โตโยต้า แจงยิบ ‘ยอดจอง’ มอเตอร์โชว์เท่าไหร่ ยอดขายจริงจะหายไปประมาณ 40%

โตโยต้า แจงยิบยอดจองมอเตอร์โชว์ ยอดขายจริงจะหายไปประมาณ 40%

เมื่อวันที่ 8 เมษายน นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยถึงกรณียอดจองรถยนต์ในงานมอเตอร์โชว์ (The 46th Bangkok International Motor Show 2025) ที่ผ่านมาว่า ก่อนอื่น เราขอขอบคุณทุกท่าน ที่ช่วยนําเสนอข่าวสาร และข้อมูลต่างๆ สำหรับงาน มอเตอร์โชว์ ส่งผลให้ปีนี้ เรามียอดจองในงานประมาณ 9,600 คัน ในมุมของโตโยต้าเอง ก็ถือว่าก็ประสบความสําเร็จ และบรรลุเป้าหมายที่เราตั้งไว้ ตัวเลขดังกล่าวทำให้เราพอจะเห็นสัญญาณบางอย่างของตลาดรถยนต์ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา โดยยอดจองที่ระดับ 9,600 คัน เมื่อเทียบกับยอดมอเตอร์เอ็กซ์โปปีที่แล้ว ระดับ 8,500 คัน ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสม สอดคล้องกับภาพตลาดรถยนต์ที่เริ่มฟื้นตัว

จากยอดจองรวมของโตโยต้าในงานมอเตอร์โชว์ จะเป็นสัดส่วนยอดจองรถยนต์ไฮบริดหรือรถ HEV ที่ประมาณ 40% ผู้ที่มางานส่วนใหญ่ จะมองหารถเก๋ง และรถเอสยูวี ทำให้สัดส่วนของรถกระบะอาจจะไม่เยอะเท่าไหร่ โดยรุ่นที่ได้รับการตอบรับอย่างดีในกลุ่มรถ HEV ก็จะเป็น ยาริส ครอส สำหรับรุ่นอื่นๆ ที่เหลือมีรถกระบะ 2,186 คัน เอทีฟ อยู่ที่ 1,606 คันครับ สำหรับยอดจองรถโตโยต้าทั้งประเทศระหว่างช่วงงานมอเตอร์โชว์ที่เรามอบแคมเปญเดียวกันทั่วประเทศ เรามียอดจองอยู่ที่ 21,068 คันนะครับ

นายศุภกร กล่าวว่า หากเราคิดสัดส่วนยอดจองในช่วงงานมอเตอร์โชว์ ก็คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 45% ของยอดจองทั้งหมดทั่วประเทศ โตโยต้าก็แจ้งยอดให้กับผู้จัดงานเป็นรายวัน จากการเก็บรวบรวมมาจากผู้แทนจำหน่ายฯที่ไปออกงาน ผู้แทนจำหน่ายฯจะส่งยอดจองให้เราทุกวัน หลังจากได้รับตัวเลขยอดจอง ทางเราจะตรวจสอบและยืนยันในหลายส่วน รวมถึงตัวระบบด้วย ทั้งการลงทะเบียนชื่อลูกค้าที่ทำการจอง รวมถึง ดูเรื่องของบริเวณพื้นที่ปิดการขาย หรือ Close sales area ว่าเป็นไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่ ซึ่งหากมีการแจ้งยอดจากผู้แทนจำหน่ายฯ ที่ดูสูงหรือต่ำเกินไป เราก็สามารถเห็นได้ ในปีนี้

ทางผู้แทนจำหน่ายฯ ก็ค่อนข้างชื่นชม ว่ามีการจัดพื้นที่ปิดการขายที่ใหญ่กว่าปีที่ผ่านมา เพราะปีที่แล้ว ลูกค้าแน่นมากจนแทบขึ้นไปจองรถกันบนเวที ทางเราก็เกรงใจลูกค้าจึงเพิ่มพื้นที่และจุดจองรถขึ้นมาอีก 30% โดยปกติ เฉลี่ยที่ 100 เซ็ท ก็เพิ่มเป็น 130 สำหรับวันเสาร์อาทิตย์ก็สามารถเพิ่มได้อีก ทำให้ปีนี้ เรามีพื้นที่ค่อนข้างเยอะ โตโยต้าก็พยายามที่จะรับลูกค้าจองให้ได้ ซึ่งผลก็ออกมาอย่างที่เห็น เรามียอดจองเพิ่มขึ้น อีกประมาณ 1,000 คัน นี่ถือเป็นการจัดการในส่วนหน้าบ้าน

ADVERTISMENT

ในส่วนหลังบ้านเราก็มีการตรวจสอบ อย่างที่แจ้งว่า ยอดจองภายในมอเตอร์โชว์อยู่ที่สัดส่วน ประมาณ 45% ของยอดจองทั้งประเทศ ซึ่งจุดนี้ก็สอดคล้องกับตัวเลขยอดขาย คือยอดขายของผู้แทนจำหน่ายฯ ในเขตกรุงเทพ และปริมณฑล โดยไม่รวมยอดขายลูกค้านามองค์กรหรือ Fleet Sales ที่มีอยู่ประมาณ 40% ของยอดขายทั้งประเทศ

นายศุภกร กล่าวว่า สำหรับยอดจอง 45% สุดท้ายก็จะมีไฟแนนซ์ไม่ผ่านบางส่วน และในความเป็นยอดจอง บางส่วนพอเข้ามาในงาน ลูกค้าก็จะเลือกซื้อ อาจเลือกแบรนด์อื่นๆ บางทีก็จองทิ้งไว้ก่อน พอไปดูรถจริงก็อาจมองว่ามีแบรนด์อื่นน่าสนใจ ก็ไม่จอง ยอดนี้ก็จะหายไป ประมาณ 4-5% ที่สุดท้ายก็จะอยู่ราว 40% ก็เป็นยอดขายของกรุงเทพ เมื่อเทียบกับต่างจังหวัด โดยถือเป็นตัวเลขที่อยู่ในระดับปกติครับ

ADVERTISMENT

เมื่อถามว่า ความกังวลเมื่อเห็นตัวเลขยอดจองของค่ายอื่นสูงกว่าโตโยต้า นายศุภกร กล่าวว่า ไม่ได้กังวลเพราะเราก็ตั้งเป้าหมายไว้ ซึ่งก็สามารถบรรลุเป้าหมายได้ บวกกับเมื่อตรวจสอบ ก็ไม่พบว่ามีความผิดปกติในส่วนของยอดจอง เพราะฉะนั้น ก็ค่อนข้างพอใจกับผลงานนะครับ ซึ่งที่ผ่านมา ระดับยอดจองรวมที่สูงกว่านี้ จะเป็นในช่วงของนโยบายรถคันแรก ที่มียอดจองประมาณ 85,000 คัน

เมื่อถามว่า คิดว่าตัวเลขยอดจองครั้งนี้ สะท้อนสถานการณ์จริงของตลาดไหม นายศุภกร กล่าวว่า เราอาจจะไม่เข้าใจระบบของค่ายอื่นๆ แต่ในส่วนของโตโยต้า เราพิจารณาตามหลักความเป็นจริง มีหลักปฏิบัติ หรือ Protocol ในการมอนิเตอร์ตัวเลขยอดจอง ตั้งแต่ที่ผู้แทนจำหน่ายฯ รับใบจองเข้าระบบ มีการตรวจสอบรายชั่วโมง โดยเราเน้นเรื่องของ Quality ด้วย เพื่อให้ข้อมูลการจองตรงตามจริงทั้งหมด และนำข้อมูลแจ้งฝ่ายผลิต เพื่อประกอบรถและส่งมอบให้แก่ลูกค้าให้เร็วที่สุด

เมื่อถามว่า ในกรณีที่เป็นตัวเลขยอดจองจริง จะสะท้อนสถานการณ์ของตลาดรถยนต์ไทยหรือไม่ นายศุภกร กล่าวว่า หากเป็นตัวเลขจริง สัดส่วนของรถยนต์ไฟฟ้า หรือ BEV จะขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 40-50% ของตลาดรวม

อย่างไรก็ตาม โตโยต้าก็ไม่ได้กังวลมากนัก เพราะว่าวันนี้เราก็ยังมุ่งดูแลลูกค้าของโตโยต้าเอง มากกว่าที่จะดูคู่แข่ง คือถ้าลูกค้ายังให้ความไว้วางใจยังมีความสุขและพึงพอใจกับสิ่งที่เราดูแล ตลอดอายุการใช้งาน ก็สะท้อนให้เห็นว่าลูกค้ายังเชื่อมั่นในแบรนด์ ซึ่งหากลูกค้าพึงพอใจในการใช้รถเรา โตโยต้าเองก็ยังมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะทําธุรกิจต่อไป

เมื่อถามว่า ยอดจองในปีนี้ ถือว่าเป็นตัวเลขยอดจองที่สูงที่สุดไหม นายศุภกร กล่าวว่า จริงๆ เคยมีสูงกว่านี้ มีบางช่วงที่เรามียอดจองแตะ 10,000 กว่า เกือบถึง 12,000 คันเช่นกัน เช่น ปี 2012 ที่ยอดจองรวมงานมอเตอร์โชว์ 57,000 คัน ยอดจองโตโยต้า 12,000 คัน แล้วก็มอเตอร์เอ็กซ์โป 2012 ยอดจองรวมงานมอเตอร์โชว์ 85,900 คัน ยอดจองโตโยต้า 18,000 คัน ส่วนฮอนด้ามี ยอดจองสูงกว่าที่ 19,000 คัน เมื่อยอดจองโตโยต้าอยู่อันดับที่ 2 ก็ไม่ได้ตกใจ หากเราจะไม่ได้รับยอดจองสูงสุด เพราะว่ามีอยู่หลายปี ที่เราไม่ได้อันดับหนึ่ง นี่ไม่ใช่ปีแรกที่ผลออกมาแบบนี้ ปกติ ยอดจองรวมในงาน ก็อยู่ประมาณ 40,000 กว่าคัน จนเมื่อปีที่แล้วปีที่แล้วขึ้น มาสูงกว่า 50,000 คัน แตะราวๆ 53,000 – 54,000 คัน ในช่วง มอเตอร์โชว์ และมอเตอร์ เอ็กซ์โป ยอดจองโตโยต้าก็อยู่ระดับ 8,200-8,500 คัน โดยเรามีสัดส่วนราวๆ 16-17%

เมื่อถามว่า จากตัวเลขยอดจอง ปกติจะเป็นยอดส่งมอบรถจริงกี่คัน นายศุภกร กล่าวว่า สำหรับยอดจองที่กลายมาเป็นยอดขาย จะหายไปประมาณ 40% โดยปกติ เพราะว่าปัจจุบันทางไฟแนนซ์ มีการปฏิเสธการอนุมัติการขอสินเชื่อที่ราวๆ 20% บางส่วน ลูกค้าก็อาจจะยังไม่พร้อม มีการยืดระยะเวลาออกไป เฉลี่ยประมาณ 30-40% ที่จะหายไป อันนี้เป็นเรื่องปกติ

เราจะมองที่ยอดขายในกรุงเทพฯ 3 เดือนหลังจากนี้ ว่ามีสัดส่วนที่เท่าไหร่ คืออย่างตอนมอเตอร์เอ็กซ์โป ยอดจองโตโยต้าอยู่ที่ 8,200 คัน ต่อมา 3 เดือนให้หลังเนี่ย ยอดขายในเขตกรุงเทพฯ อยู่ที่ 21,000 คัน หากเทียบเป็นสัดส่วน ยอดจองในงาน ต่อยอดขาย 3 เดือนหลังงาน อยู่ที่ประมาณ 37-38% ฉะนั้น จากยอดจองปีนี้ 9,600 คัน เราก็จะแทร็คจากยอดขายไปอีก 3 เดือน ซึ่งถ้าสัดส่วนอยู่ที่ 37-38% ก็ถือว่าป็นเรื่องปกติ ส่วนภาพรวมตลาด อย่างที่ผมบอกไปเมื่อตอนงานมอเตอร์โชว์ว่า ถ้าดูยอดขายปีที่แล้วมีการชะลอตัวลดลงตลอด ไม่เป็นไปตามฤดูกาลในการขาย หรือ seasonal sales เลย แต่พอถึงช่วงเดือนธันวาคม ต่อเนื่องถึงเดือนมกราคม ปกติตลาดจะลดลง 25% แต่ที่ผ่านมา ลดลงแค่ 10% กว่า แล้วยอดขายเดือนมกราคม มาเดือนกุมภาพันธ์จนถึงมีนาคมปีนี้ ตอนนี้ก็เริ่มไต่ขึ้นนะครับ อย่างยอดขายรวมเดือนที่แล้ว ตลาดก็ อยู่ที่ 56,000-57,000 คัน

เมื่อถามว่า โครงการของทางบสย. ถือว่ามีส่วนช่วยได้เยอะไหม นายศุภกร กล่าวว่า เดี๋ยวอาจจะต้องรอดูอีกระยะนึง เพราะตอนนี้ เป็นขั้นตอนการจอง ต้องดูตอนอนุมัติ ว่าโปรแกรมนี้จะถูกใช้หรือไม่ เพราะพอจัดไฟแนนซ์จะแยกกลุ่มลูกค้า เราจะเห็นตอนนั้นว่าสุดท้ายแล้ว โปรแกรมจะช่วยให้เกิดการส่งมอบได้เยอะขึ้นหรือไม่ ซึ่งปกติถ้าไม่มีโปรแกรมนี้ มันก็จะถูก reject ประมาณ 30% แต่พอเข้าสู่กระบวนการไฟแนนซ์แล้ว เราก็คาดหวังว่าจะโดนปฏิเสธน้อยกว่า 30%

เมื่อถามว่า จากตัวเลขที่ยอดจอง โตโยต้ามีการปรับกระบวนการผลิตหรือไม่ นายศุภกร กล่าวว่า จริงๆ แล้ว เราเริ่มปรับเพิ่มกำลังการผลิต มาตั้งแต่เดือนที่แล้ว เพราะอย่างที่แจ้งว่า ระหว่างเดือนมกราคม ถึงเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ตลาดเริ่มลดลงในสัดส่วนที่น้อยกว่าการลดลงในช่วงฤดูกาลขาย และยังไม่รวมผลระทบจากนโยบายภาษีทรัมป์ ที่เราเองก็กำลังรีบศึกษาอยู่

เมื่อถามว่า สัดส่วนลูกค้าที่จองรถ แล้วเปลี่ยนเป็นลูกค้าจริง เปรียบเทียบระหว่างภายในงานกับที่ผู้แทนจำหน่ายฯ ต่างกันมากไหม นายศุภกร กล่าวว่า จริงๆ ไม่ต่างกันมาก ในงานอาจน้อยกว่านิดหน่อย

เมื่อถามว่า เราส่งรถรุ่นไหนไปอเมริกาบ้างหรือไม่ นายศุภกร กล่าวว่า ตอนนี้ ยังไม่มี

เมื่อถามว่า โตโยต้ามีการปรับกลยุทธ์เสริมแบรนด์ให้แข็งแกร่งขึ้น จากยอดจองรถจีนบ้างไหม อย่างไร
นายณัทธร ศรีนิเวศน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า โตโยต้าให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้าของเรา ถ้าถามว่าคนอื่นมีผลไหม มีผลในเวลาวิเคราะห์ในภาคการตลาด จริงๆ เรามองที่ระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนอยู่ โดยไม่ได้ใช้ข้อมูลการจอง หรือข้อมูลการจองสิทธิ์หรือข้อมูลต่างๆ มากมาย มาเป็นปัจจัยในการแทรกแซงการทำ Planning หรือการวางแผนการขาย

แต่แน่นอนว่าในเชิงการตลาด เราก็ต้องตื่นตัว ต้องมีแคมเปญที่ถูกใจลูกค้า และเนื่องจากราคารถคู่แข่งก็ถูก ก็อาจจะมีคนที่ลังเลในการตัดสินใจที่จะซื้อ หน้าที่ของเราคือการออกแบบเครื่องมือที่ทําให้ลูกค้าออกรถได้ ก็คือการอเสนอดีลและข้อเสนอพิเศษต่างๆ ทั้งในงานมอเตอร์โชว์ รวมทั้งผู้แทนจำหน่ายฯ ทุกประเทศ เราจึงมามุ่งเน้นในการทําให้แคมเปญออกแบบให้เหมาะกับลูกค้าได้ เพื่อให้ลูกค้าออกรถได้เร็ว หลังจากนั้นก็เริ่มดูแลลูกค้าของเราต่อ ทางด้านการตลาด เราก็พยายามสร้างสีสัน เพื่อให้ดีลเลอร์มีวิธีการไปคุยกับลูกค้าใหม่ๆ ซึ่งเราเองก็ทําอยู่ตลอดครับ

เมื่อถามว่า ระยะเวลาในการส่งมอบรถ นับตั้งแต่การจอง นายศุภกร กล่าวว่า ซัพพลายของเรามีเพียงพอแน่นอน ยอดจอง 8,000-9,000 คัน ในช่วงงาน 14 วัน จริงๆ อยู่ในระดับยอดขายหนึ่งเดือนของผู้แทนจำหน่ายในเขตกรุงเทพฯ เรามีพร้อมที่จะส่งมอบรถให้กับลูกค้าอยู่แล้ว ระยะเวลาคาดการณ์สูงสุด อยู่ที่ประมาณ หนึ่งเดือนครึ่ง ก็สามารถส่งมอบรถได้หมด แต่บางดีลเลอร์ก็ซัพพลายรุ่นนี้น้อย ก็อาจรอนานหน่อย แต่ว่าบางดีลเลอร์ ถ้าพร้อมจริงๆ ก็ส่งมอบรถได้เลย

เมื่อถามว่า ยอดจองที่เยอะขนาดนี้ เดือนอื่นๆ โตโยต้าจะขายรถได้ไหม นายศุภกร กล่าวว่า เรามีกําลังในการที่ซัพพลายรถอย่างเพียงพอ รวมทั้ง ตอนนี้ ยังมีผู้แทนจำหน่ายฯ บางแห่งที่รถเริ่มไม่พอขายและก็เริ่มสอบถามรถเพิ่มจากโตโยต้าบ้างแล้ว หากเทียบยอดจอง ช่วงที่ไม่มีมอเตอร์โชว์หรือมอเตอร์เอ็กซ์โป ยอดจองของโตโยต้าทั่วประเทศ จะอยู่ที่เดือนละประมาณ 20,000 กว่าคัน ปกติเป็นยอดจองของผู้แทนจำหน่ายฯ ในเขตกรุงเทพ ราว 40% คือประมาณ 8,000 คัน แต่พอมีมอเตอร์โชว์ 14 วัน เรามียอดจอง 9,000 กว่าคัน โดยเป็นดีลเลอร์กรุงเทพฯ ที่ทำการขาย เพราะฉะนั้น ช่วงเวลาที่เหลือ ก็มีช่วงหยุดสงกรานต์ จากนั้นก็เหลืออีกซักอาทิตย์นึงก็หมดเดือน ก็น่าจะได้ยอดเพิ่มสักประมาณ 10,000 กว่าคันของดีลเลอร์กรุงเทพ ซึ่งถือเป็นระดับปกติ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image