ซูซูกิ สวิฟท์ RX-II เต็มพิกัดอีโคคาร์

ถ้าพูดถึงรถเก๋งเล็กแล้ว ค่ายซูซูกิถือว่าผลิตรถประเภทนี้ได้ไม่น้อยหน้าใคร พิสูจน์ได้จากปริมาณประชากรรถยี่ห้อนี้ วิ่งกันเกลื่อนเมือง ทั้งรถเก๋ง รถบรรทุกเล็ก

“โยจิ มุโรซากะ” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เล่าให้ฟังว่า ในปี 2559 ที่ผ่านมา ซูซูกิถือว่าประสบความสำเร็จจากยอดขายรถยนต์อยู่ที่ 22,913 คัน คิดเป็นยอดสูงขึ้น 8% ครองส่วนแบ่งตลาดรถรวมถึง 3% เมื่อเทียบกับปี 2558 คิดเป็นอัตราส่วนแบ่งตลาดเฉพาะรถยนต์นั่งกว่า 7% เป็นการเติบโตสูงสุดแบบสวนกระแสของตลาดยานยนต์ที่มียอดจำหน่ายรวม 770,000 คัน ลดลงจากปี 2558 ประมาณ 4%

02-swift

ซูซูกิยังคงมองเห็นความสดใสในธุรกิจของตลาดรถยนต์อีโคคาร์เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงชิงจังหวะนี้แนะนำ ซูซูกิ สวิฟท์ อาร์เอ็กซ์ ทู (Suzuki SWIFT RX-II) เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรักความสปอร์ต เป็นรถรุ่นล่าสุดในตระกูลสวิฟท์ หลังจากเปิดตัวอีโคคาร์รุ่นแรกเมื่อปี 2555

Advertisement

“วัลลภ ตรีฤกษ์งาม” กรรมการบริหารด้านการขายและการตลาด บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ขยายความให้ฟังเพิ่มเติมว่า ตั้งแต่ปี 2555-2559 ซูซูกิส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปอีโคคาร์ ทั้งรุ่น สวิฟท์ เซเลริโอ (CELERIO) และเซียซ (CIAZ) จำนวน 102,109 คัน และจำหน่ายภายในประเทศ 104,550 คัน และในปี 2560 ซูซูกิกำหนดเป้าหมายการจำหน่ายเพื่อส่งออกไปต่างประเทศ 43,000 คัน และจำหน่ายภายในประเทศทุกรุ่นรวม 24,000 คัน และหนึ่งรุ่นที่แนะนำในครั้งนี้คือ ซูซูกิ สวิฟท์ อาร์เอ็กซ์ ทู

swiftrx

ที่ผ่านมากลยุทธ์การตลาดของซูซูกิ จะใช้วิธีเพิ่มรุ่นย่อยพิเศษจากรุ่นปกติปีละ 1 รุ่น เช่น สวิฟท์ เอ็นเนอร์จี กรีน สวิฟท์ อาร์เอ็กซ์ สวิฟท์ เอสเอไอ (Swift Sai) ถูกวางให้เป็นรุ่นท็อปเพิ่มจากรุ่นปกติ

Advertisement

สำหรับสวิฟท์ RX-II รุ่นใหม่ล่าสุด มีจุดเด่นอยู่ที่การนำคุณสมบัติเด่นของสวิฟท์ RX และ สวิฟท์ Sai รุ่นก่อนมาใส่ไว้ใน RX-II จึงเป็นสวิฟท์รุ่นที่สมบูรณ์ที่สุดในขณะนี้ก็ว่าได้

เป็นการพัฒนาต่อยอดมาจากสวิฟท์ RX รุ่นแรกเปิดตัวเมื่อปี 2558 ที่ผ่านมา เน้นจับกลุ่มคนรักความสปอร์ต แต่ยังคงเน้นความประหยัดในสไตล์อีโคคาร์

swift-3

รูปลักษณ์ภายนอก มาพร้อมไฟหน้าโปรเจ็กเตอร์โคมดำแบบ HID พร้อมระบบปรับสูง-ต่ำอัตโนมัติ เมื่อรถยนต์บรรทุกผู้โดยสารมาก ทำให้รถยุบตัวลง ไฟหน้าจะปรับตัวลงตาม เพื่อไม่ให้ไฟหน้าไปแยงตารถที่สวนมา

swift6

ติดตั้งเสาอากาศดีไซน์ครีบฉลาม หรือ ชาร์ก ฟิน (Shark Fin) ล้ออัลลอยดีไซน์เดียวกับรุ่น Sai พร้อมสี กัน เมทัลลิก (Gun Metallic) ขนาด 16 นิ้ว ด้านท้ายติดตั้งไฟท้ายแบบเดียวกับ สวิฟท์ สปอร์ต (Swift Sport) ในยุโรป มีสปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรก LED พร้อมสัญลักษณ์ RX-II บนฝาประตูท้าย

swift5

ภายในห้องโดยสาร เน้นโทนสีดำเป็นหลัก เบาะนั่งผ้า ติดตั้งเครื่องเสียงพร้อมเครื่องเล่นซีดีและวิทยุ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ เสริมด้วยแป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย หรือแพดเดิล ชิฟท์ (Paddle Shift) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) ฐานเกียร์หุ้มหนังดีไซน์สปอร์ต กุญแจรีโมต (Keyless Entry) พร้อมปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

swift9

ปรับยางขอบประตูให้เกรดดีขึ้น ทำให้รถเงียบขึ้นขณะใช้ความเร็วสูง ติดตั้งระบบการปลดล็อกผ่านกุญแจ เมื่อกดหนึ่งครั้งจะปลดเฉพาะฝั่งคนขับ ต้องกดสองครั้งจึงจะปลดล็อกทั้งสี่ประตู เพื่อความปลอดภัยกรณีเจ้าของรถขับมาคนเดียว เพื่อป้องกันมิจฉาชีพเปิดประตูเข้ามาในรถจากทางประตูอื่น

swift4

เครื่องยนต์ ยังคงเป็นบล็อกเดิม เบนซิน 4 สูบ รหัส K12B ขนาด 1.25 ลิตร กำลังสูงสุด 91 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 118 นิวตัน-เมตร ที่ 4,800 รอบต่อนาที รองรับน้ำมัน E20 เกียร์อัตโนมัติแบบ CVT 7 จังหวะ

ช่วงล่างด้านหน้าแม็กเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังทอร์ชั่นบีม พร้อมคอยล์สปริง ติดตั้งระบบเบรกแบบหน้าดิสก์เบรก หลังเป็นแบบดรัมเบรก

swift7

มีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีแดง อะเบลซ เรด เพิร์ล (Ablaze Red Pearl) สีขาว สโนว์ ไวท์ เพิร์ล (Snow White Pearl) และสีดำ ซุปเปอร์ แบล๊ก เพิร์ล (Super Black Pearl) ราคา 599,000 บาท

RX11

โดยรวมสวิฟท์ RX-II ยังคงรักษาจุดเด่นในเรื่องสมรรถนะและช่วงล่าง แม้ว่าอัตราเร่งตีนต้นจะไม่โดดเด่นนัก แต่ตีนปลายโดยเฉพาะการวิ่งโดยใช้ความเร็วสูง การยึดเกาะถนนทำได้นิ่งเนียน ไม่ร่อนโคลงเหมือนรถเล็กทั่วไป

สิ่งสำคัญมีอุปกรณ์ตกแต่ง สไตล์สปอร์ตครบครัน และเหนือสิ่งอื่นใดก็คือ รุ่นนี้คงจะเป็นรุ่นสุดท้ายของสวิฟท์โมเดลนี้ ก่อนจะปรับโฉมเป็นโมเดลเชนจ์ เปลี่ยนใหม่หมดในรุ่นถัดไปในอนาคต ทำให้รุ่นนี้จึงมาแบบเต็มพิกัดของอีโคคาร์ในแบบฉบับของซูซูกิยุคนี้แล้ว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image