‘แจ๊ก หม่า’ นำทัพ ‘อาลีบาบา’ ร่วมขับเคลื่อน ‘ไทยดิจิทัล ฮับ’

REUTERS/Jorge Silva

หมายเหตุ – นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายแจ๊ก หม่า ประธานกรรมการบริหารกลุ่มอาลีบาบา นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วยข้าราชการระดับสูงและผู้บริหารภาคชน ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างหน่วยงานภาครัฐของไทยกับบริษัทในเครืออาลีบาบา กรุ๊ป เพื่อส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยภายใต้ยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0


แจ๊ก หม่า
ประธานกรรมการบริหารและผู้ก่อตั้งกลุ่มอาลีบาบา

จีนกำลังก้าวขึ้นสู่การเป็นตลาดผู้บริโภคที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ด้วยการขยายตัวของกำลังซื้อของคนชั้นกลางที่มีจำนวนมากกว่า 300 ล้านคน ในปัจจุบัน ประกอบกับนโยบายเปิดการค้าเสรีของจีน คงไม่มีเวลาที่ดีกว่านี้อีกแล้ว ที่ประเทศต่างๆ จะใช้โอกาสนี้ในการส่งสินค้าไปยังตลาดจีน

ที่สำคัญคือผลิตผลทางการเกษตรของไทย ไม่ว่าจะเป็นข้าวหอมมะลิ ทุเรียน หรือผลไม้ต่างๆ ล้วนเป็นสินค้าที่ชาวจีนชื่นชอบ ด้วยจุดแข็งในเรื่องผู้คนและวัฒนธรรมของไทย ประกอบกับนโยบายประเทศไทย 4.0 ทำให้เรามั่นใจในอนาคตและศักยภาพการเติบโตของไทย โดยกลุ่มอาลีบาบายืนยันที่จะเป็นพันธมิตรในระยะยาวกับประเทศไทยในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่โลกดิจิทัล

Advertisement

ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายมีความเป็นห่วงว่าการเข้ามาลงทุนของอาลีบาบาจะผูกขาดตลาดการค้าออนไลน์ในไทยนั้น ทางอาลีบาบายืนยันว่าเราไม่ได้ทำธุรกิจที่มุ่งแสวงหากำไรหรือผูกขาดทางการค้า แต่เราเน้นการสร้างความสามารถให้ธุรกิจและคนรุ่นใหม่ประสบความสำเร็จ เพราะกำลังคนเรายังมีไม่เพียงพอ และหากเราได้คนที่ประสบความสำเร็จเข้ามาเป็นหุ้นส่วนธุรกิจ เราก็จะสำเร็จไปด้วยกัน

เราไม่ต้องการทำสงครามทางการค้าไม่ว่ากับประเทศไหน เพราะเชื่อในการค้าเสรี ซึ่งทำให้ทุกคนสามารถค้าขายกันได้ทั่วโลก โดยอาลีบาบามีเป้าหมายที่จะทำให้โลกเกิดความสมดุล เท่าเทียม และเป็นธรรม และในที่สุดการค้าจะช่วยแก้ปัญหาการเมืองได้ โดยเราต้องการสร้างฐานข้อมูลด้านการค้าระบบออนไลน์ในกลุ่มประเทศอาเซียนให้เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อนำไปสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรมในภูมิภาค

สำหรับการลงทุนมาเลเซียและไทยนั้นไม่ต่างกันเพราะมีวิสัยทัศน์ที่ตรงกับอาลีบาบา ผมคิดว่าประเทศไทยมีสถานะที่ไม่เหมือนใคร ทรัพยากรไม่เหมือนใคร มีชาวจีน 10 ล้านคนมาเที่ยวไทย และจะเพิ่มมากขึ้นถ้าพัฒนาการท่องเที่ยวไปสู่ดิจิทัล รวมถึงสินค้าเกษตรที่สามารถส่งออกไปตลาดต่างประเทศไทย เราต้องการให้สินค้าไทยส่งออกไปยังประเทศจีน รองรับ 30 ล้านคน และเพิ่มเป็นอีกหลาย 100 ล้านคน ในอนาคต เป้าหมายหนึ่งยังต้องการยกระดับการท่องเที่ยวไทยให้มีมาตรฐานสากล โดยเตรียมจัดหลักสูตรสำหรับธุรกิจบริการขนาดเล็กเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวที่เป็นจุดแข็งไม่เหมือนใคร ส่วนมาเลเซียก็มีจุดที่ไม่เหมือนใครเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและอินเตอร์เน็ต

Advertisement

ยอมรับว่าอาลีบาบากำลังพัฒนายานยนต์ไร้คนขับ เพราะคิดว่าเราเติบโตมาแบบไม่มีอะไรเลยตลอดระยะเวลา 19 ปีที่ผ่านมา จนปัจจุบันเรามีเทคโนโลยีและนวัตกรรมมากมายจึงต้องการสร้างประโยชน์ให้กับโลก โดยคิดว่าเป็นการแข่งขันกับอนาคต เพราะเชื่อว่ารถจะมีความสำคัญมากในการใช้ชีวิตของแต่ละคน และใช้ชีวิตอยู่ในรถมากขึ้น การสร้างรถยนต์ไร้คนขับต้องการเป็นเพื่อนกับคนมากขึ้น 50% เน้นอีคอมเมิร์ซ 70% เน้นไปที่การสร้างอนาคต

สำหรับอภิสิทธิ์ด้านการลงทุนนั้น ถ้ารัฐบาลจะให้ใครก็ควรไปให้บริษัทเล็กๆ มากกว่ามาให้อาลีบาบา ซึ่งเรื่องนี้จะเป็นนโยบายที่ดีของรัฐบาล ทั้งนี้เรื่องอีคอมเมิร์ซและอินเตอร์เน็ตเป็นเรื่องที่ดีมากสำหรับตลาดเอเชีย เพราะมีคนหนุ่มคนสาวรุ่นใหม่ที่มีกำลังการพัฒนามาก และในอีก 2 เดือนข้างหน้าผมจะเดินไปแอฟริกา และจะไปละตินอเมริกา เพื่อเข้าไปช่วยเหลือคนหนุ่มสาวในประเทศเหล่านี้ให้มีการพัฒนาโดยมีดิจิทัลเป็นตัวขับเคลื่อน

สำหรับ eWTP (Electronic World Trade Platform) เป็นวิแพลตฟอร์ม ของอาลีบาบา จะไม่มีเครื่องมือผูกขาดการค้าแน่นอน เพราะผมไม่ชอบสงคราม ผมกำลังพยายามผลักดันการค้าเสรี เพิ่มนโยบายการค้าที่สามารถครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย หากเกิดสงครามการค้าเราในฐานะนักธุรกิจก็ต้องเจรจาได้ เพราะการค้าจะช่วยแก้ปัญหาทางการเมืองได้ แต่ผมก็คิดว่าไม่น่าจะเกิดภาวะสงครามการค้า ลืมไปได้เลยว่าเราจะผูกขาด


สมคิด จาตุศรีพิทักษ์
รองนายกรัฐมนตรี

ขอบคุณนายแจ๊ก หม่า ที่สละเวลามาเมืองไทย และยังเชื่อมั่นเลือกลงทุนครั้งสำคัญในประเทศไทย ทำให้คนไทยมีกำลังใจว่าสิ่งที่ทำอยู่ การมุ่งสู่ดิจิทัล การมุ่งสู่ประเทศไทย 4.0 เรามาถูกทางแล้ว ทั้งนี้ รัฐบาลไทยแสดงความตั้งใจที่จะร่วมมือกับอาลีบาบา โดยทำหนังสือแสดงเจตจำนงร่วมกันเป็นครั้งแรก ในปี 2559 และพิธีการในวันนี้เป็นผลสืบเนื่องจากการประกาศความร่วมมือดังกล่าวที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ดีและความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง ก่อให้เกิดผลงานที่เป็นรูปธรรมระหว่างหน่วยงานภาครัฐของไทย และบริษัทในเครืออาลีบาบากรุ๊ปที่มีเป้าหมายร่วมกันในการพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการไทย และผลักดันให้สามารถเข้าถึงตลาดใหม่ในเวทีโลกผ่านนวัตกรรมด้านดิจิทัลต่างๆ ได้

การเดินทางมาของนายแจ๊ก หม่า ในวันนี้เป็นจังหวะที่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัวอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยมั่นใจปีนี้จะขยายตัวได้มากกว่า 4% แน่นอน ประกอบกับไทยยังมีนโยบายยกระดับผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ไทยไปสู่ดิจิทัลให้รวดเร็วที่สุด รวมทั้งการดำเนินนโยบายปฏิรูปภาคการเกษตร เพื่อไม่ให้เกษตรกรไทยย่ำอยู่กับที่ จึงต้องพัฒนาสินค้าไปสู่ตลาดโลกผ่านระบบสมาร์ท ฟาร์มเมอร์ ทำให้เศรษฐกิจไทยมีการเติบโตแบบทวีคูณ ไม่ใช่เติบโตเส้นตรง

ปัจจุบันประเทศไทยมีช่องว่างเรื่องรายได้ เราไม่ใช่ประเทศรายได้ปานกลาง แต่จริงๆ เป็นประเทศที่รายได้ค่อนข้างต่ำ ความร่วมมือครั้งนี้จะทำให้คนไทยก้าวสู่ประเทศรายได้ปานกลาง เพราะจะยกระดับเกษตรกรไทยและคนรุ่นใหม่ เพราะที่ผ่านมาอาลีบาบาได้เข้าไปช่วยรัฐบาลจีนในการพัฒนาชนบทผ่านการค้าออนไลน์ ภายใต้ชื่อโครงการ taopao ช่วยให้เกษตรกรสามารถทำการค้าผ่านช่องทางออนไลน์ได้ ดังนั้นเชื่อว่าอาลีบาบาจะเข้ามาช่วยคนไทย เกษตรกร คนยากจน ให้มีชีวิต มีรายได้ที่ดีขึ้นได้เช่นกัน

อาลีบาบาได้ศึกษาข้อมูลเปรียบเทียบในระดับภูมิภาคและตัดสินใจที่จะลงทุนสร้างดิจิทัลฮับ (สมาร์ท ดิจิทัล ฮับ) ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) เนื่องจากมีความเชื่อมั่นในนโยบายประเทศไทย 4.0 และอนาคตเศรษฐกิจไทยที่สดใส โดยดิจิทัลฮับที่จะสร้างขึ้นนับเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยเชื่อมโยงเอสเอ็มอีไทยทุกระดับ ทุกท้องถิ่น รวมถึงกลุ่มโอท็อปและกลุ่มเกษตรกรทั่วประเทศ ให้สามารถเข้าถึงตลาดจีนและตลาดโลก

ความร่วมมือกับอาลีบาบาที่เกิดขึ้นในวันนี้ เป็นความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ที่จะเป็นประโยชน์ต่อเอสเอ็มอีและเกษตรกรของไทย ซึ่งจะขยายไปยังอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมอื่นๆ ขณะเดียวกันยังจะเป็นแรงเสริมขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยด้วย

อาลีบาบาเข้ามาช่วยทำให้เอสเอ็มอีไทยมีความรอบรู้ แม้จะเป็นบริษัทเล็กๆ ไม่มีอำนาจต่อรอง แต่สามารถเข้าถึงตลาด เข้าถึงแหล่งเงินทุน ช่วยให้เอสเอ็มอีไทยลืมตาอ้าปากได้ ทุกคนหวั่นไหวว่าระบบการผลิตจะนำระบบอัตโนมัติเข้ามาใช้ แต่อย่างที่แจ๊ก หม่า กล่าวไว้ว่าไทยมีจุดแข็งที่มีใจบริการ (เซอร์วิส มายด์) อยู่แล้ว จึงควรให้ความสำคัญกับภาคการท่องเที่ยวให้มากขึ้น

สุดท้ายนี้อยากบอกว่าต่อไปนี้ไม่ใช่การเยินยอ แต่อยากบอกว่าสาเหตุที่เราเลือกอาลีบาบาเป็นพันธมิตรกับไทย เพราะอาลีบาบาเป็นพันธมิตรที่ดี ไม่ใช่เพราะเป็นบริษัทขนาดใหญ่ แต่เป็นบริษัทที่สามารถสร้างประโยชน์ที่ไม่เฉพาะประเทศจีน แต่ขยายผลไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก


 

อุตตม สาวนายน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

ตั้งแต่แรกที่นายแจ๊ก หม่า ได้พบกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็เข้าใจว่าเรามีความสนใจในอาลีบาบา และวิสัยทัศน์ของนายแจ๊ก หม่า คือ การทำงานและช่วยเหลือคนตัวเล็กๆ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 ทำให้เราเชื่อว่าไทยและจีนจะเป็นหุ้นส่วนกันในระยะยาวได้ โดยเฉพาะอีอีซีเป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่อาลีบาบาจะเข้ามาลงทุนสมาร์ท ดิจิทัล ฮับ ซึ่งไม่ใช่จุดสนใจเพียงพื้นเดียวและเชื่อว่าจะขยายกลุ่มเป้าหมายไปมากขึ้น

สำหรับนโยบายเปิดประเทศของจีนมีผลอย่างไรต่อไทย ผมเชื่อว่าเป็นการพัฒนาเชิงบวกต่อไทย มีการเปิดตลาดร่วมกันเพื่อส่งเสริมให้เจ้าของธุรกิจของไทยสามารถเข้าถึงตลาดในต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดจีนที่มีความสำคัญมากต่อประเทศไทย

สำหรับความร่วมมือในโครงการหลักที่จะช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมดิจิทัลและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสนับสนุนยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 ประกอบด้วยโครงการจัดตั้งศูนย์สมาร์ท ดิจิทัล ฮับ ในพื้นที่อีอีซีเพื่อส่งเสริมการค้ากับจีนและกลุ่มซีแอลเอ็มวี โดยจะอาศัยเทคโนโลยีระดับโลกของอาลีบาบาในด้านการประมวลข้อมูลโลจิสติกส์ ผ่านไช่เหนี่ยว (Cainiao Network) ซึ่งเป็นธุรกิจด้านโลจิสติกส์ของอาลีบาบา เพื่อทำให้การขนส่งสินค้าระหว่างไทยกับจีน การขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนสู่ประเทศเพื่อนบ้าน และไปยังที่อื่นทั่วโลก มีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด

นอกจากนี้ ยังได้มีการประสานกับกรมศุลกากรในการยกระดับพิธีการทางศุลกากรให้เป็นระบบดิจิทัลด้วย ซึ่งการตั้งศูนย์สมาร์ท ดิจิทัล ฮับนี้ จะเป็นศูนย์กลางในการดำเนินกิจกรรมวิจัยพัฒนาดิจิทัล ซึ่งสำนักงานอีอีซีจะเชื่อมประสานสมาร์ท ดิจิทัล ฮับ กับ เขตนวัตกรรมดิจิทัล หรือดิจิทัลพาร์ค (อีอีซีดี) และเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซีไอ) ด้วย

โครงการร่วมส่งเสริมพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลอีคอมเมิร์ซสำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย โดยอาลีบาบาได้เสนอให้วิทยาลัยธุรกิจอาลีบาบา ซึ่งเป็นสถาบันพัฒนาบุคลากรของอาลีบาบา ตั้งอยู่ที่เมืองหางโจว ร่วมมือกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ในการพัฒนาขีดความสามารถด้านดิจิทัลและอีคอมเมิร์ซของเอสเอ็มอีไทยทุกกลุ่มทั่วประเทศ รวมถึงเอสเอ็มอีในชุมชนท้องถิ่น และผู้ประกอบการรายย่อย

โดยเน้นให้ผู้ประกอบการมีความเข้าใจ ได้เรียนรู้และเสริมทักษะการใช้เทคโนโลยีไทยให้สามารถเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์ และเข้าถึงตลาดจีนที่มีผู้บริโภคอยู่ไม่น้อยกว่า 500 ล้านคน รวมถึงตลาดในภูมิภาคและตลาดสากลได้ตามลำดับ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image