| ที่มา | คอลัมน์ โชว์รูมประชาชื่น มติชนรายวัน |
|---|
มร.โนริอากิ อาเบะ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการประจำภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด และประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท เอเชี่ยน ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ฮอนด้าได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของประเทศไทยในฐานะที่เป็นตลาดมีศักยภาพในการเติบโตสูง เป็นฐานการผลิตรถยนต์ฮอนด้าใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย ดังนั้น ประเทศไทยจึงเป็นประเทศแรกนอกทวีปอเมริกาเหนือที่ได้เปิดตัว ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ และยังเป็นรถยนต์รุ่นแรกที่ผลิตขึ้น ณ โรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้าแห่งใหม่ในจังหวัดปราจีนบุรี โดยนำเอานวัตกรรมการผลิตอันล้ำสมัยของโรงงานผลิตรถยนต์ที่โยริอิ ประเทศญี่ปุ่นมาประยุกต์ใช้ ณ โรงงานใหม่แห่งนี้ แสดงให้เห็นถึงพันธสัญญาของฮอนด้าที่มีต่อประเทศไทยในการเป็นยุทธศาสตร์ฐานการผลิตที่สำคัญ และเป็นศูนย์กลางการส่งออกไปทั่วโลก
นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ฮอนด้า ซีวิค เริ่มวางจำหน่ายครั้งแรกในประเทศไทยในเจเนอเรชั่นที่ 3 เมื่อปี พ.ศ.2527 พิสูจน์ได้ด้วยยอดขายสะสมจนถึงปัจจุบันเกือบ 460,000 คัน ฮอนด้า ซีวิค เติบโตควบคู่กับฮอนด้าในประเทศไทยมาโดยตลอด และยังเป็นเสมือนตัวแทนสื่อถึงภาพลักษณ์ของฮอนด้า เพราะเมื่อพูดถึงฮอนด้า ผู้คนจะนึกถึงซีวิคและสปอร์ต ดีเอ็นเอคู่กันเป็นอันดับแรกเสมอ และในครั้งนี้ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 10 จะยกระดับซีวิคให้ก้าวล้ำไปกว่าเดิม หลังจากเปิดตัวในทวีปอเมริกาเหนือเพียง 6 เดือน สามารถคว้ารางวัลยนตรกรรมยอดเยี่ยมถึง 14 รางวัล จาก 10 สถาบันชั้นนำ
ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ จัดวางโครงสร้างเน้นออกแบบตัวรถดูสปอร์ตและล้ำสมัยด้วยตัวถังกว้าง ความสูงตัวรถลดลง เพื่อสร้างอารมณ์การขับขี่สปอร์ต พื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขึ้น รูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวและหรูหราด้วยเส้นสายด้านข้างตัวรถคมชัด สปอร์ตและดุดันขึ้นด้วยกระจังหน้าโครเมียมรูปร่างคล้ายปีกวางตัวเป็นแนวยาวเต็มกรอบกระจังหน้า เชื่อมต่อกับไฟหน้าสไตล์สปอร์ตพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไฟท้ายรูปทรงตัว C แบบ LED ภายใน เน้นออกแบบให้ความรู้สึกสปอร์ตและพรีเมียม เทคโนโลยีควบคุมง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส อาทิ ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ แอดวานซ์ ทัช (Advanced Touch) ควบคุมฟังก์ชั่นความบันเทิง พร้อมระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย หรือ บลูทูธ (Bluetooth) และช่องเชื่อมต่อ USB รองรับการเชื่อมต่อ แอปเปิล คาร์เพลย์ (Apple CarPlay) เฉพาะสมาร์ทโฟนบางรุ่น สามารถสลับเปลี่ยนข้อมูลและค้นหาตัวอักษรได้ง่ายด้วยปุ่มควบคุมบนพวงมาลัยและระบบสตาร์ตเครื่องยนต์ พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมต (Engine Remote Start) สั่งการได้จากระยะไกล เพื่อช่วยอุ่นเครื่อง พร้อมปรับอุณหภูมิภายในห้องโดยสารให้เย็นสบายล่วงหน้าก่อนออกเดินทางขณะนั้นประตูรถยังคงล็อกอยู่เช่นเดิม รถจะไม่สามารถออกตัวได้จนกว่าผู้ขับจะเข้าไปสตาร์ทรถตามปกติ
เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร DOHC วีเทค เทอร์โบ (VTEC TURBO) ใหม่พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ใหม่ เครื่องยนต์และระบบเกียร์พัฒนาภายใต้เทคโนโลยี เอิร์ธดรีม ให้กำลังสูงสุด 173 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 220 นิวตัน-เมตร ที่ 1,700-5,500 รอบต่อนาที กำลังเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 2.4 ลิตร แต่มีอัตราการประหยัดน้ำมันเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร และมีเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร SOHC ไอ-วีเทค (i-VTEC) พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT พัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีมเช่นกัน กำลังสูงสุด 141 แรงม้า ที่ 6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 174 นิวตัน-เมตร ที่ 4,300 รอบต่อนาที รองรับพลังงาน E85 อาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) ระบบ Auto Brake Hold และระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock)
นายสมภพ ปฏิภานธาดา ผู้จัดการทั่วไปส่วนการตลาด บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ตั้งเป้าการจำหน่าย 25,000 คัน ภายใน 1 ปี มีให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่น ได้แก่ รุ่น เทอร์โบ อาร์เอส (TURBO RS) ราคา 1,199,000 บาท รุ่น เทอร์โบ 1,099,000 บาท รุ่น 1.8 EL ราคา 959,000 บาท และรุ่น 1.8 E ราคา 869,000 บาท โดยมีให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีขาวออร์คิด (มุก) สีดำคริสตัล (มุก) สีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) และ 2 สีใหม่ ได้แก่ สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) และสีน้ำเงินคอสมิก (เมทัลลิก)
