ผู้เขียน | นายพล |
---|
ถอดรหัส ‘โตโยต้า อัลติส’
เส้นทางสู่รถเก๋งยอดนิยม
ในบรรดารถเก๋งกลุ่ม ซี เซกเมนต์ หรือเก๋งกลาง โตโยต้า อัลติส ถือว่าเป็นรถที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ เลยทีเดียว
ด้วยคุณสมบัติทั้งเรื่อง ความคงทน ประหยัด ซ่อมบำรุงง่าย จึงกลายมาเป็นขวัญใจของทั้งรถบ้านและรถแท็กซี่
แถมรุ่นหลังๆ มานี้ เติมมาแบบครบเครื่อง ทั้งเรื่องสมรรถนะการขับขี่ และเทคโนโลยีต่างๆ
อย่างล่าสุด เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 โตโยต้าเติมเต็ม อัลติส นำเสนอรุ่นตกแต่งพิเศษ รุ่น จีอาร์ (GR) หรือ กาซู เรซซิ่ง เพื่อเอาใจสายรถแต่ง
รุ่น HEV GR SPORT เครื่องยนต์ไฮบริด 1.8 ลิตร ดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ของ GR ผสานความสปอร์ต อัตราการใช้น้ำมัน 23.8 กิโลเมตร/ลิตร (อ้างอิงจาก Eco Sticker)
การออกแบบใหม่ เฉพาะรุ่น GR SPORT ได้แก่ กันชนหน้าและกระจังหน้าสีดำเงา ใหม่ หลังคาสีดำเงา ใหม่ สปอยเลอร์หลังสีดำเงา ใหม่ ล้ออัลลอยสีดำขนาด 17 นิ้ว ใหม่ ไฟท้าย Full LED แบบ Clear Lens ใหม่
เบาะนั่งคู่หน้าทรงสปอร์ต หนัง Suede แบบเจาะรูและหนังสังเคราะห์ เดินด้ายสีแดง พร้อมสัญลักษณ์ GR ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง และ Lumbar Support แบบไฟฟ้า ใหม่ เข็มขัดนิรภัยสีแดงสไตล์ GR SPORT ใหม่ภายในเดินด้ายสีแดง ตกแต่งสีแดงและสีเงิน Smoked Silver ใหม่ พวงมาลัยตกแต่งสัญลักษณ์ GR ใหม่ ปุ่ม Push Start และ Smart Key ตกแต่งสัญลักษณ์ GR
ปรับแต่งพิเศษ เฉพาะรุ่น GR SPORT ได้แก่ Electric Power Steering พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า ปรับแต่งเฉพาะรุ่น GR SPORT ใหม่
Shock Absorber ช่วยดูดซับแรงสั่นสะเทือน Coil Spring คอยล์สปริงปรับแต่งโดยเฉพาะเพื่อการขับขี่มั่นคงและนุ่มนวล Rear Stabilizer Bar ลดอาการโคลงขณะเข้าโค้ง ยึดเกาะถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพแบตเตอรี่แบบ Lithium-ion ใหม่
สัญลักษณ์ TOYOTA HEV ใหม่ ไฟหน้า LED โปรเจ็กเตอร์ พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED Light Guiding
จอแสดงผลข้อมูลผู้ขับขี่ TFT ขนาด 12.3 นิ้ว หน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้ารถ HUD (Head Up Display) อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา มี nanoeX ระบบกรองอากาศภายในห้องโดยสารช่วยขจัดกลิ่นและยับยั้งเชื้อโรค Smart Entry ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ สำหรับผู้ขับ ผู้โดยสารตอนหน้า และห้องเก็บสัมภาระท้ายรถ
เทคโนโลยีความปลอดภัย Toyota Safety Sense ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง BSM (Blind Spot Monitor)
นอกจากนี้ ยังมีให้เลือกอีก 3 รุ่น ได้แก่
รุ่น HEV PREMIUM เครื่องยนต์ไฮบริด 1.8 ลิตร อัตราการใช้น้ำมัน 23.8 กม./ลิตร (อ้างอิงจาก Eco Sticker) ระบบส่งกำลังอัตโนมัติ E-CVT ทำงานร่วมกับช่วงล่าง TNGA จุดศูนย์ถ่วงต่ำ ทรงตัวและเข้าโค้งดีขึ้น ช่วงล่างหลังอิสระแบบ Double Wishbone ระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense พร้อมสีภายนอกใหม่ สีเทา Cement Gray Metallic ใหม่ แบตเตอรี่แบบ Lithium-ion ใหม่
สัญลักษณ์ TOYOTA HEV ใหม่ ไฟหน้า LED โปรเจ็กเตอร์ พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED Light Guiding กระจังหน้าดีไซน์ Polygon และไฟตัดหมอกหน้า LED พร้อมคิ้วโครเมียม ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว
หน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย
ระบบควบคุมและปรับความเร็วอัตโนมัติ ได้ถึง 0 กม./ชม. (All Speed Dynamic Radar Cruise Control) ระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ และระบบเบรกมือไฟฟ้า ช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า USB ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง ในกล่องเก็บของคอนโซลกลาง 1 ตำแหน่งและด้านหลัง 2 ตำแหน่ง
เบาะหนังแท้และหนังสังเคราะห์ เบาะนั่งด้านคนขับ ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อม Lumbar Support แบบไฟฟ้า เบาะนั่งด้านหลังแบบแยกพับได้ 60:40 พร้อมที่วางแขน และที่วางแก้วน้ำ Smart Entry ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ สำหรับผู้ขับ ผู้โดยสารตอนหน้า และห้องเก็บสัมภาระตอนท้าย
เทคโนโลยีความปลอดภัย Toyota Safety Sense ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง BSM (Blind Spot Monitor)
รุ่น 1.8 Sport เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.8 ลิตร ให้กำลัง 140 แรงม้า ระบบส่งกำลังอัตโนมัติ Super CVT-i 7 สปีด พร้อม Sequential Shift ทำงานร่วมกับช่วงล่าง TNGA มาพร้อมกับจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ช่วงล่างหลังอิสระแบบ Double Wishbone ระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense และตัวเลือกสีภายนอกใหม่ สีเทา Cement Gray Metallic
ไฟหน้า LED โปรเจ็กเตอร์ พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED Light Guiding กระจังหน้าดีไซน์ Polygon และไฟตัดหมอกหน้า LED พร้อมคิ้วโครเมียม ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว
หน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย
ระบบควบคุมและปรับความเร็วอัตโนมัติ ได้ถึง 0 กม./ชม. (All Speed Dynamic Radar Cruise Control) ระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ และระบบเบรกมือไฟฟ้า ช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า USB ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง ในกล่องเก็บของคอนโซลกลาง 1 ตำแหน่ง และด้านหลัง 2 ตำแหน่ง
เบาะหนังแท้และหนังสังเคราะห์ เบาะนั่งด้านคนขับ ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อม Lumbar Support แบบไฟฟ้า เบาะนั่งด้านหลังแบบแยกพับได้ 60:40 พร้อมที่วางแขน และที่วางแก้วน้ำ Smart Entry ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ สำหรับผู้ขับ ผู้โดยสารตอนหน้า และห้องเก็บสัมภาระตอนท้าย
เทคโนโลยีความปลอดภัย Toyota Safety Sense ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง BSM (Blind Spot Monitor)
รุ่น 1.6G เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.6 ลิตร หน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย
เบาะนั่งด้านหลังพับได้แบบ 60:40 พร้อมที่วางแขน และที่วางแก้วน้ำ และระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมช่องปรับอากาศตอนหลัง มีสัญญาณเตือนกะระยะ และจอมองภาพขณะถอยหลัง
มาพร้อมตัวเลือกสีภายนอกใหม่สีเทา Cement Gray Metallic กระจังหน้าสีดำสไตล์สปอร์ต ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว
หน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย ช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า USB ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง ในกล่องเก็บของคอนโซลกลาง 1 ตำแหน่ง และด้านหลัง 2 ตำแหน่ง
ช่องปรับอากาศสำหรับที่นั่งด้านหลัง เบาะนั่งด้านหลังแบบแยกพับได้ 60:40 กล้องมองภาพขณะถอยหลัง และสัญญาณเตือนกะระยะท้ายรถ Smart Entry ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ สำหรับผู้ขับ ผู้โดยสารตอนหน้า และห้องเก็บสัมภาระตอนท้าย
สำหรับราคา รุ่น HEV GR SPORT 1,129,000 บาท รุ่น HEV PREMIUM 1,009,000 บาท รุ่น 1.8 SPORT 979,000 บาท รุ่น 1.6G 894,000 บาท
จะเห็นได้ว่า อัลติสแต่ละรุ่น พยายามเติมเต็มทั้งในเรื่องความปลอดภัย ความสะดวกสบาย เพื่อรักษาชื่อเสียงไว้ในฐานะรถยอดนิยม ไม่ว่ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีนจะบุกเข้ามาแข่งขันอย่างรุนแรงก็ตาม