นักลงทุนฝรั่งเศสหนุนไทยแลนด์ 4.0 จ่อลงทุน’อีอีซี’

วันที่ 25 มิถุนายน ช่วงเช้า ณ แซร์กเลอ เดอ ลูนิยง แองแตร์อัลลิเย่ (Cercle de l’Union Interalliée) กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดโอกาสให้นักลงทุนรายใหญ่ของฝรั่งเศสพบหารือถึงแผนการลงทุนในไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ EEC ได้แก่ กลุ่ม Transdev Michelin Vinci และ Suez

นายกรัฐมนตรียินดีที่ทราบว่าเอกชนฝรั่งเศสให้ความสนใจพัฒนาการทางเศรษฐกิจของไทย และสนใจเป็นหุ้นส่วนในการพัฒนาประเทศไทยตามยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 รวมถึงการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่จะต้องมีการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอีกหลายโครงการ รัฐบาลยินดีต้อนรับนักลงทุนในด้านที่สอดรับกับการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะด้านนวัตกรรมและขอให้นักลงทุนได้มองยาวไป 20 ปีข้างหน้าตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี รวมทั้งนโยบาย Thailand+1 ที่จะเชื่อมต่อไปยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาค ทั้ง ACMECS CLMV และ ASEAN ที่ไทยจะเป็นประธานในปีหน้า

กลุ่ม Transdev ดำเนินธุรกิจหลักในสาขาบริการบริหารและระบบขนส่งมวลชน มีประสบการณ์สำคัญด้านกิจการรถไฟในหลายประเทศในยุโรป ระบบรถรางในฮ่องกง และระบบขนส่งทางรางในเขตเมือง ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายที่ชัดเจนที่จะจ้างงานแรงงานท้องถิ่น โดยจัดฝึกอบรมถ่ายทอดความเชี่ยวชาญ ซึ่งโครงการที่ Transdev สนใจลงทุนในไทยจะสอดคล้องกับนโยบาย Thailand 4.0 และ EEC และได้ก่อตั้งบริษัทในไทยแล้ว และมีแผนธุรกิจสำคัญ เช่น ร่วมมือกับ SNCF เพื่อบริหารและบำรุงรักษารถไฟความเร็วสูงเชื่อมโยงท่าอากาศยานดอนเมือง สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา และรถไฟสายต่างๆ ในกรุงเทพฯ โดยผู้บริหารบริษัทได้แสดงความยินดีในการถ่ายทอดเทคโนโลยี นวัตกรรม และการจ้างงานในการทำธุรกิจในไทย รวมทั้งความเชี่ยวชาญด้าน Smart City ที่รัฐบาลสนใจ ซึ่งจะได้มีโอกาสหารือกันต่อไป

Advertisement

กลุ่ม Michelin เป็นผู้นำการผลิตยางชั้นนำของโลก มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาการสัญจรอย่างยั่งยืน โดยมีสายการผลิตและการทำตลาดสำหรับพาหนะทุกประเภท รวมถึงการผลิตหนังสือท่องเที่ยวและการจัดอันดับร้านอาหาร ในประเทศไทย Michelin ได้ถูกจัดตั้งขึ้นภายใต้ชื่อ สยามมิชลินกรุ๊ป จำกัด โดยล่าสุด เมื่อปี 2556 บริษัทได้ตั้งโรงงานใหม่ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และมีพนักงานรวมในสำนักงานใหญ่และโรงงานทั้ง 6 แห่งกว่า 6,700 คน ปัจจุบันยางรถยนต์ส่วนใหญ่ของบริษัท Michelin ที่ขายกันทั่วโลกมาจากประเทศไทย

บริษัท Michelin ได้ประกาศที่จะเพิ่มการลงทุนในประเทศไทยประมาณ 500 ล้านยูโร (กว่า 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และจะเน้นลงทุนในเขตนิคมอุตสาหกรรมยางพารา (Rubber City) ที่ จ.สงขลา นอกจากนี้บริษัทยังมีความร่วมมือด้านการวิจัยคุณภาพยางธรรมชาติกับมหาวิทยาลัยมหิดล และการวัดขนาดยางกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ซึ่งนายกรัฐมนตรีย้ำว่าจะช่วยสนับสนุนแก้ปัญหาหากมีข้อติดขัดในเรื่องใด เพราะ Michelin เป็นบริษัทชั้นนำ และมีสาขาความเชี่ยวชาญที่กว้างขวาง นอกจากนี้ขอฝากให้ช่วยพิจารณาส่งเสริม สนับสนุนเรื่องยางพารา เพราะไทยมีศักยภาพการปลูกและผลิตยางพาราที่มีมาตรฐานตามที่รัฐบาลได้กำหนด จึงขอให้ Michelin ช่วยดูแลตั้งแต่การผลิต แปรรูป และจำหน่าย เพื่อให้อุตสาหกรรมยางพาราพัฒนาตามทันความต้องการของโลก โดยผู้บริหาร Michelin ได้แสดงความยินดีและจะนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ยางพาราไทย พร้อมทั้งได้ขอบคุณไทยที่ให้ความร่วมมือที่ดีเสมอมา และบริษัทได้ขยายสาขาไปเรื่อง พลังงานทางเลือก ซึ่งจะได้หารือกับไทยต่อไป

กลุ่ม Vinci Concession เป็นบริษัทก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ รับสัมปทานโครงการขนาดใหญ่จากรัฐ ที่ผ่านมามีผลงานก่อสร้างและบริหารท่าอากาศยานคันไซ กัมพูชา บราซิล และเมืองลียง รถไฟความเร็วสูงเชื่อมปารีสกับเมืองบอร์กโดซ์ เป็นต้น ทั้งนี้ ที่สนใจลงทุนในไทยได้แก่ พัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภา ซึ่งร่วมกับ Airbus และออกแบบก่อสร้างรถไฟขนส่งผู้โดยสารระหว่างอาคาร

บริษัทสนใจลงทุนในประเทศไทยในอุตสาหกรรมที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 และ EEC เช่น
ทางหลวงทุกสาย เช่น สายเหนือ (อยุธยา-โคราช) สายตะวันออก (พัทยา-มาบตาพุด) การพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภา โดยประสงค์จะร่วมมือกับ Airbus จัดตั้งเป็น consortium รวมทั้งมีความสนใจจะรับช่วงต่อในการบริหารร้านค้าปลอดภาษีในท่าอากาศยาน ทั้งนี้ บริษัทได้แสดงความสนใจอย่างยิ่งที่จะลงทุนในสาขาเหล่านี้ในรูปแบบการลงทุนที่เหมาะสมในไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ขอให้ไปหารือกับคณะผู้รับผิดชอบฝ่ายไทย และได้ฝากพิจารณาเรื่องการแก้ปัญหาจราจรด้วย โดยภาครัฐ เอกชน และเจตนารมณ์ของรัฐบาล จะช่วยผลักดันภายใต้ MEDEV ให้เดินหน้า และอย่าลืมว่า นอกจาก EEC ยังมี EECi และ EECd ที่ยังมีโอกาสอีกมาก

กลุ่ม SUEZ มีความเชี่ยวชาญด้านการบริหารทรัพยากรน้ำและการบำบัดน้ำเสียมากว่า 150 ปี รวมทั้งได้พัฒนานวัตกรรมเพื่อการจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืนและนำของเสียกลับมาใช้ใหม่ ส่งเสริมการเป็นเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยบริษัทสนใจเข้าไปลงทุนในไทย ทั้งใน EEC และในโครงการที่รัฐบาลมีอยู่ในแผน ซึ่งในโอกาสนี้นายกรัฐมนตรีขอให้ช่วยศึกษาการแก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง การบริหารจัดการของเสีย ที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image