แนะปลูกหม่อนไหม พืชใช้น้ำน้อย เหมาะกับหน้าแล้ง เกษตรกร”ชัยนาท”-“อยุธยา”ชิมลาง รับรายได้เฉลี่ยเดือนละ 12,000 บาท

นายอภัย สุทธิสังข์ อธิบดีกรมหม่อนไหม เปิดเผยว่า กรมหม่อนไหมได้ร่วมบูรณาการขับเคลื่อนโครงการส่งเสริมปรับเปลี่ยนอาชีพให้เหมาะสมกับพื้นที่เพื่อสู้วิกฤติภัยแล้ง ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำร่องในพื้นที่บ้านคลองใหญ่ ตำบลหนองแซง อำเภอหันคา จังหวัดชัยนาท และตำบลลำตาเสา อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่เป็น 2 จังหวัดจาก 22 จังหวัดลุ่มน้ำเจ้าพระยาที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งปีนี้

นายอภัย กล่าวว่า ได้ใช้แปลงของผู้นำกลุ่มเกษตรกรเป็นแปลงต้นแบบ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมที่จะปลูกข้าว เช่น ที่ดอนหรือพื้นที่เกษตรกรรมจำนวนน้อย ไม่สามารถปลูกข้าวหรือพืชอื่น ๆ ได้อย่างคุ้มค่า มาปรับเปลี่ยนทดลองปลูกหม่อนเลี้ยงไหม มีศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ สระบุรีสนับสนุนองค์ความรู้และให้คำแนะนำทางวิชาการ รวมถึงต้นพันธุ์หม่อนพันธุ์ดี สามารถปลูกได้แม้พื้นที่จำกัดเพียง 6 ไร่ อีกทั้งเป็นพืชที่ใช้น้ำน้อย สามารถใช้น้ำในบ่อกักเก็บที่อยู่มาหล่อเลี้ยงแปลงหม่อนในช่วงหน้าแล้งได้

นายอภัย กล่าวว่า โครงการนี้มีการประกันราคารับซื้อขั้นต่ำกิโลกรัม(กก.)ละ 180-200 บาท โดยบริษัท จรูญไหมไทย เป็นผู้รับซื้อด้วยการทำพันธะสัญญา หรือคอนแฟรก ฟาร์มมิ่ง ประเมินเบื้องต้นพื้นที่ 6 ไร่ จะผลิตหม่อนเฉลี่ย 1,800 – 2,000 กก./ไร่/ปี ผลผลิตรังไหม 60 กก./กล่อง หรือ 720 กก./ปี มีรายได้เฉลี่ย 12,000 บาท/เดือน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image