เปิดแผน”มาสด้า”รุกตลาดรถ ส่ง 5 รุ่นใหม่บุก-ลงทุนเพิ่ม 5 พันล้าน

เปิดแผน”มาสด้า”รุกตลาดรถ ส่ง5รุ่นใหม่บุก-ลงทุนเพิ่ม5พันล.

เปิดแผน”มาสด้า”รุกตลาดรถ
ส่ง5รุ่นใหม่บุก-ลงทุนเพิ่ม5พันล.

สถานการณ์การแข่งขันตลาดรถยนต์ที่รุนแรงจากการบุกกระหน่ำของค่ายรถยนต์จากจีน ทำให้ค่ายรถต่างปรับตัวรับกระแสการแข่งขัน และเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ที่โรงแรมดุสิตธานี มาสด้าประกาศแนวทางการดำเนินธุรกิจครั้งประวัติศาสตร์ขึ้นในประเทศไทยเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า ดีลเลอร์ และพันธมิตรทางธุรกิจ นำทัพโดย มร.มาซาฮิโร โมโร ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น พร้อมด้วย นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย

ครั้งนี้ถือว่าถ่ายทอดวิสัยทัศน์ครั้งสำคัญสุดในรอบทศวรรษ ประกาศแผนเปิดตัวรถยนต์ใหม่ 5 รุ่น ภายใน 3 ปี พร้อมประกาศทุ่มเงินลงทุนอีกกว่า 5,000 ล้านบาท ผลักดันโรงงานผลิตรถยนต์ในไทยขึ้นเป็นศูนย์กลางการผลิตและพัฒนารถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าหลากหลายรูปแบบ หรือ xEVs นำไปสู่การเปลี่ยนผ่านไปยังรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบในอนาคต โดยทำการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าคอมแพค เอสยูวี 100,000 คันต่อปี เพื่อจำหน่ายภายในประเทศและส่งออกไปทั่วโลก

ADVERTISMENT
มร.มาซาฮิโร โมโร

มร.มาซาฮิโร โมโร ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า แม้ว่าสถานการณ์รอบด้านจะมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว แต่มาสด้ายังคงยึดมั่นในแนวทางที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของตนเอง นั่นคือการพัฒนาและส่งมอบผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีที่มีคุณภาพสูง เพื่อมอบความสุขในการขับขี่และการใช้ชีวิตทุกด้านให้กับลูกค้าทุกคนเพราะมาสด้าเป็นแบรนด์ที่ถือกำเนิดขึ้นจากเมืองฮิโรชิมาซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ

เราจึงต้องการมอบความสุข สร้างรอยยิ้มและช่วยยกระดับความเป็นอยู่ให้กับผู้คนในสังคมให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ADVERTISMENT

ภาพรวมมาสด้าทั่วโลกเพื่อก้าวสู่ยุคพลังงานไฟฟ้าด้วยแนวทาง Multi-solution และ Intentional Follower

เป้าหมายของเราคือการนำเสนอรถยนต์ที่มาพร้อมพลังงานไฟฟ้าในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งภายในปี พ.ศ.2573 รวมถึงรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในที่มาพร้อมพลังงานไฟฟ้ามาสด้าคาดว่ายอดจำหน่ายของรถ BEVs อยู่ที่ประมาณ 25-40% ของยอดจำหน่ายทั่วโลก

ซึ่งมาสด้ากำลังเดินหน้าตามแนวทาง Multi-Solution Strategy เพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ควบคู่กับการใช้แนวทาง Intentional Follower Approach โดยทำการศึกษาตลาดอย่างใกล้ชิดและรับฟังข้อคิดเห็นจากลูกค้าเพื่อให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ยานยนต์พลังงานไฟฟ้าให้ดีที่สุด คาดว่าภายในปี พ.ศ.2573 มาสด้าจะมียอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์รถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นองค์ประกอบในการขับเคลื่อน 100% ของยอดจำหน่ายรวมทั้งหมด แต่ในระหว่างนี้ เรากำลังเดินหน้าตามแผนพัฒนา xEVs

ประกอบด้วยแผนกลยุทธ์ 3 เฟส ประกอบด้วย เฟสที่ 1 เป็นการเตรียมความพร้อม เฟสที่ 2 การเปลี่ยนผ่านอย่างค่อยเป็นค่อยไป เริ่มจาก HEV, PHEV และ BEV จนถึงเฟสที่ 3 เป็นการแนะนำรถไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ

มาสด้าพร้อมเดินหน้าส่งมอบเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า ตามแนวทาง Multi-solution ซึ่งรวมถึง MHEVs, HEVs, PHEVs, BEVs, R-EVs และรถยนต์ที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน มาสด้าเร่งแผนในการนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าให้เร็วขึ้น เพื่อตอบสนองกับความต้องการของลูกค้าโดยวางแผนในการแนะนำรถไฟฟ้าในประเทศไทยเป็นไปตามกลยุทธ์ 3 เฟส เช่นเดียวกัน ซึ่งเฟส 2 จะเป็นการนำเสนอรถพลังงานไฟฟ้าในไทยโดยมาสด้า
จะทำการเปิดตัวแนะนำเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ทั้ง BEV, PHEV, HEV ระหว่างปี พ.ศ.2568-2570 โดยเริ่มจากการเปิดตัวแนะนำรถยนต์ไฟฟ้า BEV รุ่น Mazda6e ในปีนี้ ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างมาสด้าและพาร์ตเนอร์ในประเทศจีน

Mazda6e

มร.มาซาฮิโร โมโร กล่าวถึงแผนธุรกิจว่า มาสด้าในประเทศไทยมีประวัติศาสตร์อันยาวนานมากกว่า 70 ปี ไม่ได้หมายถึงเพียงแค่ มาสด้า เซลส์ และผู้จำหน่ายมาสด้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงโรงงานผลิตรถยนต์ที่จังหวัดระยอง AutoAlliance (AAT) ที่ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2538 ทำการผลิตรถยนต์นั่งและรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ รวมทั้งโรงงานผลิตเครื่องยนต์และเกียร์อัตโนมัติ Mazda Powertrain Manufacturing Thailand (MPMT) ที่ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.2558

ทั้งสองโรงงานนี้คือรากฐานสำคัญที่ส่งเสริมให้ประเทศไทยกลายเป็นจุดศูนย์กลางในการผลิตรถยนต์มาสด้าและชิ้นส่วน เพื่อจำหน่ายภายในประเทศและส่งออกยังตลาดต่างประเทศทั่วโลก วันนี้มาสด้าได้เตรียมความพร้อมไปอีกขั้นเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมยานยนต์ที่สำคัญในการผลิตยานยนต์พลังงานไฟฟ้า xEVs ด้วยการเพิ่มเงินลงทุนเป็นจำนวนกว่า 5,000 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการพัฒนาและผลิตรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าคอมแพคเอสยูวี มุ่งเน้นไปที่การประกอบรถยนต์ การผลิตเครื่องยนต์ เกียร์ และแบตเตอรี่พร้อมวางเป้ากำลังการผลิตอยู่ที่ 100,000 คันต่อปี

ไม่เพียงเท่านี้ มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น พร้อมนำเสนอเทคโนโลยีอันล้ำสมัยที่สุดรวมทั้งการถ่ายทอดองค์ความรู้ในการประกอบรถยนต์จากประเทศญี่ปุ่นเข้ามายังประเทศไทยควบคู่กับการพัฒนาทักษะช่างฝีมือประกอบรถยนต์

ธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ กล่าวเกี่ยวกับทิศทางและแผนการดำเนินธุรกิจมาสด้าในประเทศไทยว่า สำหรับประเทศไทยการเปลี่ยนแปลงของมาสด้าที่กำลังจะเกิดขึ้น แบ่งออกเป็น 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่

กลยุทธ์ที่ 1 การปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรด้วย “ผู้คน” สร้างการเปลี่ยนแปลงองค์กร โดยมีเป้าหมายในการเป็นองค์กรที่ Agile และ Insight-Driven คล่องตัว ยืดหยุ่น และขับเคลื่อนธุรกิจด้วยข้อมูลเชิงลึก ในปัจจุบัน กลุ่มมิลเลนเนียล หรือ Gen-Y มีประมาณ 70% ของพนักงานทั้งหมด สนับสนุนการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร ด้วยโปรแกรม “Career@Mazda” ที่ออกแบบมาเพื่อพัฒนาการมีส่วนร่วมของพนักงานทั้งที่มาสด้า เซลส์ ประเทศไทยและผู้จำหน่าย เพื่อพัฒนาทักษะและส่งเสริมการสร้างความผูกพันของพนักงานกับแบรนด์และเพื่อนร่วมงาน สร้างโปรแกรม “Mazda Signature Services” ซึ่งเป็นโปรแกรมที่อยู่บนพื้นฐานของการส่งมอบคุณค่าอันมีเอกลักษณ์เฉพาะของมาสด้า 3 ประการ ได้แก่ “Radically Human” การให้ความสำคัญกับมนุษย์ “Challenger Spirit” สปิริตที่ไม่ย่อท้อ และ “Omotenashi” ให้การดูแลเช่นเดียวกับคนในครอบครัว

กลยุทธ์ที่ 2 ยกระดับการบริการและการสื่อสารกับลูกค้าด้วยข้อมูลเชิงลึกทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างลึกซึ้งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริการและสื่อสารกับลูกค้าด้วยข้อมูลเชิงลึก ด้วยการพัฒนาแพลตฟอร์ม VOF หรือ “Voice of Fans” เพื่อช่วยวิเคราะห์ความคิดเห็นของลูกค้าแบบเรียลไทม์ พร้อมนำความคิดเห็นมาจัดเก็บเป็นข้อมูลวิเคราะห์ และตอบกลับอย่างทันท่วงที ทั้งในช่องทาง Digital และผ่านพนักงานรวมถึงคลังข้อมูลที่สามารถให้ข้อมูลลูกค้าอย่างครบถ้วน

กลยุทธ์ที่ 3 การสร้างประสบการณ์ลูกค้าแบบไร้รอยต่อทั้งออนไลน์และออฟไลน์ มีการพัฒนาเว็บไซต์องค์กรใหม่ โดยเปลี่ยนให้เป็น Mazda NEXTperience Hub ซึ่งแพลตฟอร์มนี้ได้รับการออกแบบเพื่อให้เกิดความสะดวกมากยิ่งขึ้นเพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีในการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์ ผลิตภัณฑ์ และเทคโนโลยีรวมถึงข่าวสารและการให้บริการต่างๆ ไม่ว่าลูกค้าต้องการลงทะเบียนจองคิวรถเพื่อทดลองขับหรือนัดหมายเพื่อนำรถเข้าศูนย์บริการ จะช่วยให้การมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์เป็นไปอย่างราบรื่นขึ้น ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น 

ด้านการปรับโครงสร้างและพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่ายปัจจุบัน ในกรุงเทพฯและปริมณฑล มาสด้ามีผู้จำหน่ายทั้งหมด 19 โชว์รูม สามารถรองรับลูกค้าที่มาเข้ารับการบริการได้ถึง 250,000 รายต่อปี หรือมากกว่า 20,000 คันต่อปี ซึ่งเพียงพอกับลูกค้าที่มีอยู่ในปัจจุบัน ในส่วนต่างจังหวัดมาสด้ากำลังเพิ่มศักยภาพของผู้จำหน่ายที่มีอยู่ทั้งหมด 65 แห่ง ให้พร้อมรองรับต่อความต้องการของลูกค้าที่จะเข้ามารับบริการ ด้วยกลยุทธ์ PMA ใหม่ที่กำหนดขอบเขตให้ผู้จำหน่ายที่มีศักยภาพสูงมีพื้นที่ในการดูแลลูกค้า

ส่วนคำถามถึงสถานการณ์การแข่งขันด้านราคาจากค่ายรถจีน นายธีร์กล่าวทิ้งท้ายว่า มาสด้าเรามีฐานลูกค้ากว่า 3 แสนราย เราจะรักษาความจงรักภักดีในแบรนด์ ไม่ร่วมการตัดราคา แต่จะนำเสนอรถยนต์คุณภาพในราคาที่แข่งขันได้ จะมอบข้อเสนอออกรถง่าย ลูกค้าเก่าก็จะได้ซื้อเพิ่ม ลูกค้าใหม่ก็จะได้รับความคุ้มค่าในการเป็นลูกค้ามาสด้า

นายพล

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image