จับสัญญาณ ‘ท่องเที่ยวไทย’ ขาด ‘จีน’ เหมือน ‘ขาดใจ’ ลุ้น ‘สีจิ้นผิง’ เปิดประเทศปีหน้า

จับสัญญาณ‘ท่องเที่ยวไทย’ ขาด‘จีน’เหมือน‘ขาดใจ’ ลุ้น‘สีจิ้นผิง’เปิดประเทศปีหน้า

จับสัญญาณ ‘ท่องเที่ยวไทย’ ขาด ‘จีน’ เหมือน ‘ขาดใจ’ ลุ้น ‘สีจิ้นผิง’ เปิดประเทศปีหน้า

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการระบาดของโควิด-19 ที่กินเวลายาวนานเกือบ 3 ปี ทำให้โลกเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมหลากหลายปัจจัย ทั้งภาวะสังคมและเศรษฐกิจ แม้ปัจจุบันสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลาย แต่ยังไม่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทำให้หลายประเทศยังกล้าๆ กลัวๆ จะปลดล็อกให้พลเมืองกลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิม

โดยเฉพาะ “ประเทศจีน” มหาอำนาจทางเศรษฐกิจและมีความสำคัญกับเศรษฐกิจไทยอย่างมาก เนื่องจากพึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นส่วนใหญ่

จากสถิติในปี 2562 ก่อนเกิดวิกฤตโควิด “ประเทศไทย” มีรายได้นักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 1.9 ล้านล้านบาท เมื่อเจาะลึกลงไปพบว่าเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวจีนกว่า 531,600 ล้านบาท หรือคิดเป็น 28% ของรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด จากจำนวนคนจีนที่มาเที่ยวไทยประมาณ 11 ล้านคน

⦁ ‘ซีโร่โควิด’ดับฝันท่องเที่ยวไทย

Advertisement

ล่าสุด สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีนส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะยังคงดำเนินนโยบาย “ซีโร่โควิด” ต่อไป จนกว่าจะมีการประชุม 2 สภาของรัฐบาลจีนในเดือนมีนาคม 2566

ดันนั้น เมื่อจีนยังไม่ปลดล็อกให้พลเมืองเดินทางออกนอกประเทศได้ตามปกติ จึงนับว่าเป็นความเสี่ยงของประเทศไทย เพราะ “ตลาดจีน” เป็นสัดส่วนที่สูงมาก และว่ากันว่าเปย์หนักเมื่อเทียบกับชาติอื่นๆ

แล้วเอฟเฟ็กต์จะเป็นอย่างไรหาก “จีน” ยังคงปิดประเทศลากยาวข้ามปี ในเมื่อนักเศรษฐศาสตร์และนักวิชาการต่างบอกไปในทิศทางเดียวกันว่าท่ามกลางเศรษฐกิจโลกถดถอย เศรษฐกิจไทยในปี 2566 ยังคงขยายตัว โดยมีการท่องเที่ยวและการส่งออกเป็นแรงหนุน

Advertisement

มีมุมมองจาก เมธี สุภาพงษ์ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 2566 ยังมี 3-4 ปัจจัยเสี่ยง ซึ่งรวมถึงปริมาณนักท่องเที่ยว หากลดลงจากเดิมที่คาดไว้จะเข้ามา 21 ล้านคน เหลือต่ำกว่า 19 ล้านคน เช่น นักท่องเที่ยวจีนไม่เข้ามาเลย ก็มีสิทธิที่การขยายตัวของเศรษฐกิจ (จีดีพี) จะโตต่ำกว่า 3%

⦁ ททท.-เอกชนแก้เกมเจาะตลาดใหม่

ด้าน ธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ททท.ต้องมีการปรับแผนทำการตลาดนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ในระหว่างที่รัฐบาลจีนยังไม่แสดงความชัดเจนว่า จะเปิดประเทศให้พลเมืองชาวจีนออกท่องเที่ยวนอกประเทศได้เมื่อใด จึงจำเป็นต้องเสริมทัพด้วยนักท่องเที่ยวจากชาติอื่นๆ ให้มากที่สุด ภายใต้นโยบายไม่รอจีน เพื่อเร่งดึงดูดนักท่องเที่ยวจากตลาดอื่นๆ โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชีย ซึ่งฟื้นตัวได้เร็วแทน เพราะหากต้องรอจีนอย่างเดียวตายแน่นอน

“ในปี 2566 กำหนดเป้าหมายรวมนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทย แบ่งเป็นกรณีพื้นฐานไว้ที่ 18 ล้านคน บนเงื่อนไขตลาดนักท่องเที่ยวจีนฟื้นตัวกลับมาแบบครึ่งๆ กลางๆ สร้างรายได้จากตลาดต่างประเทศ 971,790 ล้านบาท ขณะที่กรณีดีที่สุด ตั้งเป้าไว้ที่ 30 ล้านคน บนเงื่อนไขนักท่องเที่ยวจีนกลับมาแบบเต็มที่ โดยปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยในปี 2566 จะได้ตามเป้าหมายหรือไม่ ขึ้นอยู่กับตลาดจีนจะกลับมาเปิดประเทศได้ในช่วงใด” ธเนศวร์ขยายความ

สอดรับกับ ศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) มองว่า ภาพรวมการท่องเที่ยวขณะนี้เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะหากเทียบกับช่วงต้นปี2565 ที่ผ่านมา เนื่องจากนับตั้งแต่เปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบแล้ว แต่ตลาดจีนที่เป็นตลาดนักท่องเที่ยวหลักของไทยนั้น อาจต้องรอถึงปี 2566 ที่จะกลับมาเที่ยวไทยอีกครั้ง เพราะรัฐบาลจีนยังไม่ปลดล็อกให้พลเมืองเดินทางออกนอกประเทศ ซึ่งในระหว่างนี้ก็ต้องทำตลาดประเทศอื่นๆ ที่มีความหวังก่อน อาทิ อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง และตลาดระยะไกลอย่างยุโรป หรือสหรัฐอเมริกา แม้ไม่สามารถทดแทนนักท่องเที่ยวจีนได้ แต่ก็ถือเป็นนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาสร้างรายได้ชดเชยในส่วนที่หายไปของชาวจีน

“ศิษฎิวัชร” กล่าวอย่างคาดหวังว่า ถึงปัจจุบันจะมีปัจจัยเสี่ยงที่ยังมีอยู่ทั้งที่เริ่มเห็นแล้ว บวกกับในอนาคตที่รออยู่หรืออาจปะทุขึ้นมาอีก อย่างสงครามระหว่างประเทศ ภาวะเงินเฟ้อ และราคาพลังงานสูง ส่งผลต่อต้นทุนในการเดินทางท่องเที่ยวที่สูงขึ้นด้วย แต่ก็ยังเห็นปัจจัยสนับสนุนการท่องเที่ยวไทยอยู่บ้าง

⦁ ‘บาทอ่อน’หนุนต่างชาติมาไทย

ขณะที่ สนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มองว่า การอนุญาตให้ชาวจีนและชาวต่างชาติสามารถเข้าออกประเทศได้ จะเป็นตัวแปรที่มีความสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจจีนกลับมาฟื้นตัวเติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ในระดับ 4-5% และประเทศไทยจะได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวนี้ด้วย เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา จีนเข้ามาลงทุนในไทยเป็นลำดับ 6 ของอาเซียน ซึ่งนับว่ายังน้อยมาก แต่ในทางการท่องเที่ยว ถือว่าชาวจีนมาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในปี 2562

“ภายหลังการเมืองภายในและปัญหาต่างๆ ของจีนสงบนิ่งแล้ว เชื่อว่าชาวจีนจะสามารถกลับมาท่องเที่ยวในไทยได้อย่างเต็มที่ โดยประเมินว่า ปี 2566 หากจีนเปิดการเข้าออกประเทศเป็นปกติ จะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนมาไทยได้ไม่ต่ำกว่า 5 ล้านคน รวมถึงกลุ่มนักลงทุนในจีนที่จะเข้ามาลงทุนในบ้านเราเพิ่มขึ้นด้วย” สนั่นกล่าวย้ำ

ด้าน ชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ประเมินสถานการณ์ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง จนแตะระดับ 38 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ณ วันที่ 4 พฤศจิกายนที่ผ่านมานั้น ในเบื้องต้นจะส่งผลเชิงบวกกับภาคการท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทยเพิ่มมากขึ้น ถือเป็นหนึ่งในตัวช่วยตัดสินใจให้เดินทางเข้ามาได้เร็วกว่าเดิม เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติจะมีความคุ้มค่าในการใช้จ่าย รวมถึงจะเป็นปัจจัยที่ช่วยชะลอการเดินทางออกไปเที่ยวต่างประเทศของคนไทยด้วย เพราะต้องจ่ายแพงขึ้น ทำให้อาจมองว่าไม่คุ้มค่ากับการเดินทางด้วย

แม้เศรษฐกิจ-การท่องเที่ยวของไทย ยังมีปัจจัยบวกที่ส่งสัญญาณทำให้ยิ้มออกได้บ้าง แต่หากเทียบกับปัจจัยเสี่ยงค่อนไปทางลบที่สำคัญ อย่าง “จีน” ที่เป็นความหวังในการปั๊มรายได้ ยังไม่เปิดประเทศ อาจพูดได้ว่า “ปัจจัยบวก” คงไม่ได้มีผลช่วยในแง่บวกได้เหมือนชื่อปัจจัยมากนัก

เมื่อภาค “การท่องเที่ยว” เป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ยังไม่สามารถเดินหน้าได้อย่างเต็มสูบเหมือนอย่างใจคิด แล้วเศรษฐกิจไทยที่ยังติดๆ ดับๆ จะเดินหน้าฟื้นตัวได้ดีมากน้อยขนาดไหนในปี 2566 และปีต่อๆ ไป ยังคงเป็นคำถามที่ต้องหาคำตอบต่อไป ในเมื่อปัจจัยเสี่ยงทั้งภายในและภายนอก ยังคงรุมเร้าอีกเพียบ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image