากซ้ายสุด-ขวาสุด ที่ 3.8 รอบ ระบบเบรก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) ระบบช่วยเสริมแรงเบรก (BA) รวมไปถึงระบบลดกำลังเครื่องยนต์เพื่อช่วยเบรก (Brake Override System) ทำให้เบรกได้ง่ายและปลอดภัยขึ้น

ระบบไฟกะพริบฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS : Emergency Stop Signal System) ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA : Hill Start Assist) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC : Hill Descent Control) (เฉพาะรุ่น GT- Premium)

เบรกมือควบคุมด้วยไฟฟ้าติดตั้งบริเวณคอนโซลกลางสะดวกและง่ายต่อการใช้งาน

ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรงพร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (FCM-Forward Collision Mitigation System) หากพบว่ามีความเสี่ยงจะชนรถคันหน้าในช่องทางเดียวกัน ระบบจะทำการเตือนเพื่อให้เบรกรถ พร้อมเพิ่มแรงดันน้ำมันเบรก เพื่อให้ประสิทธิภาพในการเบรกที่ดียิ่งขึ้น และเมื่อความเร็วต่ำกว่า 30 กม./ชม. ระบบช่วยเบรกจะทำงานอัตโนมัติ (เฉพาะรุ่น GT และ GT-Premium)

ปาเจโร2

กล้องมองภาพรอบคันพร้อมเส้นแสดงทิศทางการเคลื่อนที่ของรถ (Multi-around Monitor) ทำงานผ่านกล้อง 4 ตำแหน่งรอบตัวรถ เพื่อประมวลผลและแสดงภาพแบบ เบิร์ดส อาย วิว ผ่านหน้าจอมอนิเตอร์ ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นภาพได้รอบตัวรถ เพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการจอดรถได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น

ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะเมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว (UMS-Ultrasonic misacceleration Mitigation System) ระบบจะทำการตัดกำลังเครื่องยนต์ไว้ประมาณ 5 วินาที ทั้งนี้ระบบจะทำงานที่ความเร็วต่ำกว่า 10 กม./ชม. เพื่อบรรเทาความเสียหายที่อาจเกิดจากการชน

ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา (BSW-Blind Spot Warning)

ถุงลมนิรภัยคู่หน้าแบบ SRS สำหรับทุกรุ่น โดยในรุ่น GT-Premium มาพร้อมถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง

มีระบบไฟสว่างอัตโนมัติเมื่อปลดล็อก (Welcome Light)

ระบบไฟนำทางหลังดับเครื่องยนต์ (Coming Home Light)

ระบบพับเก็บและกางกระจกมองข้างอัตโนมัติเมื่อกดล็อกและปลดล็อก

ใบปัดน้ำฝนปรับความเร็วอัตโนมัติ ในกรณีฝนตกและผู้ขับเปิดที่ปัดน้ำฝนในตำแหน่งปัดเป็นจังหวะเมื่อรถใช้ความเร็วเกิน 60 กม./ชม. ที่ปัดน้ำฝนจะเปลี่ยนเป็นจังหวะที่ 1 ให้โดยอัตโนมัติ และจะกลับมาที่ตำแหน่งปัดเป็นจังหวะเหมือนเดิมเมื่อลดความเร็วหรือหยุดรถและเมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง (R) ระบบใบปัดน้ำฝนหลังจะทำงานอัตโนมัติ

ระบบตัดการทำงานของไฟหน้ารถโดยอัตโนมัติ โดยไฟหน้ารถจะดับเองอัตโนมัติ หลังจากดับเครื่องยนต์ แล้วเปิดประตูช่วยประหยัดไฟในแบตเตอรี่

สัญญาณเตือนลืมปิดไฟหรี่หน้าในกรณีที่ผู้ขับขี่ลืมปิดไฟหรี่หน้าหลังจากดับเครื่องแล้วเปิดประตูจะมีเสียงสัญญาณเตือนดังขึ้น

ระบบสัญญาณไฟเลี้ยวเพื่อเปลี่ยนเลน เพียงขยับก้านไฟเลี้ยวเพียงเล็กน้อยสัญญาณไฟเลี้ยวและสัญญาณไฟเตือนในหน้าปัดจะกะพริบ 3 ครั้ง

ระบบหน่วงเวลาปิดไฟในห้องโดยสาร เพื่อความสะดวกในการตรวจสอบสัมภาระภายในรถ

ระบบหน่วงเวลาเปิด-ปิดกระจกไฟฟ้าหลังจากดับเครื่องยนต์กระจกไฟฟ้าจะยังสามารถเปิด-ปิดได้ต่อไปอีก 30 วินาที

สัญญาณเสียงและไฟกระพริบเตือนเมื่อประตูปิดไม่สนิท โดยไฟกระพริบเตือนจะแสดงบนหน้าปัดเมื่อมีการออกรถในขณะที่ประตูรถปิดไม่สนิท

ระบบกุญแจอัจฉริยะ KOS ( Keyless Operation System) ช่วยให้สามารถล็อกและปลดล็อกประตู รวมทั้งสตาร์ตเครื่องยนต์ได้อย่างสะดวกสบายโดยไม่ต้องใช้กุญแจ

ระบบกุญแจอิมโมบิไลเซอร์ (Immobilizer) ป้องกันการโจรกรรม

ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบแยกปรับอุณหภูมิซ้าย-ขวา สำหรับรุ่น GT-Premium และ GT และแบบปรับอุณหภูมิอัตโนมัติ สำหรับรุ่น GLS-LTD พร้อมแผงควบคุมระบบปรับอากาศด้านหลังแบบอิสระและช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง

ปาเจโร6

เครื่องเสียง 2DIN วิทยุ ซีดี ดีวีดี เอ็มพี 3 พร้อมจอภาพแบบระบบสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว ระบบเชื่อมต่อบลูทูธแบบ A2DP และระบบนำทางในรถ (Navigator System) พร้อมจอภาพสำหรับผู้โดยสารตอนหลังแบบ ไวด์สกรีน ขนาด 9 นิ้ว พร้อมเครื่องเล่นดีวีดี และรีโมทคอนโทรล รวมทั้งหูฟังอินฟราเรด สำหรับรุ่น GT และ GT-Premium ในขณะที่รุ่น GLS-LTD มาพร้อม วิทยุ ซีดี แบบ 2DIN

ระบบล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อรถมีความเร็ว 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

มี 5 สีให้เลือก ได้แก่ สีเงิน (Sterling Silver) สีขาวมุก (White Pearl) สีเทาไทเทเนียม (Titanium Grey Metallic) สีดำ (Black Mica) และสีน้ำตาล (Deep Bronze Metallic)

สำหรับราคาปาเจโรสปอร์ตใหม่ รุ้นขับเคลื่อน 2 ล้อ  GLS-LTD ราคา 1,164,000 บาท  รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ GT ราคา 1,284,000 บาท และรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ GT-P ราคา 1,529,000บาท

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image