เฉลียงไอเดีย : วัลลภ พิชญ์พงศา เปิดฝา‘CAPITAL ORGANIC’ หวังสร้างสมดุลชีวิตคนกิน-คนปลูก

ช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ในประเทศไทย การตื่นตัวและกระแสความนิยมเลือกกินเลือกใช้สินค้าปลอดสารเคมี โดยเฉพาะพืช ผัก อาหารเกษตรอินทรีย์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเดินไปตามห้างค้าปลีก ไปตามแหล่งท่องเที่ยว รวมถึงตลาดนัดชุมชนทั่วไป ก็จะมีสินค้าโฆษณาว่าปลอดสารพิษ ปลอดภัย หรือติดคำว่า “ออร์แกนิค” กันเกลื่อน

แต่สำหรับ วัลลภ พิชญ์พงศา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ท็อปออร์กานิก โปรดักส์ แอนด์ ซัพพลายส์ จำกัด ถือเป็นผู้กว้างขวางในวงการออร์แกนิคคนหนึ่ง และขึ้นชื่อว่าเป็นคนสำคัญของการผลักดันและส่งเสริมให้คนรู้จักเกษตรอินทรีย์ตามหลักสากล

“บริษัทตั้งมานานแล้วเกิน 10 ปี ที่ผ่านมาเราทำออร์แกนิคเพื่อส่งออกเท่านั้น เพราะตลาดต่างประเทศเกิดเร็วเกิดก่อน มีการเพิ่มสินค้าใหม่ๆ ต่อเนื่อง ซึ่งเกิดจาก 2 ส่วน คือ ลูกค้าผู้นำเข้าบอกความต้องมาให้เราหาเราผลิต กับเราพัฒนาสินค้าแล้วนำไปเสนอ เรื่องตลาดส่งออกนั้นเราชำนาญเพราะบริษัทท็อปฯ บริษัทหนึ่งในเครือเอสทีซีกรุ๊ป ผู้ส่งออกข้าวยักษ์ใหญ่ของไทย ต่อปีมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 15% หรือซื้อข้าวไทยเพื่อส่งออก1.5 ล้านตัน มีเครือข่าย แต่ที่แยกบริษัทเพราะเป็นสินค้าแนวออร์แกนิค เพื่อความชัดเจน ตลาดออร์แกนิคส่งไปทั้งยุโรป สหรัฐอเมริกา และในเอเชีย”

จากนั้นถึงวันนี้ เมื่อได้คลุกคลีทำงานร่วมกับผู้นำเข้าและโรงงานในไทยที่ผลิตป้อนส่งออก ทำให้เชี่ยวชาญ และรู้ว่าผู้บริโภคต้องการอะไร ประกอบกับปัจจุบันนี้คนไทยรับรู้และเพิ่มความต้องการสินค้าเพื่อสุขภาพปลอดสารเคมีอย่างต่อเนื่อง คุณวัลลภจึงใช้โอกาสเข้าร่วมงานแสดงสินค้าใหญ่สุดของไทย (ไทยเฟ็กซ์) ช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ถือฤกษ์เปิดตัวแบรนด์ CAPITAL ORGANIC ครั้งแรก

Advertisement

“ถือเป็นแบรนด์ของเราเอง และจุดเริ่มทำตลาดออร์แกนิคอย่างจริงจังในประเทศไทย โดยเราได้จ้างทีมดีไซเนอร์ออกแบบและวางคอนเซ็ปต์ตรงชื่อตราสินค้า ทั้งโลโก้ หีบห่อ การตกแต่ง ออกแบบเป็นเมืองที่จินตนาการขึ้นมา ใช้เวลาเกือบ 2 ปี ตอนนั้นไม่รู้ว่าชื่ออะไร แต่ไอเดียทำเรื่องออร์แกนิคมานานแล้ว อยากทำแบรนด์ของตนเอง ครอบคลุมสินค้าที่บริษัทพัฒนาออกออกสู่ตลาดเอง และคิดว่าถึงเวลาที่จะทำจริงจังแล้ว จนนึกชื่อ CAPITAL ORGANIC

เพราะวิชั่นของเราจะเป็นผู้นำด้านออร์แกนิคในไทยและทั่วเอเชีย การออกแบบทุกด้านจึงสอดคล้องกัน ที่เสมือนเป็นนครนครแห่งหนึ่ง”

และเพื่อให้สอดรับกับวิถีการใช้ชีวิตประจำวัน คนไทยคนทั่วโลก หันพึ่งพาการจับจ่ายใช้สอยผ่านเทคโนโลยีและสั่งซื้อสินค้าตามออนไลน์มากขึ้น จึงได้เปิดตัวพร้อมกับเปิดช่องทางจำหน่ายใหม่ แยกเป็นการเจาะเข้าร้านค้าขายสินค้าเฉพาะเพื่อสุขภาพ และเข้าช่องทางอีคอมเมิร์ซ เปิดเว็บไซต์ CAPITAL ORGANIC ในอีก 2 เดือนข้างหน้านี้

Advertisement

“เปิดตัวในงานไทยเฟ็กซ์ ปรากฏว่าได้รับการตอบรับที่ดี ทั้งผู้นำเข้าจากต่างชาติ คนไทยและเจ้าของร้านออร์แกนิค เขาระบุชื่นชอบรูปแบบ และความพร้อมของบริษัทที่มีสินค้าให้เลือกที่หลากหลาย ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าวอินทรีย์ชนิดต่างๆ ทำเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยว เส้นหมี่ เส้นผัดไทย ที่มีให้เลือกทั้งแปรรูปจากข้าวกล้อง ข้าวแดง ข้าวดำ ข้าวนิล แผ่นแป้งข้าวในการรับประทานอาหารแบบเวียดนามหรือห่อเป็นโรลที่มีส่วนผสมของข้าวเกิน 90% ถือว่าเป็นรายเดียวที่มีส่วนผสมข้าวมากสุดจากที่ขายกันทั่วไปจะผสมแป้งมันมากกว่า กลุ่มเส้นก็มีการผสมพืชคุณประโยชน์ เช่น ผสมขมิ้น ที่มีฤทธิ์มีคุณสมบัติลดการอักเสบ อันนี้เกิดจากความต้องการผู้นำเข้าในต่างประเทศให้เราผลิตป้อน ก็พบว่าขายดีมาก ซึ่งก็มีสินค้าผสมพืชสมุนไพรอีกหลายชนิดที่ผลิตเพื่อป้อนตลาดด้วย ตอนนี้ก็มีการวิจัยพัฒนาสินค้าหลากหลายชนิด ไม่แค่กลุ่มฟู้ด กลุ่มนอนฟู้ดหรือไม่ใช่อาหารก็กำลังดูจังหวะเปิดตัวที่เหมาะสมต่อไป”

ความหลากหลายไม่แค่กลุ่มข้าวแปรรูป ยังมีสินค้าในกลุ่มใช้มะพร้าวเป็นวัตถุดิบ ตั้งแต่กะทิที่มีเปอร์เซ็นต์ไขมันให้เลือกตามความต้องการ น้ำตาลมะพร้าว มะพร้าวผง อีกกลุ่มที่เด่นไม่แพ้กัน คือ เครื่องปรุง เครื่องแกงชนิดต่างๆ ที่นำสมุนไพรมาเป็นจุดขาย เช่น แกงเหลือง แกงเขียวหวาน ผสมขมิ้น ตะไคร้ หรือขิง น้ำส้มจากข้าวสำหรับปรุงสลัด โดยผู้ซื้อไม่ได้คำนึงเรื่องราคามากเท่าคุณประโยชน์

“ที่เราเพิ่งเปิดตัว แม้ผลิตและส่งออกมานานหลายปี เนื่องจากเห็นว่าเป็นจังหวะเหมาะสมทั้งความพร้อมของเราและตลาด เราจึงหันมาจริงจังกับตลาดในประเทศ เพราะอยากให้คนไทยสนใจเรื่องสุขภาพเพิ่มขึ้น รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ อยากให้คนตระหนักถึงสมดุลการใช้ชีวิต ตั้งแต่คนกิน คนใช้ คนผลิต เนื้อหาในเว็บไซต์เราจะสื่อสารถึงประโยชน์ และเห็นทุกขั้นตอนตั้งแต่การผลิตถึงมือผู้บริโภค ที่ผ่านมาผู้บริโภคมักสอบถามใส่ใจแหล่งที่มามากขึ้น เริ่มสนใจที่จะเพาะปลูกเองแบบง่ายๆ เช่น ผักปลอดสารพิษ ซึ่งไม่แค่ผู้ใหญ่ ระดับเด็กและวัยรุ่นก็สนใจมากขึ้น เห็นการเติบโตในส่วนนี้อย่างรวดเร็ว แม้ตอนนี้อาจวัดเป็นตัวเลขไม่ได้ว่าผู้ค้ากี่ราย คนปลูก คนผลิตจำนวนเท่าไหร่ หรือมูลค่าตลาดรวมแค่ไหน แต่เราวัดได้จากจำนวนผู้ค้าและสินค้าออร์แกนิคที่เห็นกันได้ทั่วไปในเพียงระยะไม่กี่ปีมานี้ จากเดิมงานแสดงสินค้าอาหารออร์แกนิคจะเป็นแค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ของสินค้าที่นำมาจัดแสดง แต่วันนี้ทุกงานแสดงสินค้าอาหารหรือตลาดนัดมีหมด ซึ่งแบรนด์เราจะสื่อสารให้ส่วนนี้”

คุณวัลลภยังมองไกลว่า การเปิดตัวครั้งนี้จะเป็นการจุดประกายว่า เมื่อผู้บริโภคตื่นตัวและต้องการสินค้าดีต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว จะส่งผลไปถึงผู้ผลิตที่เป็นเกษตรกร จะเข้าสู่ห่วงโซ่การผลิตที่ดีขึ้นด้วย เป็นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจรากหญ้า จากการเพิ่มรายได้เกษตรกร สุขภาพเกษตรกรก็ดีขึ้นจากที่ไม่ต้องใช้สารเคมี เมื่อบริษัทเป็นผู้นำซึ่งเป็นรายใหญ่ ก็จะสร้างรายใหม่เกิดขึ้น และเข้าสู่ระบบสากลโดยการเข้าการตรวจสอบและติดมาตรฐานออร์แกนิครับรองต่อไป

“หลายประเทศรอบอาเซียนตื่นตัวไม่แพ้ไทย แต่ไทยน่าจะครบวงจร ทั้งผลิตได้ พัฒนาได้ และส่งออกไปแล้วทั่วโลก แต่จะให้ขยายตัวได้ต่อเนื่อง อยากให้รัฐบาลเข้าสนับสนุนในเรื่องการเพิ่มโอกาสให้ผู้ผลิต เช่น การเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อนำมาใช้หมุนเวียน ควบคู่กับการรณรงค์กระตุ้นการบริโภคแบบต่อเนื่อง และทำงานใกล้ชิดกับเกษตรกรและผู้ค้าเพื่อให้เป็นแรงขับเคลื่อน เราเองคาดหวังรายได้ เริ่มที่เดือนละ 5 แสนบาท ยังน้อยหากเทียบกับการส่งออกที่ต่อปีมีรายได้กว่า 160 ล้านบาท”

ซึ่งปลายทางที่อยู่ในใจคุณวัลลภ คือ เชื่อว่าที่ทำอยู่นี่จะเป็นจุดเริ่มต้นในการผลักออร์แกนิคแบบกระจัดกระจาย และเป็นเพียงธุรกิจ ให้กลายเป็นอุตสาหกรรมออร์แกนิค และไทยได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางการผลิต นวัตกรรม และผู้ค้ารายใหญ่ในอาเซียน

นวลนิตย์ บัวด้วง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image